ทำไมชีวิตช่วงนี้มันหนักจัง ? จนฉันคิดว่าฉันจะผ่านมันไปได้ไหม ฉันจะผ่านมันไปได้จริงๆใช่ไหม สมัยฉันอยู่มัธยมปลาย ฉันเป็นคนที่ชอบคิดมาก คิดมากแบบมากๆ จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิกคิดมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตได้จากการเรียนจบมัธยมปลายมาแล้ว และกำลังจบปริญญาตรีในอีกไม่ช้านี้ ความสุขเป็นสิ่งที่เราควรจะมีในทุกๆช่วงเวลาของชีวิต
แต่ถามว่าในบางช่วงเวลา ถึงเราพยายามจะมีความสุขมากแค่ไหน ก็คงยากอยู่ดี
3 เรื่องที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้คือเรื่องที่ฉันสับสนระหว่างความสุขของตัวเองกับความสุขของคนอื่น
1.พ่ออยากให้ฉันทำงานเป็นคุณครูแถวบ้าน
พ่อบอกว่าจะได้ไม่ต้องเสียค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าที่พักมาก...
แต่ฉันอยากทำงานเอกชน อยากลองทำงานที่อยากทำก่อน ต้องบอกก่อนเลยว่าพ่อฉันเป็นคนมีเหตุผลมากๆ และหลายอย่างที่พ่อเลือกให้แล้วก็มักจะเป็นสิ่งที่ดี ฉันรู้ แต่ฉันอยากทงานที่ตัวเองอยากทำก่อนจริงๆ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะหางานที่ไม่ต้องทำแลป เพราะฉันไม่ชอบทำแลป และต้องเป็นงานที่พ่อเล็งเห็นว่ามันเหมาะสำหรับฉันจริงๆ สุดท้ายฉันก็ได้งานตามเป้าหมายนั้น ตอนแรกฉันไม่กล้าบอกพ่อ กลัวพ่อจะไม่อนุญาตให้ทำ แต่พ่อกลับพูดว่าพ่อดีใจมาก ประโยคที่ทำให้ฉันยิ้มทันทีที่ได้ยินคือ
"เก่งมาก นางฟ้าของป๊า"
มันเป็นความรู้สึกดีๆนะที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและคนในครอบครัวพอใจ ถ้ามันเลือกไม่ได้ทางใดทางหนึ่ง เราก็ต้องหาทางที่จะมาเจอกันคนละครึ่งทาง ทางพ่อที่เห็นว่าฉันทำได้ กับทางที่ฉันอยากทำ และต้องลงท้ายด้วยความสุขของทั้งสองฝ่าย
2.การบอกเลิกผู้ชายครั้งแรกในชีวิต
ไม่ได้จะมาบอกว่าตัวเองสวยแต่อย่างใดนะ แค่อยากมาพูดว่า ความรู้สึกเขาเราก็แคร์ ความรู้สึกตัวเอง เราก็แคร์ เราแคร์ความรู้สึกคนรอบข้างเขามากกว่าคนรอบข้างเราอีก แต่ทบทวนไปทบทวนมาแล้วมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรที่จะยื้อต่อ เขาเป็นของเขาแบบนั้น เราเป็นของเราแบบนี้ พยายามเปลี่ยนแล้ว พยายามยอมรับแล้ว แต่เราทั้งคู่ทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนตัวเองทุกอย่างเพื่อให้เราพอใจได้ เราก็ทำแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน พูดว่าเปลี่ยนคนใหม่ง่ายกว่าก็คงไม่ผิด เราเตรียมคำพูดเยอะมากเพื่อรองรับคำถามของเขา รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมาก เอาแต่ใจมาก ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ตอนที่รักกันดีก็ย้ำกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจ แต่สุดท้ายเราไม่ไหวจริงๆ เราต้องขอถอยออกมา เขาเสียใจ เราก็ไม่ได้บอกว่าเราไม่เสียใจ แต่เข้าใจคำว่ามันไม่พอดีปะ ไม่อยากให้เขามาเสียเวลากับการต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เราพอใจ ให้เขาไปหาคนใหม่ที่พอดีกับเขามากกว่าเราดีกว่า ถึงเขาจะยื้อ แต่เรารู้ดีอยู่แล้วว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคนจริงๆ ต่างคนต่างปล่อยมือจากกันไปเพื่อไปหามือที่จับแล้วพอดี ไม่ดีกว่าเหรอ สบายกว่ามือที่จะต้องคอยขยับทุกๆวินาทีเพื่อให้อีกคนสบายแต่ตัวเองไม่โอเคอีก ก็ยังขอบคุณที่เข้ามาเป็นความสุขให้เรา
และตอนนี้ความสุขคือการปล่อยให้เขาไปเจอคนที่พอดีกับเขามากกว่าเรา
3.คนที่สักแต่ว่าอยากจะพูดก็ต้องปล่อยให้เขาพูดไป อย่าไปเถียงเลย ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียเวลา
ถ้าเขามีความสุขกับการได้พูด ได้แสดงว่าตัวเองเก่ง นั่นมันก็เรื่องของเขา แล้วถ้าเราไม่พอใจกับการกระทำของเขา นั่นมันก็เรื่องของเรา พ่อบอกเสมอว่าเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ เราเปลี่ยนได้แค่ตัวเราเอง ทางที่ดีที่สุดคือกลับมามองตัวเองว่าที่เราหงุดหงิดกับเขาเพราะอะไร เพราะเราเอาใจเข้าไปผูกกับการกระทำของเขา ถูกไหม ถ้าเราเอาตัวเองออกมานั่งมองดูห่างๆ ก็รับรู้ ก็ฟัง แต่ก็จบเท่านั้น ไม่ต้องไปมีอารมณ์เพิ่มเข้าไป เราเองก็ไม่เหนื่อย เขาเองก็สุขที่จะได้พูดในสิ่งที่เขาอยากพูด ต่างฝ่ายต่างแฮปปี้ ช่วงแรกๆทำไม่ได้ง่ายๆหรอก ฝึกแบบนี้บ่อยๆเดี๋ยวก็โอเคเอง เขาพูดไรมาเราก็หัวเราะ ยิ่งถ้าเขาพูดด่าคนอื่นแต่เข้าตัวเอง เรายิ่งต้องหัวเราะให้ดัง.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in