เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
my movie list凤影
onward คู่ซ่าล่ามนต์มหัศจรรย์
  • คำเตือน ! มีเนื้อหาที่สปอยล์เนื้อเรื่องหนักมาก อาจจะไม่ทั้งหมด แต่มันก็คือการสปอยล์นะคะ ! 

    8/8/64

    ฉันดูหนังเรื่องนี้ประมาณตอนบ่ายๆมั้งคะ พึ่งดูจบสดๆร้อนๆเลย ร้องไห้จนตาบวมเพราะรู้สึกซึ้งใจมากๆ

    เล่าเลยก็แล้วกันนะคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับ เอ่อ เอลฟ์หรอ นั่นแหละค่ะ หนังเปิดมาด้วยเสียงของผู้ชายประมาณว่า เมื่อก่อนทุกคนใช้เวทมนตร์กัน แต่เพราะว่ามันควบคุมยากก็เลยสร้างอะไรที่มันอำนวยความสะดวกกว่า อย่างเช่น ถ้าจะจุดไฟ แทนที่จะร่ายคาถาทำไมเราถึงไม่สร้างหลอดไฟขึ้นมาแทนล่ะ! อะไรแบบนี้

    เทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นแทนที่การใช้พลัง สุดท้ายเวทมนตร์ก็หายไป ฉันคิดว่ามันคล้ายกฎของการใช้ไม่ใช้ของลามาร์คหรือเปล่านะ (หัวเราะ) ถ้าเวทมนตร์มีจริงแล้วเราหัดใช้บ่อยๆก็อาจจะใช้ได้เหมือนกันมั้ง (นอกเรื่อง)

    เอาล่ะ ประเด็นอยู่ตรงที่ว่าในวันเกิดของตัวละครอย่าง เอียน ไลต์ฟุต ที่เขาอายุ16+แล้วนั้น คุณแม่ได้มอบของขวัญจากพ่อให้กับเขาและ บาร์ลีย์ ผู้เป็นพี่ชาย มันเป็นห่อผ้ายาวๆที่พอแกะออกมาก็บูม เจอไม้ค เอ่อ แปปนึงนะคะฉันหาตัวนั้นไม่เจอ อ่ะ! นี่ ไม้คฑาวิเศษ! พร้อมกับฟินิกส์เจ็ม หรืออัญมณีฟินิกส์นั่นเอง พร้อมกับกระดาษคาถาคืนชีพพ่อเสร็จสรรพ แต่พ่อจะกลับมาได้แค่1วันเท่านั้น พออาทิตย์ลับฟ้า เขาก็จะหายไป แล้วทีนี้บาร์ลีย์ลองร่ายคาถาดูปรากฎว่าเขาทำไม่ได้ เอียนก็เลยลองเอามาอ่านเล่นๆดู แล้วก็ว้าว!  เขาทำได้ เอียนท่องคาถาจนจบ  แต่ว่าเวทมนตร์มันแรงมาก และเขารับไม่ไหว เลยซัมมอนพ่อมาได้แค่ครึ่งร่างค่ะ 

    ดังนั้นตัวละครหลักอย่างสองพี่น้องเอลฟ์ โอ้ ลืมบอกไปว่าพวกเขาเป็นเอลฟ์ นั่นแหละค่ะ เขาได้ออกไปตามหาฟินิกส์เจ็มเพื่อซัมมอนร่างของพ่อให้สมบูรณ์อีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาทำสำเร็จ แต่ระหว่างทางก็เจออะไรมามาก และมันทำให้ฉันได้เห็นถึงความรักและความห่วงใยของบาร์ลีย์ ไลต์ฟุตที่มีต่อน้องชายของตัวเอง ซึ่งฉันประทับใจมากๆ

     อา ถ้ามีคำผิดหรือตกหล่นฉันต้องขออภัยด้วยจริงๆค่ะ แต่ฉันขี้เกียจแก้มากๆ

    ฉันจะพูดถึงคาแรกเตอร์ของเอียนก่อนก็แล้วกันนะคะ เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุ16ที่ขี้อาย อืม ไม่เชิงว่าขี้อาย เขาแค่ไม่ค่อยมีความกล้าเท่าไหร่ ในวันที่เขาไปโรงเรียน เขาเขียนลิสต์ new me ขึ้นมาเพื่อเป็นแพลนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เขาเขียนว่า เขาจะพูดเก่งขึ้น ชวนเพื่อนไปปาร์ตี้ และเป็นเหมือนพ่อ ประมาณนี้มั้งคะ ฉันชักจะลืมๆ (หัวเราะอีก) คือเขาอยากเป็นเหมือนพ่อเพราะเขาได้คุยกับเพื่อนเก่าพ่อแล้วได้ัฟังคำบอกเล่าจากเขามาว่าพ่อกล้าหาญมาก ดังนั้นเขาจึงอยากจะเป็นคนที่กล้าหาญเหมือนพ่อนั่นแหละค่ะ  

    ฉันคิดว่าความกล้าหาญเป็นปมในใจเขานะ เพราะเขาขี้กลัว ว้าว ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีลิสต์อีกข้อที่เขาเขียนไว้ว่า เรียนขับรถค่ะ นั่นแหละ กลับมาที่เดิมนะคะ เขาขี้กลัว เพราะฉะนั้นลิสต์ที่เขาเขียนไว้มันเลยล่มทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ล่มตั้งแต่ไม่กล้าพูดให้เพื่อนเอาเท้าออกจากโต๊ะ เรียนขับรถก็ไม่กล้าขับเข้าเลน(ฉันด้วยคนนึง ฉันเป็นคนที่ไม่กล้าขับรถเลยค่ะ มอเตอร์ไซค์ก็ด้วย ฉันขี่เป็นนะ แต่ถ้าลงถนนใหญ่มันก็จะเกร็งๆหน่อย)

    อย่างนั้นแหละ ทุกอย่างที่เขาลิสต์มามันเฟล และตอนนั้นเขาก็ต้องไปทำเควสเพื่อซัมมอน(อัญเชิญ)พ่อกลับมาอีกครั้ง มันก็เลยเป็นเหมือนสิ่งที่ค่อยๆดึงความกล้าของเอียนออกมาทีละนิด

     ทีนี้มาพูดถึง บาร์ลีย์ ไลต์ฟุตบ้างดีกว่า เขาเป็นพี่ชายที่กล้าหาญ เสียงดัง และหลงใหลในประวัติศาสตร์และเวทมนตร์มากๆ เขาท่องคาถาได้ แต่ใช้ไม่ได้เพราะไม่มีพลัง 

    ซึ่งฉันทึ่งที่มันไม่มีคอนฟลิคแบบ พี่อิจฉาน้องที่ใช้พลังได้บลาๆ ต้องแย่งมาอย่างงั้นอย่างงี้ (หัวเราะ) โอเค ฉันอาจจะดูละครไทยมากเกินไป แต่นี่เป็นหนังที่ดีมากเลยค่ะ ฉันประทับใจในตัวของบาร์ลีย์เอามากๆ เขาเป็นพี่ชายที่เราอาจจะรู้สึกรำคาญหรือไม่อยากเข้าใกล้เพราะเขาตัวใหญ่ แต่มันจะมีความรู้สึกที่ว่า เฮ่ แต่เขาเป็นพี่ชายที่ซุปเปอร์คูลคนนึงเลย! อะไรแบบนี้

    บาร์ลีย์ไม่เคยพูดบั่นทอนเอียนเลยค่ะ บาร์ลีย์ให้กำลังใจเอียนตลอด นายทำได้ อย่างนั้นแหละ นายสุดยอด บาร์ลีย์จะเป็นแบบนี้เวลาเอียนจะต้องทำอะไร เขารักน้องชายของเขาและขณะเดียวกันเขาก็ตื่นเต้นและยินดีไปกับความสามารถของน้องชายตัวเอง

    ก็มีให้ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาดีกัน

    มีช่วงนึงที่เอียนใช้พลังแปลงร่างทีี่ห้ามพูดโกหก ถ้าโกหกจะเผยร่างจริงตัวเอง ซึ่งตอนนั้น คุณตำรวจพูดถึงบาร์ลีย์ว่าเป็นตัวแสบ เป็นพวกแหลกเหลว ซึ่งในตอนนั้นเอียนแปลงร่างป็น เอ่อ ใครน้า ฉันออกไปหาชื่อตัวละครแป๊บนึงนะคะ

    อ่า โคล บรอนโกค่ะ ถ้าฉันสะกดผิดต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ 

    บาร์ลีย์มีปัญหากับบรอนโกที่เป็นตำรวจและแฟนใหม่ของแม่ตลอด ดังนั้น ถ้าจะให้สมบทบาทเขาควรจะพูดออกไปว่า ใช่ บาร์ลีย์เป็นคนเหลวแหลก แต่พอเอียนพูดว่าไม่ ซึ่งควรจะไม่ใช่คำโกหก กลับกลายเป็นว่าเวทมนตร์มันคลายออก บาร์ลีย์ชะงักไป อย่างนั้นก็แสดงว่าน้องชายคิดว่าเขาเป็นคนเหลวแหลกอย่างนั้นสินะ...

    ตรงนี้เศร้าอยู่นะคะ แต่แค่แป๊ปเดียวจริงๆ เพราะน้องเอียนมาบอกพี่ว่ามันไม่ใช่นะ เขาไม่เคยมองว่าพี่ชายของเขาเป็นคนเหลวแหลกเลย 

    แต่จู่ๆคุณพ่อที่ถูกซัมมอนมาครึ่งล่างก็เต้นไปกับเพลงในรถที่บาร์ลีย์เปิดไว้เพื่อกลบเสียงพูดแก้ตัวของเอียน ซึ่งสุดท้ายทั้งสามคนก็พากันมาจอยด้วยการเต้น กลับมารักกันและเดินทางต่อ

    อา ฉันหงุดหงิดที่ตัวเองนิ้วเบียดเอามากๆ ถ้าฉันเขียนในมือถือฉันไม่ว่าเลยแต่นี่ฉันกำลังพิมพ์บนคอมพิวเตอร์! 

    โอเค แล้วทีนี้ พวกเขามาถึงสะพานอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะข้ามไป เขาต้องข้ามไปเปิดสะพานอีกฝั่งเพื่อที่รถจะขับเข้าไปได้ ซึ่งเอียนได้ใช้พลังในการเดินบนอากาศเพื่อข้ามไปเปิดสะพานอีกฝั่ง 

    ในฉากนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองของเอียนที่เริ่มมีมากขึ้น เพราะว่าเขาข้ามฝั่งได้โดยไม่ที่เชือกที่เอวหลุดไปแล้วตั้งแต่ครึ่งทาง เอียนเองก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้าขึ้น

    จังหวะนั้นตำรวจก็มาพอดี แหงล่ะ พวกเขาออกจากบ้านไปแล้วทิ้งแค่จดหมายน้อยไว้ว่า เดี๋ยวเราจะกลับมาพร้อมเซอร์ไพรส์นะ อะไรแบบนี้ ซึ่งแม่ก็เป็นห่วงเลยออกตามหาเขาพร้อมกับของให้คุฯบรอนโกช่วยตามหา

    เอียนที่ตอนแรกคิดว่าควรกลับไปกับตำรวจ แต่สุดท้ายเขาก็เข้าสตาร์ทรถแล้วขับทะยานออกไป เยส เขาเริ่มใจกล้าบ้าบิ่นเหมือนพี่ชายเข้าไปทุกทีแล้ว! 


    ขอตัดไปที่ตอนพวกเขาอยู่ในถ้ำ กำลังลอยอยู่บนขนมยักษ์ที่เอียนเสกให้ลอยน้ำ เพื่อไปถึงที่หมายให้เร็ว

    ระหว่างนั่งลอยอยู่บนขนม เขาก็คุยกันเรื่องพ่อ บาร์ลีย์มีผมในใจเรื่องกลัวการไปพบพ่อครั้งสุดท้ายก่อนเขาตาย เพราะพ่อมีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด ความขี้กลัวของเขาทำให้ไม่ได้เจอพ่อ ดังนั้นเขาก็เลยเลิกกลัว และทำในสิ่งที่ต้องการด้วยความกล้าหาญ 


    ถ้าเรามัวแต่กลัวเราอาจจะสูญเสียโอกาสอะไรสักอย่างก็ได้

    แหม่ คมจัง แต่ฉันก็คนนึงล่ะที่เป็นพวกขี้กลัว ฮึบๆ วันไหนน้อที่ฉันจะเลิกกลัว ฮึบๆ

    อย่างงั้นแหละ สุดท้ายเขาฝ่าทะลวงอุปสรรคและกลับดักใดๆ ออกมาโผล่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมของเอียน เอียนรู้สึกสูญเปล่าและสิ้นหวังเพราะไม่เจออัญมณีสักที แล้วเวลาก็ใกล้สจะหมด 

    บาร์ลีย์พยายามที่จะค่อยๆมองหาอัญมณี แต่เอียนรู้สึกโมโหไปแล้วเพราะเส้นทางที่มาเป็นเพราะบาร์ลีย์คอยดูให้ เขาโกรธจนะกระทั่งพลั้งปากด่าบาร์ลีย์ว่า พี่มันเหลวแหลก! 

    อือหือ ฉันคิดว่ามันจะเกิดซีนอารมณ์ที่บาร์ลีย์อาจจะพูดว่า ใช่ ฉันมันแย่ แล้วแยกกันไป แต่ไม่เลย บาร์ลีย์ไม่สนเรื่องนั้น เขาพยายามดึงเอียนให้กลับมาช่วยกันตามหาอัญมณีก่อน แต่สุดท้ายเอียนก็หนีเขาไป

    เอียนไปที่หน้าผาเล็กๆ มองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เขาเสียใจที่อดใช้เวลาร่วมกับพ่อตามที่เขาลิสต์ไว้

    มันมีทั้ง เอ่อ โอมายก้อด ลิสต์นี้มันยาวมากค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าตกหล่นขออภัย มีทั้ง เอ่อ เรียนขับรถ พูดเรื่องชีวิต เล่นโยนและรับของ เดินเล่น ใช้ชีวิตด้วยกัน อะไรอีกเยอะแยะเลยค่ะ แต่เอาเป็นว่านะคะ ลิสต์ทั้งหมดทั้งมวลนี้เขาเคยทำกับบาร์ลีย์หมดแล้ว เยส that is a point! คือที่ดูมาทั้งหมด เขากำลังจะสื่อว่า บาร์ลีย์ก็เปรียบเสมือนพ่อคนนึงของเอียนนะ ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่เคยทำร่วมกับบาร์ลีย์หลั่งไหลเข้ามาในหัวเอียน ฉันเริ่มร้องไห้หนักมาก เพราะเพลงมันบิ้วมากเลยค่ะ 

    สุดท้ายพวกเขาก็ได้เจ็มมา (ฉันขี้เกียจเขียนเยอะแล้วค่ะ TT) ซึ่งพวกเขาทำสำเร็จนะคะ ซัมมอนพ่อมาได้ก่อนพระอาทิตย์ตก แต่มันมีเรื่องน่าเสียดายบางอย่างและฉันอยากให้ทุกคนไปลองดู มันไม่ได้น่าเสียดายขนาดนั้น เพราะเรารู้สาระสำคัญของเรื่องนี้แล้ว

     
    เอียนจะต้องการพ่อไปทำไมในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาอยากทำกับพ่อ เขาได้ทำกับบาร์ลีย์ผู้เป็นพี่ชายที่คอยซัพพอร์ตเขาอยู่เสมอ : -) 

    สุดท้ายเอียนก็เอาชนะปมที่ไม่กล้าหาญของตัวเองได้ เขาต่อสู้อย่างกล้าหาญเลยทีเดียวค่ะ

    ฉันคิดว่าถ้าเรามีคนในครอบครัวคอยซัพพอร์ตกันเหมือนที่บาร์ลีย์ทำมันจะวิเศษมากจริงๆ ตรงนั้นแหละที่ฉันซึ้งใจ 

    จบแล้วค่ะ ฉันหวังว่าตัวเองจะไม่ลืมภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ฉันดูstar wars มาด้วยค่ะ ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันสนุกมาก ไม่อยากจะลืมเลย แต่มันก็เยอะเกินไปที่จะเขียนถึง ฉันมีภาคที่ชอบอยู่ไม่กี่ภาค ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังนะคะ 

    ขอบคุณค่ะ 




Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in