เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
DEFENDER คืนล้างโลกSamanthachiew
CALEB.



  • “ช่วยด้วย!” เสียงกรีดร้องดังลั่น


    เคเลบสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกตาโพลง

    เสียงร้องคำรามอันดุร้ายของสัตว์เดรัจฉาน และเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกที่ดังก้องกังวานพลันหายไป คล้ายเสียงสะท้อนที่เลือนหายไปอย่างฉับพลัน

    เคเลบหอบหายใจ ดวงตาสีดำกวาดมองไปตามกำแพงห้องที่ว่างเปล่า ผ้าม่านที่ปิดสนิท และประตูห้องที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา แล้วเมื่อสายตาเขาชินกับความมืด เคเลบก็ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วอยู่ขณะนี้ มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น

    เป็นแค่ฝัน -- เคเลบบอกตนเอง -- ดวงตายังคงเบิกโพลง ขณะจ้องมองเพดานห้องนอน

    เขาสัมผัสถึงหัวใจตรงอกซ้ายที่ค่อยๆเต้นลงอย่างช้าๆ ฟังเสียงหอบหายใจของตนที่ค่อยๆแผ่วเบาลง

    เคเลบพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง ในท่าเดียวกันกับก่อนที่เขาจะหลับตานอนเมื่อคืน แขนข้างหนึ่งยังคงเหยียดตรงอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ในขณะที่มืออีกข้างกำลังกุมฝ่ามืออันบอบบางไว้แน่น

    เคเลบเหลือบมองฝ่ามือที่เขากุมกระชับเอาไว้ ก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือนั้น

    ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์กำลังจ้องมองมา ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ราวกับได้แอบมองเขาอยู่นานแล้ว

    “สวัสดี” เคเลบกระซิบกับภรรยาสาว

    “สวัสดีค่ะ” เธอกระซิบตอบ 

    เคเลบมองรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ก่อนจะถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณได้นอนหลับไปบ้างไหม แมรี่” 

    แมรี่โกลด์ไม่ได้ตอบ

    เคเลบจ้องมองเธออยู่นาน ตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้ต่อ มือหนาที่กอบกุมมือของเธอเลื่อนขึ้นมาตามเรียวแขน และหัวไหล่อันบอบบางของเธออย่างแผ่วเบา 

    ดวงตาสีดำเข้มของเคเลบจับจ้องใบหน้าภรรยาสาว -- เขาพินิจมองไปตามใบหน้าของเธอ ทั้งหน้าผากกลมมน จมูกที่เชิดรั้น และริมฝีปากอิ่มตรงหน้า -- เธอดูอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย หากแต่ความอ่อนหวานตรงหน้ากลับทำให้เคเลบรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าไปใกล้ชิดเธอมากขึ้น -- และมากขึ้น -- มากจนเห็นรอยกระบนจมูก และประกายเจิดจ้าในดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้อย่างชัดเจน

    แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว

    วินาทีนั้นทั่วทั้งร่างเขาหยุดนิ่ง ฝ่ามือที่กุมหัวไหล่เธอเอาไว้เกร็งแน่นขึ้นมากะทันหัน

    เคเลบห้ามตนเองเอาไว้ --

    ห้ามไม่ให้ตนใกล้ชิดเธอมากไปกว่านี้ --

    ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์ยังคงจ้องมองเขาแน่นิ่ง คล้ายกำลังพิจารณาท่าทีของเขาอยู่เงียบๆ -- เคเลบมองตอบเธอ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจของอีกฝ่าย

    หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆออกมา --

    ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน จนในที่สุดเคเลบก็ขยับตัว เขาโน้มใบหน้าไปจุมพิตเรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเหลือบมองแขนอีกข้างที่เหยียดเกร็งมาทั้งคืน มองเลยไปจนถึงฝ่ามือที่กำลังกุมท่อนไม้ไว้แน่น เคเลบขยับแขนให้เลือดไหลได้สะดวกมากขึ้น ขจัดความเหน็บชาและปวดร้าว  ก้าวเดินไปทางประตูห้องอย่างเงียบๆ

    เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเขา --

    เขาหยุดชะงักเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม ราวกับรวบรวมสติของตนเอง จากนั้นจึงก้าวออกจากห้อง โดยไม่ได้หันกลับมามองเธอ แล้วปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ

    ร่างสูงเดินลงบันไดขนาดเล็กไปยังชั้นล่างของตัวบ้าน โถงทางเดินยังคงมืดสลัวเช่นเดียวกันกับห้องนั่งเล่น และห้องครัว  ภายในบ้านเงียบสนิท -- ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น นอกจากเสียงลงบันไดของเขาเอง 

    เอียด -- อาด

    เคเลบค่อยๆก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย เมื่อเสียงดังเอียดอาดของไม้กระดานหายไป เขาก็หยุดฟังเสียงรอบตัวอีกครั้ง --

    แวบหนึ่งเขาแว่วได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ คล้ายเสียงครวญของสัตว์ป่า -- แต่เมื่อแวบนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดดั่งเดิม

    เคเลบมองไปยังกองประกาศข่าวที่วางซ้อนอยู่กลางห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปมองสำรวจ

    มันคือข่าวหลายฉบับที่ถูกจัดเรียงไว้เป็นแนวยาว ราวกับเรื่องราวที่ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน แต่ละฉบับพาดหัวข่าวว่า

    หมู่บ้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า

    กลิ่นเหม็นเน่าของความตาย

    คำสาปของหมู่บ้าน

    เคเลบละสายตาไปยังชิ้นส่วนแผ่นประกาศอีกทางด้านหนึ่ง

    ฝูงนกอพยพ และซากนกที่ร่วงตายทั่วทั้งเมือง

    เสียงร้องลึกลับยามดึก คาดว่ามาจากชายแดนป่า

    สัตว์ป่าบ้าคลั่ง บุกทำร้ายมนุษย์

    คนตายอย่างปริศนา

    ไปจนถึงข่าวล่าสุดเมื่อวานที่ลงไว้ว่า

    เหตุลึกลับอันน่าหวาดกลัวของหมู่บ้าน 

    ถึงตรงนี้ ดวงตาสีดำละจากกองกระดาษตรงหน้า ค่อยๆไล่มองไปตามคราบเลือดที่เปรอะไปทั่วผืนพรม พื้นไม้ และกำแพงห้อง

    จากนั้นเขาก็ก้มลงคว้าอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้น -- เคเลบค่อยๆสะบัดมันไปมาเหนือพื้นไม้ ราวกับตั้งใจให้ของเหลวที่ไหลออกมาจากสิ่งนั้นกระจายไปทั่วบริเวณ

    เคเลบขยับตัวเข้าใกล้หน้าต่างเล็กน้อย จนแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เผยให้เห็นสิ่งที่เขากุมกระชับไว้ --

    มันคือแขนมนุษย์ท่อนหนึ่ง ที่ถูกตัดจนขาด อาบท่วมไปด้วยเลือด และเหม็นเน่าจนแสบจมูก

    หากแต่ใบหน้าคมสันยังคงนิ่งเฉย ปราศจากท่าทีหวาดกลัว หรือนึกเดียดฉันท์ใดๆ ทั้งหมดที่เขาจดจ่อ มีเพียงเลือดสีแดงฉานที่กระจายไปทั่วบริเวณเท่านั้น

    จนเมื่อเคเลบพอใจในสิ่งที่ทำแล้ว เขาก็โยนท่อนแขนนั้นไปยังมุมห้องอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหมุนตัวออกไปยังโถงทางเดินดั่งเดิม  มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม แล้วคว้ายาสูบมาคาบไว้มวนหนึ่ง

    ตอนนั้นเองที่หูเขาแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น --

    เคเลบชำเลืองมองไปยังห้องครัว -- ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

    ดวงตาสีดำเหลือบมองไปทางประตูบ้าน แต่มันยังคงปิดสนิทดั่งเดิม -- 

    ร่างสูงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น แล้วคว้ากลอนประตูไว้แน่น

    เขานิ่งค้างท่านั้นอยู่นาน ในที่สุดจึงปล่อยมือ แล้วค่อยๆเดินถอยออกมา หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น

    เคเลบหยุดฝีเท้าลงกลางห้อง มองดูมุมขอบพรมผืนเก่าบนพื้น ค่อยๆก้มลงขยับมันให้เข้าที่ จากนั้นจึงคว้าไม้ขีดออกมาจากเสื้อคลุม แล้วจุดยาสูบขึ้น

    เคเลบพ่นควันสีเทาออกมาจากริมฝีปากอย่างช้าๆ ขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมข้างตัว ดวงตาสีดำขลับกวาดมองไปรอบๆห้องนั่งเล่น ขณะวางท่อนไม้ไว้ข้างตัว

    ภายในบ้านยังคงตกอยู่ในความเงียบ --

    เคเลบอัดควันยาสูบเข้าเต็มปอด ดวงตาสีดำยังคงจับจ้องไปยังความมืดเบื้องหน้า ริมฝีปากหยักขยับพ่นควันสีเทาออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนมืออีกข้างเข้าไปในเสื้อคลุมช้าๆ จากนั้นจึงเกิดเสียงขึ้นท่ามกลางความเงียบดัง แกรก --

    แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่างที่แตกร้าวเข้ามาภายในห้อง เผยให้เห็นวัตถุบางอย่างในมือของเคเลบ แม้จะไม่ชัดเจน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้สังเกตเห็นได้ว่ามันคือปืนกระบอกหนึ่ง

    “ออกมา”  เสียงทุ้มต่ำของเคเลบเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา หากแต่ดังชัดเจนภายในห้อง ดวงตาอันคมกริบยังคงจ้องมองไปยังมุมห้องที่มืดสนิท

    “นายมีเวลาห้านาที” เขาบอกกับผู้บุกรุกยามวิกาลคนนั้น


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in