เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AniME : อนิเม(ะ) ฉบับตามใจฉันCat's box
ReLife : Rethink about your life ย้อนมองวัยรุ่นด้วยสายตาผู้ใหญ่

  • เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ประเดิมการรีวิวอนิเมเรื่องแรกของซีซั่นที่แล้ว (Anime - Summer season 2016) ด้วยเรื่องนี้เลยค่ะ 
     
    ReLife 
    ค่ายผู้ผลิต : TMS Entertainment
    ออกอากาศ : 02/07/2559
    จำนวนตอน : 13 
    ดัดแปลงจาก : ReLife Manga (มีเวอร์ชันแปลภาษาไทยแล้ว ติดตามอ่านได้ที่นี่ ค่ะ )

    ReLife เป็นอนิเมชั่นที่ดัดแปลงจากมังงะ (Manga - การ์ตูนแบบอ่าน) วาดโดย Yayoiso ลงเว็บไซต์ Comico  ( ซึ่งก็คล้ายๆกับเว็บคอมิคอย่าง Line Webtoon หรือ Ookbee Comics ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงนี้ ) 

    ตอนแรกที่ดูนึกว่าจะเป็นแนวเรื่องประเภทที่พระเอกได้ย้อนวัยมาเป็นเด็กม.ปลายแล้วเฮฮาปาจิงโกะกับชีวิตวัยรุ่น แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับมีแง่มุมที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิด 




    เรื่องย่อๆคือพระเอก ไคซากิ อาราตะ หนุ่มนีท ( *NEET - กลุ่มคนว่างงาน ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงานที่ไม่ได้ประกอบอาชีพประจำหรือทำการศึกษา ) วัย 27 ปีที่ยังไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง ได้แต่ทำงานพาร์ทไทม์แล้วเก็บตัวไปวันๆ วันนึงเพื่อนสมัยม.ปลายชวนไปนั่งดื่มด้วยกัน อาราตะก็แต่งตัวใส่สูทผูกไทด์ไปดื่มด้วย แกล้งทำเป็นว่าตัวเองมีงานประจำ เพราะอับอายสายตาเพื่อนๆ พอกลับจากงานก็ได้แต่ปลงตกว่าทำไมชีวิตมันทุเรศทุรังอย่างนี้ 

    ตอนนั้นเองที่มีหนุ่มตัวแทนจากบริษัท relife มาเสนองาน ให้อาราตะกินยาย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กม.ปลายอีกครั้งเพื่อเป็นตัวอย่างวิจัยให้บริษัท และแล้วชีวิตวัยรุ่นของลุงวัย 27 ก็เริ่มต้นขึ้น.. 

    ถ้าพูดถึงการ์ตูนแนวชีวิตวัยรุ่นก็คงต้องนึกถึงความเฮฮา เรื่องรักๆใคร่ๆ อีเวนท์สำคัญในโรงเรียน ซึงเรื่องนี้ก็มีโทนที่เป็นตามนั้น แต่ด้วยความที่ตัวเอกไม่ใช่เด็กม.ปลายแต่เป็น “ผู้ใหญ่” ที่ล้มเหลวในชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง เราเลยคิดว่ามันมีมุมที่ค่อนข้างสมจริงและลึกซึ้งกว่าแนว slice of life ทั่วไป  


      ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ไม่ได้เปรียบพวกเด็กๆหรอกนะ


    เริ่มจากตัวพระเอกเอง พออาราตะได้เป็นเด็กม.ปลาย นึกว่าเจ้าตัวจะได้โชว์ออฟอะไรที่เหนือกว่าชาวบ้านเขา ก็เปล่าเลย เรียนก็เรียนห่วยกว่าใครเขา (เพราะลืมอะไรที่เรียนช่วงม.ปลายไปหมดแล้ว) กีฬาก็อ่อนด้อย (เพราะสังขารไม่อำนวย) มันแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วที่เราคิดว่าการมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพัฒนาสกิลรอบด้านมากขึ้น ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น ช่วงเวลาที่ได้พัฒนาทักษะร่างกายและความรู้อย่างต่อเนื่องต่างหากที่จะทำให้เราพัฒนาไปได้ไกลที่สุด เพราะฉะนั้น ช่วงวัยรุ่นต่างหากที่เป็นช่วงเวลาทองคำสำหรับการเรียนรู้รอบด้านของเราอย่างแท้จริง 


     ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วการเป็นผู้ใหญ่ หรือ“คนที่อายุมากกว่า” มีข้อดีอะไรกับเขาบ้าง ? 


    สิ่งหนึ่งที่มีมากกว่าคนอื่นคือการที่อาราตะมี “ประสบการณ์” ถึงการหมกตัวเป็นนีทหลายปีก็ทำให้สกิลการเข้าสังคมต่ำลง แต่การที่ผ่านชีวิตวัยรุ่นมาแล้วทำให้พระเอกมองคนอื่นออกง่าย สังเกตความสัมพันธ์ของคนรอบข้างได้รวดเร็ว และที่สำคัญคือการที่พระเอก “เข้าใจ” ความรู้สึกของคนอื่นได้เป็นอย่างดี ทำให้ตัวอาราตะเป็นที่ปรึกษาที่ดีของคนรอบข้าง และการที่เอาตัวเองไปยุ่งกับปัญหาของคนอื่น ก็ยังผลให้ตัวเขามีพัฒนาการมากขึ้น 


                                             อาราะตะที่พยายามปลอบใจและให้กำลังใจเพื่อนร่วมชั้น 

    ที่จริงแล้วตัวเอกเองไม่ใช่คนที่มีปัญหาด้านทักษะสังคม แต่เพราะเจอประสบการ์ณจากที่ทำงานที่เลวร้าย เพื่อนร่วมงานชอบซุบซิบนินทา การแก่งแย่งชิงตำแหน่งเอย เลื่อยขาเก้าอี้กันเอย บริษัทที่กดดันพนักงาน พอพระเอกลาออกเพราะทนไม่ได้ ก็ถูกบริษัทอื่นมองว่าเป็นพวกไม่อดทน สังคมตราหน้าว่าเป็นคนล้มเหลวในชีวิต ทำให้ตัวเขาหมดความเชื่อมั่นในสังคมมนุษย์ไปอย่างสิ้นเชิง 


    ในโลกความจริงแล้วสังคมการทำงานก็เป็นแบบนั้น มีคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้ใหญ่” แต่ไร้ซึ่งความน่านับถือ เรื่องซุบซิบนินทา เรื่องชู้สาวนอกใจ การกดขี่พนักงานที่ตำแหน่งต่ำกว่า และอีกสารพัดเรื่องที่ต้องเผชิญในการทำงานกับกลุ่มคนหมู่มากที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้ใหญ่" แล้ว


                                  สังคมการทำงานที่ไม่ผ่อนปรนและต้องรับมือกับความกดดันตลอดเวลา


    การได้มาเริ่มต้นชีวิตวัยรุ่นใหม่อีกครั้ง เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวอาราตะได้รู้จักกับความใสซื่อที่ตัวเองลืมไปแล้ว ซึ่งเมื่อเทียบกับสังคมผู้ใหญ่ที่ประสบมา ปัญหาของวัยรุ่นทั้งเรื่องเพื่อนหรือเรื่องเรียน นอกจากจะเป็นเรื่องเล็ก ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างซื่อตรงกว่ามาก ทำให้บางซีนที่พระเอกให้คำปรึกษากับเพื่อนวัยมัธยม ถึงได้ดูเหมือนครูมาให้กำลังใจเด็กๆชอบกล นอกจากนี้เจ้าตัวก็ได้มีโอกาสนึกทบทวนถึงสิ่งที่ทำมา การตัดสินใจลาออกจากบริษัท ที่พระเอกคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่เมื่อได้มองดูอีกครั้ง มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร เพราะอย่างน้อยตัวเอกก็พูดได้ว่า เขามีความสุขแล้วกับการที่ตัดสินใจจะออกจากบริษัทนั้น 

      
    นอกจากเนื้อเรื่อง จุดที่น่าชมเชยของอนิเมก็คือเพลงประกอบ เป็นเพลงแนวป๊อบแจ๊ซสบายๆ เพลงปิดก็เปลี่ยนมันซะทุกตอน แต่เป็นการรีเอาเพลงดังๆของญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงปี 1990 - 2000 มาใช้ 

    (โดยส่วนตัวชอบเพลง Pieces of dream ของ Chemistry มากที่สุด คิดว่าเนื้อหาเข้ากับแก่นสำคัญของอนิเมะในภาคนี้มากที่สุดเหมือนกัน ลองฟังดูได้ที่นี่ค่ะ )



    อนิเมเรื่องนี้อาจจะไม่ถูกใจคอการ์ตูนทั่วไปที่ยังอยู่ในวัยเรียน แต่สำหรับคนที่ออกมาสู่โลกการทำงานแล้ว เรารู้สึกว่ามันสมจริงมาก แม้แต่ปัญหาที่พระเอกเจอจากบริษัท ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคม วิธีการแก้ปัญหาของพระเอกก็เป็นวิธีที่ง่ายและมีเหตุผลที่สุด นั่นคือการพูดคุยปรับความเข้าใจกันธรรมดาเท่านั้นเอง 

    ในตอนที่เรายังเป็นวัยรุ่น เคยคิดว่าปัญหาต่างๆที่ประสบมาคือเรื่องใหญ่ และหลายครั้งที่เรามองว่า วันหนึ่งที่เราเป็น “ผู้ใหญ่” ตัวเราจะสามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้ จนกระทั่งตอนนี้ที่มาถึงวัยที่ต้องเรียกตัวเองว่า “ผู้ใหญ่” ถึงได้รู้สึกจริงจังว่าการเป็นผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเรื่องอายุ คนอายุมากกว่าไม่ได้มีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า 

    ที่พูดกันว่า โตแล้ว จะทำอะไรก็ได้ ก็เป็นแค่คำพูดจากปาก การเป็นผู้ใหญ่จริงๆคือการแก้ปัญหาเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำ 

    ถ้าตัดสินใจอะไรก็ต้องยอมรับต่อผลที่ตามมา นั่นคือคำว่าผู้ใหญ่ 

    ชีวิตวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องง่าย การเป็นผู้ใหญ่ก็ยิ่งไม่ง่ายเลย ผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ยังทำผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ ยังน้อตหลุด วู่วาม เงอะงะ และอีกสารพัด แต่ความผิดพลาดทำให้พวกเราโตขึ้น รับมือกับปัญหาได้หลากหลายและเยือกเย็นขึ้น ประสบการณ์ถึงมีค่ามาก อันนี้เป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด 


    ภาพรวม : ให้คะแนน 8/10 เพราะเนื้อหาและเพลงที่ดี ตัดไปสองคะแนนสำหรับความยืดของเนื้อเรื่องบางจุด 


    ติชมหรือแก้ไขส่วนใดก็คอมเมนต์ได้เลยค่ะ ยินดีอย่างยิ่งถ้าจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ :) 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Don Suwannarut (@fb3508311992544)
ผมเพิ่งติดตามเรื่องนี้จบในฉบับอนิเมะ และตามด้วยคอมมิค เผ็นเรื่องที่สร้างแรงบัันดาลใจให้ผมเลยก็ว่าได้ที่จะออกไปเผชิญโลก หลังเรียนจบผมเองก็เคยคิดว่าตัวเองแก่กล้า พอเขาเข้าจริงไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อย เป็นบาดแผลในใจเลือกที่จะหลีกหนีมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จนได้พบกับคำพูดประโยคนึงในเรื่องประมาณว่า ถึงแม้เราจะทำอะไรไปในช่วงเวลานี้ทุกคนก็จะลืมอยู่ดี แต่ก็มีแค่ช่วงเวลานี้ที่เราทำอะไรได้ มันทำให้ผมฉุกคิดว่าจะปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆไม่ได้แล้ว จึงเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

ส่วนตัวให้คะแนน11/10เพราะชอบและอินเป็นพิเศษ อย่างกะไปรีไลฟ์ด้วยตัวเอง ฮ่าๆๆ
Cat's box (@Aimer)
@fb3508311992544
เป็นเรื่องที่วัยทำงานจะอินได้ง่ายกว่าเพราะเข้าใจมากกว่าจริงๆค่ะ :) อนิเมเรื่องนี้เป็นแรงบันดาลใจ แล้วก็เป็นยาบรรเทาไข้ใจให้ผู้ใหญ่อย่างเราด้วย
อย่ากดดันกับชีวิตเลย ในสนามวิชานี้ เรายังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก
เป็นกำลังใจให้ผู้ใหญ่ทุกท่านก้าวผ่านช่วงเวลายากลำบากต่างๆไปได้นะคะ และขอให้สนุกกับอนิเมเช่นกันค่ะ (ปัจจุบันน่าจะมีซีซันสองแล้วน้า)