เมื่อตอนยังเด็กพ่อมดเคยฝันถึงดวงดาวดวงใหญ่ มันมีสีเหลืองนวลแลดูอบอุ่นอ่อนโยน มันไม่ได้มีแสงสว่างจ้าจนลืมตามองไม่ได้ ดวงดาวกลมโตลอยเท้งเต้งอยู่บนฟากฟ้าสีดำสนิท ไร้ประกายระยิบระยับจากหมู่ดาวอื่น ๆ มันงดงาม แต่ดูโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ดวงดาวดวงใหญ่นั้นที่เขารู้จักมันในชื่อของดวงจันทร์
เดรโกคิดว่าตัวเองชื่นชอบดวงจันทร์มานับตั้งแต่นั้น เขาชื่นชอบความอบอุ่นอ่อนโยนของมัน บางคราเขาก็ชื่นชอบความเย็นชาที่เผยให้สัมผัสเพียงเศษเสี้ยวในคืนข้างแรม
เขาคิดถึงช่วงเวลาเยาว์วัยและความรู้สึกยามจ้องมองพระจันทร์ ก่อนจะนำมาเปรียบเทียบกับดวงจันทร์ที่งามโดดเด่นอยู่ในดวงใจ พระจันทร์บนฟ้าที่เขาเคยชื่นชอบหนักหนา เทียบเคียงไม่ได้เลยกับครึ่งวีล่าผู้สั่นสะท้านลมหายใจ
ฝนหยุดตกแล้ว และกลิ่นกายหอมจรุงก็ไม่ได้ลอยลมมาให้เขาได้ซึมซาบมันเข้าปอดอีก ถึงอย่างนั้นพ่อมดก็จดจำกลิ่นหอมนั้นได้มิลืมเลือน นับตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้พบคนงาม ณ ลานโล่งใต้ต้นไม้ใหญ่อีก
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหลีกหนีหรืออย่างไร แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา หากคนงามจะไม่ยอมออกมาให้เขาพบหน้า เขาก็จะออกไปตามหาคนงามเองดั่งที่ใจปรารถนา
เขาก้าวเท้าออกจากเขตป่าที่เริ่มมีใบไม้ผลิใบและแตกติ่งก้าน เขาก้าวข้ามไปยังป่าอีกฝั่ง มันอุดมสมบูรณ์มากเมื่อเทียบกับป่าฟากของเขา เขาได้ยินเสียงนกร้อง ได้ยินเสียงของสัตว์ป่า มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากป่าอันเงียบเชียบข้างคฤหาสน์เขามากทีเดียว
พ่อมดเดินเชื่องช้า เหยียบย่างไปบนผืนดินที่ถูกแบ่งแยกพร้อมไม้เท้าแกะสลักหัวเป็นรูปมังกรงดงาม เขารู้ว่าตัวตนของเขาอาจทำให้สิ่งมีชีวิตวิเศษที่ใช้ชีวิตในป่าฟากนี้ตื่นตัว แต่เขาไม่ได้มีเจตนามุ่งร้าย ไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายของเวทมนต์ เขาแค่เดิน เหยียบย่ำไปตามแนวป่าอย่างไม่รีบร้อนเท่านั้น
ในที่สุดเดรโกก็เดินพ้นจากชายป่าเข้าสู่ถนนคอนกรีตตัดใหม่ ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของคนงาม น่าแปลกที่เขารับรู้ตัวตนอีกฝ่ายเมื่ออยู่ในระยะ 10 ไมลส์ เขาไม่รู้ว่าทำไม เขารู้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงนั้น
พ่อมดรู้ว่าบนโลกใบนี้มีสิ่งที่ลึกลับยิ่งกว่าเวทมนต์อยู่ การรับรู้ตัวตนระหว่างเขากับคนงามก็คงจะเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับของโลกใบนี้เช่นกัน
เขาไม่เคยก้าวข้ามมายังเขตของมนุษย์ ในระยะร้อยปีที่มีชีวิตอยู่ นี่เป็นครั้งแรกที่เดรโกได้ออกมาเผชิญโลกอีกครึ่งหนึ่ง เขาค่อนข้างให้ความสนใจกับเทคโนโลยีของโลกฟากนี้ เดรโกรู้จักสิ่งที่เรียกว่ายานพาหนะ มันเป็นม้าเหล็กที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานบางอย่างที่ไม่ใช่เวทมนต์ มันมีไฟส่องสว่าง และส่งเสียงคำรามสะใจ
พ่อมดยืนนิ่งอยู่กลางถนน เขากำลังจับจ้องไปที่รถบรรทุกคันใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความสนใจ เขาได้ยินเสียงคำรามหวีดแหลมมาจากม้าเหล็กตัวนั้นแต่ก็ไม่ได้ขยับเท้าหนีแต่อย่างใด เขาจ้องมองลึกไปถึงแหล่งพลังงานและการทำงานของเครื่องจักร
เวทมนต์ก็ทำงานคล้าย ๆ กัน ต้องมีแหล่งพลังงานและกลไกการขับเคลื่อน — ในความหมายของพ่อมดคือการร่ายเวทมนต์ — ม้าเหล็กคำรามดังถี่ขึ้นจนพ่อมดเกิดเสียงวิ้งในหู เขาหรี่ตาลงเมื่อแสงไฟจาดกวงตาของม้าเหล็กส่องมายังใบหน้า ก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นพ่อมดก็ถูกดึงออกจากกลางถนนได้ทันท่วงที
ดวงตาสีเทาซีดลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง เมื่อได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคย ต้นแขนของเขาข้างหนึ่งถูกคนงามใช้มือขาวทั้งสองข้างจับเอาไว้ พ่อมดยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอะไร ดวงจันทร์ของเขาก็ส่งเสียงขึ้นมา
"นี่คุณทำบ้าอะไร! อยากตายหรือไง" ดวงตาสีเขียวประสานเข้ากับดวงตาของเขา มันแข็งกร้าวและดูไม่สบอารมณ์ ถึงกระนั้นพ่อมดก็ยังไม่เข้าใจว่าคนงามโมโหโกรธาอะไรกัน
"ฉันน่ะหรือตาย? ฉันไม่ตายเพราะถูกม้าเหล็กนั่นชนเอาหรอกนะ" น้ำเสียงของพ่อมดยานคาง ฟังดูไม่เดือดไม่ร้อนอะไรกับเหตุการณ์เมื่อครู่
"คุณนี่เป็นเด็กหรือไง! ถึงไม่เข้าใจว่าอะไรจะทำให้เกิดอันตราย" คนงามยังคงพูดจาบ่นไม่หยุด "ไม่ได้หมายถึงอันตรายกับคุณ ผมหมายถึงอันตรายกับคนอื่น!"
คนงามส่งเสียงดังจนพ่อมยอมอยู่เงียบ ๆ ไม่โต้เถียงใด ๆ อีก
"คุณน่ะเป็นวอร์ล็อค รถบรรทุกคันนั้นทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าชนกันขึ้นมาล่ะ! คนขับรถจะเป็นยังไง คุณไม่ได้คิดถึงเลยใช่ไหม"
"พ่อมดชั่วร้ายอย่างคุณคงไม่ได้คิดถึงคนอื่นเลยสิท่า!" ครานี้พ่อมดกระพริบตา เขาชักเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าดวงจันทร์ของเขาโมโหโกรธาเรื่องอันใด
"ฉันขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วง ฉันแค่สนใจเจ้าม้าเหล็กที่เธอเรียกว่ารถบรรทุกนิดหน่อย ไม่ทันได้คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ" เดรโกอธิบายด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ ใบหน้าหล่อเหลาแผยรอยยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่าย
เขาคิดจะมาหาคนงาม แต่คนงามดันมาหาเขาก่อนเสียเอง หัวใจพ่อมดเต้นตึกตัก เอาอีกแล้วความรู้สึกที่ควบคุมไม่ได้เช่นนี้ คนงามดึงแขนเขาให้เดินตามไป เดรโกก็ไม่ได้อิดออด ทั้งยังเต็มใจให้มือนุ่มนิ่มจับแขนเขาอีกต่างหาก
ข้างถนนอีกฝั่งเป็นสิ่งที่เรียกว่าปั๊มน้ำมัน เขาถูกคนตัวเล็กกว่าจับจูงให้เข้าไปในร้านที่เรียกว่าคาเฟ่ มันเป็นร้านเล็ก ๆ ที่มีที่นั่งไม่กี่ที่เท่านั้น พ่อมดมองรอบด้านอย่างสนใจก่อนจะหันกลับมามองคนงามที่มีใบหน้าบึ้งตึง
"คุณออกมาจากป่าของคุณทำไม" คนงามถามเสียงเขียวปั้ด ใบหน้างอง้ำ แม้จะเป็นแบบนั้นพ่อมดผู้ตกหลุมรักดวงจันทร์จนถอนตัวไม่ขึ้นก็หน้ามืดตามัวมองเห็นว่าอีกฝ่ายช่างน่ารักน่าชังอยู่ดี
"ฉันมาหาเธอ" เขาตอบกลับเช่นนั้น และได้ยินเสียงพึมพำจากอีกฝ่ายว่าว่าแล้วเชียวอีกต่างหาก พ่อมดจึงเอ่ยถาม
"เธอรู้ว่าฉันจะมาหาเธอหรือ"
แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นดวงตากลมสีเขียวที่จ้องมองมาเท่านั้น เขาหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยสารภาพไปตามตรง เขาคิดว่าคนงามมิได้โง่งมจนไม่รู้เรื่องอันใดหรอก
"ฉันคิดว่าฉันกำลังตกหลุมรัก... เธอ ดวงจันทร์ของฉัน"
ถ้าหากปรารถนาจะครอบครองดวงจันทร์แล้วความกล้าจะสารภาพยังไม่มี เช่นนั้นก็คงทำได้แค่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ และเดรโก มัลฟอยไม่ได้ต้องการแค่ความฝันที่จับต้องไม่ได้
TBC.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in