เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AniME : อนิเม(ะ) ฉบับตามใจฉันCat's box
86 : สงครามจักรกลกับการเหยียดชาติพันธุ์จากรัฐ

  • " ไม่มีชาติใดถูกประณามว่าไร้มนุษยธรรม เพียงเพราะไม่ให้สิทธิมนุษยชนแก่หมู "


    - 86 เอทตี้ซิกซ์ -

    ประเภท : นิยายแปลญี่ปุ่น (ไลท์โนเวล)

    ผู้แต่ง : อาซาโตะ อาซาโตะ

    สนพ.ที่แปล : Pheonix (ฟีนิกซ์)

    ราคาปก : 300 บาท 


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 86 novel


    ไม่ได้แตะบล๊อคนี้มาซะนาน โผล่มาอีกทีรอบนี้เลยขอมารีวิวนิยายแทนค่ะ 

    ต้องขอเล่าประเดิมก่อนว่า นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลงรักตั้งแต่แรกเห็น(ปก) ตั้งแต่ปีที่แล้วที่ยังไม่มีใครแปล พอรู้ว่าทางค่ายฟีนิกซ์เอาเรื่องนี้มาแปลไทยแล้วเลยดีใจน้ำตาจะไหล ตรงดิ่งไปงานหนังสือวันแรก คว้าหมับแบบไม่คิดอะไรเลย แล้วก็คุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆค่ะ สมแล้วที่ได้รางวัลชนะเลิศของเดงคิโนเวลไพรซ์ที่ญี่ปุ่นไปครอง


    เนื้อหาของ 86 ว่าด้วยเรื่องของทวีปที่ถูกรุกรานโดยจักรกล 'ลีเจี้ยน' ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นจาก'จักรวรรดิเกียเด'เพื่อใช้ทำการรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน หนึ่งในประเทศที่ถูกรุกรานก็คือ สาธารณัฐซันแมกโนเลีย ประเทศของนางเอกนั่นเอง


    เมื่อเกิดภาวะสงครามขึ้น รัฐบาลจึงได้ลงมติ 2 ประการ หนึ่ง- คือการอพยพผู้คนส่วนใหญ่เข้าไปใน 85 เขตและขับไล่คนกลุ่มน้อยไปยังเขตที่ 86  , สอง - ได้ออกประกาศว่ามีการสร้างหุ่นโดรนไร้คนขับเพื่อใช้สู้รบแทนประชาชน ดังนั้นแล้วยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดจึงเท่ากับศูนย์ 

     

    แต่ที่จริงแล้วนั่นเป็นคำโกหกคำโต 


    เพราะในโดรนนั่นที่จริงแล้วมีคนขับอยู่ข้างใน และกลุ่มคนเหล่านั้นก็คือชาวโคโลราตา หรือ'เอทตี้ซิกซ์' ชนกลุ่มน้อยของประเทศ ที่ถูกรัฐตราหน้าว่าไม่ต่างอะไรจากขยะของชาติ ถูกบังคับให้ไปรบแทน
    'ชาวอัลบา' ชาติพันธุ์หลักที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของตน 


    นางเอก (เลน่า) เป็นทหารชาวอัลบา ผู้ได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการหน่วยหัวกะทิของชาวเอทตี้ซิกซ์ ที่นำโดยพระเอก (ชิน) และนี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด


    ด้านเนื้อหา ค่อนข้างเข้มข้นและกดดันพอสมควรค่ะ ใครที่เป็นคอนิยายสงครามน่าจะชอบได้ไม่ยาก มีตัวละครเจ็บจริงตายจริงชนิดว่าต้องเตรียมตับไว้สำรอง พาร์ทสงครามทำได้จริงจัง จักรกลในเรื่องก็จะออกเน้นไปทางสายเรียลโรบอทมากกว่ายิงพลังตู้มต้าม ยิ่งเป็นหุ่นของพวกพระเอกถือว่าอ่อนแอที่สุดเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้วไม่มีเรื่องการชาร์จพลังพิเศษหรือเอาชนะกันที่สเปคหุ่น มีแต่การวางแผนและฝีมือลุ่นๆ ความเมพของพระเอกเท่านั้นที่ค่อนข้างจะโอเวอร์กว่าชาวบ้านค่ะ 


    พระเอก (ขวาสุด)กับเหล่าตัวละครรอง ที่ต้องลุ้นอยู่ตลอดว่าใครจะอยู่รอดจนถึงบทสุดท้ายบ้าง

    ด้านคาแรคเตอร์ก็ทำได้ไม่เลว นอกจากพระเอกขรึมคูล นางเอกโลกสวย ยังมีตัวละครรองที่มีปมในใจของตัวเองต่างกันไป ซึ่งตัวละครก็มีพัฒนาการที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ แต่น่าเสียดายที่ไม่ค่อยได้มีโมเมนต์ของพระ-นาง หรือระหว่างตัวละครรองมากเท่าไหร่ เลยทำให้ขาดรสชาติไปพอสมควร 


    การเหยียดชาติพันธุ์และละเมิดความเป็นมนุษย์โดยรัฐ


    " ไม่มีชาติใดถูกประณามว่าไร้มนุษยธรรม เพียงเพราะไม่ให้สิทธิมนุษยชนแก่หมู 

    ฉะนั้น หากเราให้นิยามใครสักคนที่ต่างภาษา ต่างสีผิว หรือต่างบรรพบุรุษ ว่าเป็นหมูในคราบมนุษย์ การกักขังข่มเหง หรือสังหารพวกเขาอย่างทารุณ จึงไม่ถือว่าไร้มนุษยธรรม ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายคุณธรรมแต่อย่างใด "



    ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดในเรื่อง คือประเด็นของ'การเหยียดชาติพันธุ์' (racist) อันสุดโต่ง ที่รัฐบาลของตัวเอกผลักไสให้คนส่วนน้อยของประเทศไปทำสงคราม ในขณะที่ประชากรกลุ่มหลักของชาติใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย โดยใช้ข้ออ้างของชาติพันธุ์ที่ต่างกัน ชาวเอทตี้ซิกซ์ถูกเหยียดหยาม ปฎิบัติเหมือนหมูหมา บ้างก็ถูกนำไปทดลอง บ้างก็ถูกส่งไปตายอย่างไร้เหตุผล  โดยที่คนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งเป็น ‘ชาติพันธุ์หลัก’ ไม่ได้ให้ความสนใจ ซ้ำร้ายยังคิดด้วยว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว  


    กรณีเดียวกันนี้เกิดขึ้นจริงกับกลุ่มของชนชาติยิวที่อยู่ในเยอรมันช่วง WWII ชาวยิวที่เป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศก็ถูกรัฐบาลของเยอรมันในขณะนั้น (นาซี) กล่าวหาว่าเป็นผู้เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ในชาติ เป็นตัวการของปัญหาทางเศรษฐกิจ และเริ่มอ้างเหตุผลนี้ในการปฎิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ 


    ปมปัญหาของชาติพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเยอรมันเพียงอย่างเดียว และไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น  หากย้อนกลับไปก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยในทวีป ถูกมองจากชาวยุโรปว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ ผู้เข้ามาอาศัยประเทศของผู้อื่นและขูดเลือดเนื้อเอาแต่ผลประโยชน์ตนเอง ภาพลักษณ์ของคนยิวถูกสร้างขึ้นจากอคติทางลบมานานหลายร้อยปี และมันส่งผลกระทบอย่างร้ายกาจในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกตกต่ำ เยอรมันซึ่งแพ้จากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งกลายเป็นประเทศที่ยากจนเสียกระทั่งสกุลเงินฟรังก์แทบไม่มีค่า ในช่วงเวลานั้นเอง ชาวยิวจึงกลายเป็นเป้าสำหรับการประณามจากรัฐบาล พร้อมกันนั้น เชื้อชาติอารยันของชาวเยอรมันก็ถูกยกย่องเชิดชูว่าสูงส่งเหนือชาติพันธุ์อื่นๆไปด้วย


    ความรุนแรงที่รัฐบาลนาซีกระทำต่อชาวยิว เริ่มตั้งแต่กีดกันสิทธิของชาวยิว แบ่งแยกพื้นที่และงานเฉพาะสำหรับชาวเยอรมัน จนถึงขั้นมีการแบ่งแยกว่าใครคือยิว ใครคือเยอรมันผ่านทางการจำแนกด้วยหลักพันธุกรรมทางวิทยาศาสตร์ 

    ( การใช้ความแตกต่างทางพันธุกรรมเพื่อแบ่งแยกคนในสังคมนี้เอง ที่นิยายก็หยิบเอามาใช้ในเรื่องด้วย โดยการให้ชาติพันธุ์ชาวอัลบากับชาวเอทตี้ซิกซ์ต่างกันที่สีตาและผมอย่างชัดเจนเพื่อจำแนกชาติพันธุ์ของกันและกัน )

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    ในภาพ เป็นการใช้เครื่องมือวัดเพื่อระบุว่าใครเป็นชาวยิว โดยดูจากขนาดจมูก 

    เมื่อเชื้อไฟสงครามเริ่มปะทุขึ้น ความรุนแรงก็เพิ่มมากขึ้น ครอบครัวชาวยิวถูกแยกจากกันเพื่อนำไปคุมขัง จับไปทำงานค่ายกักกันพิเศษ นำตัวไปทดลอง ทรมาน ฆ่า และนำไปสู่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งทั้งหมดนั้นถูกกระทำโดยสิ่งที่เรียกว่า "รัฐ"ของตน กลายเป็นตราบาปในประวัติศาสตร์เยอรมันมาจนถึงทุกวันนี้ 


    รัฐ หรือ ประเทศ ควรจะเป็นผู้ให้การปกป้องคุ้มครองประชาชนในชาติตน ตามหลักการของรัฐธรรมนูญ หากแต่ว่าเมื่อรัฐเริ่มใช้อำนาจในการออกนโยบายเพื่อเข่นฆ่าและแบ่งแยกประชาชนของตนเองแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการล่มสลายของความเป็นชาติ และมโนธรรมในฐานะมนุษย์


    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    สภาพของนักโทษชาวยิวในค่ายกักกัน


    ความสิ้นหวังที่ปรากฏในเรื่องจึงไม่ใช่ความหดหู่จากภาวะสงครามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความสิ้นหวังจากการที่ประชาชนไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลของตนเองได้ ไม่สามารถเชื่อใจในกฏหมายและความยุติธรรมใดๆจากชาติได้อีก 

    ตัวผู้เขียนนิยายได้บอกไว้ว่าได้แรงบันดาลใจในงานเขียนมาจากประวัติศาสตร์ในช่วงนี้นั่นเอง 


    ประเด็นเรื่องการเหยียดชาติพันธุ์นี้ค่อนข้างน่าสนใจ และมีปรากฏในสื่อญี่ปุ่นอย่างหลากหลายมากขึ้น  กระทั่งมังงะชื่อดังเรื่อง Attack on Titan เองก็ยังมีประเด็นนี้ปะปนมาด้วยค่ะ ซึ่งอาจจะขอยกไว้เล่าอีกทีในภายหลัง (ถ้ามีเวลา) 

    ส่วนตัวแล้ว เราชื่นชมที่คนเขียนทำการบ้านมาดีในหลายๆจุด ทั้งเรื่องอาวุธ หุ่นยนต์ ยุทธวิธีการรบ และการใส่ประเด็นทางการเมืองลงไปด้วย และเนื้อหาก็จบในเล่ม (ถึงจะมีเล่มสอง แต่เนื้อหาเล่มนี้ก็จบในเล่ม ไม่ทิ้งไว้ค้างคา)


    จึงขอจัดว่าเป็นไลท์โนเวลห้าดาวที่น่าอ่านอีกเรื่องหนึ่งค่ะ

     

    ปล. มีมังงะของเรื่องนี้ออกมาแล้วนะคะ รวมทั้งนิยายเล่มสองที่ได้รับการแปลและตีพิมพ์ในไทยแล้วเรียบร้อย


    ได้ยินว่าจะทำเป็นอนิเมะด้วย มารอติดตามชมกันต่อไปค่ะ 


    [ ท่านที่สนใจติดตามรีวิว + เนื้อหาอื่นๆเพิ่มเติม พบกันได้ที่เพจ >> เรื่องเล่าจากกล่องแมว ค่ะ  ]


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in