สืบเนื่องมาจากโพสต์ที่แล้วเรายังคงอยู่ในประเทศโลกที่สาม นอกเหนือจากวัฒนธรรมส้วมหลุมและสายชำระที่ทำให้ฝรั่งมึนตึ๊บไปแล้วประเทศนี้ยังมีวัฒนธรรมการกินที่ทำให้ฝรั่งอึ้งเข้าไปอีกไม่ใช่แค่ฝรั่งที่อึ้งเราเองก็อึ้งพอๆกับเค้านี่แหละ
หลังจากที่ใช้ชีวิตที่นี่มาประมาณอาทิตย์กว่าพวกเราก็ได้สร้างสัมพันธ์กับผู้คนท้องที่แถวๆที่พักจนสนิทกันพอสมควรวันหนึ่งชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็แสดงน้ำใจและเชื้อเชิญพวกเราไปรับประทานอาหารที่บ้านเค้าพวกเราตื่นเต้นกันมาก อยากรู้ว่าอาหารพื้นบ้านเป็นแบบไหน อยากรู้ว่าเค้ากินกันอย่างไรอยากเห็นข้างในตัวบ้าน อยากเห็นข้าวของเครื่องใช้ อยากรู้ว่าเค้าอยู่กันยังไงอยากรู้อยากเห็นไปหมดตามประสาพวกชอบสาระแน พวกเราจึงตอบรับคำชวนไปอย่างไม่ลังเล
ต้องบอกก่อนว่าที่ที่เรากำลังพูดอยู่นี้เป็นเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งเนื่องจากชุมชนนี้มีขนาดค่อนข้างเล็ก ชาวบ้านทุกคนจึงรู้จักกันลูกเล็กเด็กแดงจะสามารถวิ่งไปไหนมาไหนก็ได้เพราะทุกคนไว้ใจและช่วยกันดูแลลูกของกันและกันซึ่งหมายความว่าการมากินมื้อเย็นมื้อนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราและครอบครัวนี้แต่ยังมีแม่ครัวรับเชิญจากบ้านต่างๆมาช่วยกันทำอาหารด้วย แทบจะเรียกได้ว่ามากันทั้งชุมชน
และแล้ววันนั้นก็มาถึง ก่อนถึงเวลานัดประมาณ1ชั่วโมงพวกเราก็นัดคุยเพื่อเตรียมตัวกันก่อนโดยมีสต๊าฟของที่พักมาบรีฟให้ฟังเรื่องมารยาทการรับประทานอาหารท้องถิ่นที่พวกเราจำเป็นต้องรู้คนที่นี่มีวัฒนธรรมการกินกันแบบแชร์ปกติแล้วแชร์ในความหมายของพวกเราคือการมีอาหารให้เลือกหลายๆอย่างแต่ละคนจะมีจานชามอาวุธเป็นของตัวเองแล้วก็เลือกกินอะไรก็ได้ตามใจชอบจากกองกลางอันนี้ถือเป็นเรื่องเบสิคมากเพราะคนไทยเองก็มีนิสัยการกินแบบนี้คือมีกับข้าวเต็มโต๊ะแล้วแต่ละคนก็มีจานข้าวเป็นของตัวเอง ต่างจากวัฒนธรรมตะวันตกที่ส่วนใหญ่จะนิยมกินจานเดี่ยวของใครของมันซะมากกว่า(เคยเห็นไหม เวลาไปเมืองนอกเรามักจะเห็นฝรั่งเค้าสั่งพิซซ่ากินกันคนละถาดน่ะ)แต่สิ่งที่ทำให้การกินที่นี่ไม่เหมือนกับที่เมืองไทยบ้านเราคือที่นี่เค้าไม่มีจานข้าวแยกให้แต่ละคนการกินที่นี่คือปูเสื่อนั่งล้อมวงกินจากจานตรงกลางเอาเลยและที่สำคัญคือคนพื้นเมืองที่นี่ใช้มือกิน!ปกติพวกเรากินอาหารกันที่ที่พักซึ่งเค้าก็เข้าใจนักท่องเที่ยวต่างบ้านต่างเมืองเค้าจึงมีช้อนส้อมไว้รองรับทำให้พวกเราหลงไปคิดว่าคนที่นี่เค้าคงจะใช้ช้อนส้อมปกติกันจริงๆการใช้มือกินก็อาจจะไม่ได้แปลกขนาดนั้น เวลาเรากินส้มตำพวกเราก็มักจะใช้มือจก ปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกันอย่างสนุกมือแต่การกินที่นี่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ
สต๊าฟที่บ้านพักบอกพวกเราว่า คนที่นี่เชื่อว่ามือขวามีเอาไว้กินส่วนมือซ้ายไว้เช็ดก้น เพราะฉะนั้นมารยาทสังคมคือห้ามเอามือซ้ายขึ้นมายุ่งในวงอาหารโดยเด็ดขาดเดือดร้อนพวกถนัดซ้ายที่ถึงกับต้องหักห้ามใจตัวเองด้วยการนั่งทับมือซ้ายตลอดการกินข้าวมื้อนี้เลยทีเดียว
เริ่มต้นการกินเจ้าของบ้านเค้าก็จะมีกะละมังเล็กให้ส่งต่อกันรอบๆวงเพื่อล้างมือโดยกะละมังเล็กมีไว้รองมือแล้วก็ใช้เหยือกน้ำเทเหนือมือวิธีการก็คือเพื่อนข้างๆจะเป็นคนถือกะละมังให้แล้วเราก็ใช้มือซ้าย(ที่ไม่ต้องล้างเพราะไม่จำเป็นต้องใช้)ถือเหยือกแล้วเทน้ำลงบนมือขวาแล้วก็ขยับมือยุกยิกๆเอาเป็นการล้างเอาจริงมันก็ไม่ได้สะอาดมากหรอกแต่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามม้นเป็นเรื่องของการรักษามารยาท
อาหารที่เค้าจัดมาให้ต่อหนึ่งวงประกอบไปด้วยข้าวสวย เส้นพาสต้า(อันนี้ปกติไม่มีแต่เค้าเห็นเราเป็นชาวต่างชาติกันกลัวอาหารไม่ถูกปากเลยเตรียมพาสต้าไว้ให้)ปลาและปลาหมึกย่าง (เนื่องจากอยู่ติดทะเล อาหารซีฟู้ดที่นี่สดและรสชาติดีมากๆนี่ยังบ่นกับเพื่อนคนไทยอยู่เลยว่าถ้ามีไอ้น้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บสีเขียวๆของไทยชีวิตคงจะดีมาก)แป้งทอด มันบดทอด โดนัททอดราดน้ำเชื่อม(โดนัทมีลักษณะกลมๆหน้าตาเหมือนขนมไข่นกกะทาทอดบ้านเรา)มีไก่ทอด(สำหรับเพื่อนคนที่แพ้ซีฟู้ด เค้าเตรียมไว้ให้ชิ้นเล็กๆชิ้นเดียวเห็นสต๊าฟบอกว่าไก่ที่นี่แพง) นอกจากนี้ยังมีกล้วย (เห็นฝรั่งเรียกมันว่า Plantainไม่ใช่ Bananaไปกูเกิ้ลดูทีหลังพบว่ามันไม่ใช่กล้วยจริงๆด้วยแต่กลับมีชื่อเรียกว่ากล้ายเป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับกล้วยแต่มีรสชาติไม่หวาน ส่วนใหญ่จะนิยมเอาไปทำอาหารคาว)มีแกง 2 อย่าง เป็นคล้ายๆแกงกระหรี่ และอีกอันก็อารมณ์ว่าแกงเผ็ดใส่เนื้อปลา อย่างที่บอกไปข้างต้นว่ามารยาทที่ถูกต้องคือไม่ให้เอามือซ้ายเข้ามายุ่งเกี่ยวทีนี้เวลาอยากกินอะไรที่มันชิ้นใหญ่เกินไป จะหักจะบิด้วยมือเดียวก็ทำได้ยากจึงต้องคอยสะกิดเพื่อนข้างให้ช่วยกันอยู่เรื่อยๆ เพิ่งรู้ซึ่งถึงคำว่า สามัคคีคือพลังก็วันนี้
พอเริ่มกิน ชาวบ้านท้องถิ่นเห็นพวกเราท่าทางเกร็งๆ ก็เลยสาธิตให้ดูวิธีที่ถูกต้องลูกชายของบ้านก็จัดแจงเทแกงลงไปในข้าวแล้วก็ใช้มือควักกินพูดตามตรงว่าตอนแรกค่อนข้างตกใจ แบบว่าเห้ยนี่เราสนิทกันขนาดที่จะใช้มือจ้วงอาหารแชร์กันแล้วหรอ พวกเราเลยลงเอยด้วยการเล็มๆข้าวที่ไม่เปียกตามขอบๆนิดๆหน่อยๆพอเป็นพิธีและเน้นกินอาหารแห้งประเภทที่กินชิ้นเดียวจบซะมากกว่า
หลังจากกินเสร็จแล้วเค้าก็มีการให้ลูกชายคนโตของบ้านมายืนส่งพวกเราหน้าบ้านพร้อมกับเหยือกน้ำและกะละมังรองอันเดิมเพื่อให้ล้างมือหลังจากมื้ออาหารได้เสร็จสิ้นลงแล้วรวมๆแล้วการกินอาหารมื้อนี้เป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างน่าประทับใจและเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของทริปเลยพวกเราอาจจะไม่ได้เอนจอยกับการกินร่วมกันแบบใช้มือเปล่าขนาดนั้นแต่สิ่งที่น่าประทับใจคือการที่ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้มีเงินทองมากมายบ้านช่องไม่ได้ใหญ่โต แต่เค้าก็ยังมีน้ำใจอยากให้เราได้ Full Experienceของผู้คนที่นี่ พวกเรามาตั้งหลายคนแต่เค้าก็อุตส่าห์จัดแจงที่นั่งให้พอจนได้และยังขอแรงเพื่อนบ้านคนอื่นๆมาช่วยกันเตรียมอาหารให้อีกผู้คนที่นี่อาจจะขาดแคลนหลายๆอย่าง แต่เชื่อเถอะ ว่าสิ่งหนึ่งที่พวกเค้ามีกันล้นเหลือมากๆก็คือน้ำใจนี่แหละ
ขอบคุณมากๆนะคะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in