“ช่วยด้วย!” เสียงกรีดร้องดังลั่น
เคเลบสะดุ้งตื่นขึ้น ดวงตาเบิกตาโพลง
เสียงร้องคำรามอันดุร้ายของสัตว์เดรัจฉาน และเสียงกรีดร้องอันตื่นตระหนกที่ดังก้องกังวานพลันหายไป คล้ายเสียงสะท้อนที่เลือนหายไปอย่างฉับพลัน
เคเลบหอบหายใจ ดวงตาสีดำกวาดมองไปตามกำแพงห้องที่ว่างเปล่า ผ้าม่านที่ปิดสนิท และประตูห้องที่ถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา แล้วเมื่อสายตาเขาชินกับความมืด เคเลบก็ค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วอยู่ขณะนี้ มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
เป็นแค่ฝัน -- เคเลบบอกตนเอง -- ดวงตายังคงเบิกโพลง ขณะจ้องมองเพดานห้องนอน
เขาสัมผัสถึงหัวใจตรงอกซ้ายที่ค่อยๆเต้นลงอย่างช้าๆ ฟังเสียงหอบหายใจของตนที่ค่อยๆแผ่วเบาลง
เคเลบพบว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียง ในท่าเดียวกันกับก่อนที่เขาจะหลับตานอนเมื่อคืน แขนข้างหนึ่งยังคงเหยียดตรงอยู่ภายใต้ผ้าห่ม ในขณะที่มืออีกข้างกำลังกุมฝ่ามืออันบอบบางไว้แน่น
เคเลบเหลือบมองฝ่ามือที่เขากุมกระชับเอาไว้ ก่อนจะไล่มองไปยังใบหน้าของเจ้าของฝ่ามือนั้น
ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์กำลังจ้องมองมา ริมฝีปากอิ่มส่งยิ้มมาให้เล็กน้อย ราวกับได้แอบมองเขาอยู่นานแล้ว
“สวัสดี” เคเลบกระซิบกับภรรยาสาว
“สวัสดีค่ะ” เธอกระซิบตอบ
เคเลบมองรอยคล้ำใต้ตาของเธอ ก่อนจะถามขึ้นมาเบาๆว่า “คุณได้นอนหลับไปบ้างไหม แมรี่”
แมรี่โกลด์ไม่ได้ตอบ
เคเลบจ้องมองเธออยู่นาน ตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้ต่อ มือหนาที่กอบกุมมือของเธอเลื่อนขึ้นมาตามเรียวแขน และหัวไหล่อันบอบบางของเธออย่างแผ่วเบา
ดวงตาสีดำเข้มของเคเลบจับจ้องใบหน้าภรรยาสาว -- เขาพินิจมองไปตามใบหน้าของเธอ ทั้งหน้าผากกลมมน จมูกที่เชิดรั้น และริมฝีปากอิ่มตรงหน้า -- เธอดูอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย หากแต่ความอ่อนหวานตรงหน้ากลับทำให้เคเลบรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้โน้มเข้าไปใกล้ชิดเธอมากขึ้น -- และมากขึ้น -- มากจนเห็นรอยกระบนจมูก และประกายเจิดจ้าในดวงตาสีเขียวคู่นั้นได้อย่างชัดเจน
แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว
วินาทีนั้นทั่วทั้งร่างเขาหยุดนิ่ง ฝ่ามือที่กุมหัวไหล่เธอเอาไว้เกร็งแน่นขึ้นมากะทันหัน
เคเลบห้ามตนเองเอาไว้ --
ห้ามไม่ให้ตนใกล้ชิดเธอมากไปกว่านี้ --
ดวงตาสีเขียวของแมรี่โกลด์ยังคงจ้องมองเขาแน่นิ่ง คล้ายกำลังพิจารณาท่าทีของเขาอยู่เงียบๆ -- เคเลบมองตอบเธอ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจของอีกฝ่าย
หากแต่แมรี่โกลด์ก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆออกมา --
ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่นาน จนในที่สุดเคเลบก็ขยับตัว เขาโน้มใบหน้าไปจุมพิตเรือนผมสีแดงเพลิงของเธอ จากนั้นจึงขยับตัวลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเหลือบมองแขนอีกข้างที่เหยียดเกร็งมาทั้งคืน มองเลยไปจนถึงฝ่ามือที่กำลังกุมท่อนไม้ไว้แน่น เคเลบขยับแขนให้เลือดไหลได้สะดวกมากขึ้น ขจัดความเหน็บชาและปวดร้าว ก้าวเดินไปทางประตูห้องอย่างเงียบๆ
เสียงของแมรี่โกลด์ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังเขา --
เขาหยุดชะงักเล็กน้อย สีหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม ราวกับรวบรวมสติของตนเอง จากนั้นจึงก้าวออกจากห้อง โดยไม่ได้หันกลับมามองเธอ แล้วปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
ร่างสูงเดินลงบันไดขนาดเล็กไปยังชั้นล่างของตัวบ้าน โถงทางเดินยังคงมืดสลัวเช่นเดียวกันกับห้องนั่งเล่น และห้องครัว ภายในบ้านเงียบสนิท -- ไม่มีเสียงใดๆดังขึ้น นอกจากเสียงลงบันไดของเขาเอง
เอียด -- อาด
เคเลบค่อยๆก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้าย เมื่อเสียงดังเอียดอาดของไม้กระดานหายไป เขาก็หยุดฟังเสียงรอบตัวอีกครั้ง --
แวบหนึ่งเขาแว่วได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ คล้ายเสียงครวญของสัตว์ป่า -- แต่เมื่อแวบนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดดั่งเดิม
เคเลบมองไปยังกองประกาศข่าวที่วางซ้อนอยู่กลางห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปมองสำรวจ
มันคือข่าวหลายฉบับที่ถูกจัดเรียงไว้เป็นแนวยาว ราวกับเรื่องราวที่ถูกปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน แต่ละฉบับพาดหัวข่าวว่า
หมู่บ้านเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า
กลิ่นเหม็นเน่าของความตาย
คำสาปของหมู่บ้าน
เคเลบละสายตาไปยังชิ้นส่วนแผ่นประกาศอีกทางด้านหนึ่ง
ฝูงนกอพยพ และซากนกที่ร่วงตายทั่วทั้งเมือง
เสียงร้องลึกลับยามดึก คาดว่ามาจากชายแดนป่า
สัตว์ป่าบ้าคลั่ง บุกทำร้ายมนุษย์
คนตายอย่างปริศนา
ไปจนถึงข่าวล่าสุดเมื่อวานที่ลงไว้ว่า
เหตุลึกลับอันน่าหวาดกลัวของหมู่บ้าน
ถึงตรงนี้ ดวงตาสีดำละจากกองกระดาษตรงหน้า ค่อยๆไล่มองไปตามคราบเลือดที่เปรอะไปทั่วผืนพรม พื้นไม้ และกำแพงห้อง
จากนั้นเขาก็ก้มลงคว้าอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้น -- เคเลบค่อยๆสะบัดมันไปมาเหนือพื้นไม้ ราวกับตั้งใจให้ของเหลวที่ไหลออกมาจากสิ่งนั้นกระจายไปทั่วบริเวณ
เคเลบขยับตัวเข้าใกล้หน้าต่างเล็กน้อย จนแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา เผยให้เห็นสิ่งที่เขากุมกระชับไว้ --
มันคือแขนมนุษย์ท่อนหนึ่ง ที่ถูกตัดจนขาด อาบท่วมไปด้วยเลือด และเหม็นเน่าจนแสบจมูก
หากแต่ใบหน้าคมสันยังคงนิ่งเฉย ปราศจากท่าทีหวาดกลัว หรือนึกเดียดฉันท์ใดๆ ทั้งหมดที่เขาจดจ่อ มีเพียงเลือดสีแดงฉานที่กระจายไปทั่วบริเวณเท่านั้น
จนเมื่อเคเลบพอใจในสิ่งที่ทำแล้ว เขาก็โยนท่อนแขนนั้นไปยังมุมห้องอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหมุนตัวออกไปยังโถงทางเดินดั่งเดิม มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม แล้วคว้ายาสูบมาคาบไว้มวนหนึ่ง
ตอนนั้นเองที่หูเขาแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น --
เคเลบชำเลืองมองไปยังห้องครัว -- ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
ดวงตาสีดำเหลือบมองไปทางประตูบ้าน แต่มันยังคงปิดสนิทดั่งเดิม --
ร่างสูงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังประตูบานนั้น แล้วคว้ากลอนประตูไว้แน่น
เขานิ่งค้างท่านั้นอยู่นาน ในที่สุดจึงปล่อยมือ แล้วค่อยๆเดินถอยออกมา หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น
เคเลบหยุดฝีเท้าลงกลางห้อง มองดูมุมขอบพรมผืนเก่าบนพื้น ค่อยๆก้มลงขยับมันให้เข้าที่ จากนั้นจึงคว้าไม้ขีดออกมาจากเสื้อคลุม แล้วจุดยาสูบขึ้น
เคเลบพ่นควันสีเทาออกมาจากริมฝีปากอย่างช้าๆ ขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมข้างตัว ดวงตาสีดำขลับกวาดมองไปรอบๆห้องนั่งเล่น ขณะวางท่อนไม้ไว้ข้างตัว
ภายในบ้านยังคงตกอยู่ในความเงียบ --
เคเลบอัดควันยาสูบเข้าเต็มปอด ดวงตาสีดำยังคงจับจ้องไปยังความมืดเบื้องหน้า ริมฝีปากหยักขยับพ่นควันสีเทาออกมาอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนมืออีกข้างเข้าไปในเสื้อคลุมช้าๆ จากนั้นจึงเกิดเสียงขึ้นท่ามกลางความเงียบดัง แกรก --
แสงจันทร์ส่องผ่านบานหน้าต่างที่แตกร้าวเข้ามาภายในห้อง เผยให้เห็นวัตถุบางอย่างในมือของเคเลบ แม้จะไม่ชัดเจน แต่มันก็มากพอที่จะทำให้สังเกตเห็นได้ว่ามันคือปืนกระบอกหนึ่ง
“ออกมา” เสียงทุ้มต่ำของเคเลบเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา หากแต่ดังชัดเจนภายในห้อง ดวงตาอันคมกริบยังคงจ้องมองไปยังมุมห้องที่มืดสนิท
“นายมีเวลาห้านาที” เขาบอกกับผู้บุกรุกยามวิกาลคนนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in