ประณตน้อม แด่
ครูผู้มีพลังมากพอจะบรรจงหยิบเศษเสี้ยวแหลกสลายในวัยที่โตเกินกว่าจะเป็นเด็ก แต่ก็เด็กเกินกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ และประกอบมันเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างปราณีต ครูที่แม้เห็นรอยบิ่นหรือร่องสะเก็ดกระเบื้องที่หายไป แต่ยังมองว่านักเรียนนั้นสวยงาม
เมื่อวางแผนจะไปเที่ยวข้างนอกในวันที่อากาศสดใส จู่ ๆ ก็มักมีฝนเทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ทริปทั้งหมดล่มไม่เป็นท่า ทั้งทะเล ทั้งจักรยานชายหาดหายวับไปกับตา ชั่วขณะนั้นเองที่ความผิดหวังเล็ก ๆ ก่อตัว จนพาลคิดไปว่าวันนั้นเป็นวันที่แย่ — แต่บางครั้ง แค่บางครั้ง
บางครั้งความสุขก็ก่อตัวจากความรู้สึกสีขุ่นมัวนั้น ตอนวิ่งหลับหูหลับตาหลบฝนไปที่เพิงเล็ก ๆ ข้างตรอกแคบ ๆ กว่าจะรู้ตัวว่ายืนอยู่หน้าร้านหนังสืออิสระลับแลก็ตอนข้อศอกเปียกซกชนเข้ากับบานประตูเก่า — ผลักประตูเข้าไป ย่ำฝากรอยเท้าเฉอะแฉะเป็นทาง เสียงฝนฟังดูไพเราะจนลืมร่างเปียกปอน ความอบอุ่นหัวใจงอกเงยจากสนิมเขรอะรอบขอบหน้าต่าง ได้ค้นพบหนังสือสักเล่มที่กลายเป็นหนังสือเล่มโปรด
ง่ายดาย ช่างง่ายดายเสียงอย่างนั้น เพราะกำหนดการ แท้จริงอาจเป็นเพียงกระบวนการเดาอันมีแนวโน้มทำให้ชีวิตสมดุลมากกว่าการเดาสุ่มทั่วไป
แต่เราต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกครั้งจะได้ผลอย่างหวัง — ทว่ามันก็ยังยากแสนสาหัสที่จะเผื่อใจ และเหนื่อยสุดกำลังจะปลอบประโลมตัวเอง หากแผนการเหล่านั้นไม่เป็นตามที่หวัง
เหมือนกันกับตัวฉัน ชั่วขณะที่รู้ว่าแผนการทั้งหมดที่ตั้งใจจะทำตอนฝึกงานพังทลายลงไม่เป็นท่า ชั้วขณะที่รู้สึกโดดเดี่ยวลำพัง ชั่วขณะที่ถ้อยคำบั่นทอนและความเจ็บปวดที่แบกไว้เต็มบ่าหนักอึ้งมากขึ้น และค่อย ๆ กดทับจนแทบระเบิด ชั่วขณะที่คิดว่าควรจะพอได้แล้ว — กลับมีมือหนึ่งที่ไม่ยอมละทิ้งฉันไป ใจดวงหนึ่งที่ยังไม่ยอมแพ้แม้ฉันเกือบจะยอมแพ้ในตัวเอง — ว่ากันอย่างซื่อตรง ฉันไม่เคยอยากเป็นครู และไม่รู้ว่าการเป็นครูที่ดีต้องทำยังไง แต่หากถามว่าใครคนไหนกันที่มีพลังมากพอจะบรรจงหยิบเศษเสี้ยวแหลกสลายในวัยที่โตเกินกว่าจะเป็นเด็ก แต่ก็เด็กเกินกว่าจะเป็นผู้ใหญ่ของฉัน — และประกอบมันเหล่านั้นเข้าด้วยกันอย่างปราณีต คนที่แม้เห็นรอยบิ่นหรือร่องสะเก็ดกระเบื้องที่หายไป แต่ยังมองว่ามันสวยงาม คนคนนั้นจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ครู
หากขาดความเชื่อมั่นไป ฉันจะผ่านวิชานี้ไปได้ไหม หากมีเพียงฉันที่พลังเอ่อล้นจนเต็มอกแต่ขาดคนคอยให้คำปรึกษาและกำลังใจ
ฉันจะยังคงเป็นฉันตอนนี้ไหม
ฉันจะยังมีหวังในตัวเองได้อยู่หรือเปล่า
แต่มันคงไม่มีประโยชน์หากจะมองกลับไปให้เป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำสำหรับการต้องเปลี่ยนที่ฝึกงานถึงสองรอบ — ฉันเติบโตในสังคมที่บอกว่า ‘เราสะดุดล้มเพราะเราไม่ตั้งใจมองทาง’ หรือสะดุดล้มเป็นเรื่องผิดพลาด แต่ไม่ได้สอนให้ลุกขึ้นมาปัดฝุ่น เดินต่อไป และค่อย ๆ ปล่อยให้สะเก็ดแผลเยียวยาตัวเอง เมื่อเจอเหตุการณ์แสนสาหัส ฉันผู้แม้ไม่เคยรู้รักและให้อภัยตัวเองก็ยังก้าวข้ามมันมาจนได้ในที่สุด เปลี่ยนมุมมมองไปว่าบาดแผล ร่องรอยของความเจ็บปวดเหล่านั้นช่างสวยงาม และเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ชีวิตหนึ่งในตอนนี้จะหาได้
ฉันได้เรียนรู้จากความเจ็บปวดว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วสิ่งเหล่านั้นคือเครื่องมือขัดเกลาชั้นดีที่ทำให้ฉันยิ่งอยากเป็นคนที่เต็มไปด้วยความฉลาดอ่านฉลาดเขียน มีน้ำใจ สอดแทรกความอ่อนโยนและอ่อนหวานลงไปในทุกถ้อยคำ ประโลมจิตใจของผู้คน และหลีกเลี่ยงที่จะทำร้ายดวงใจอันเปราะบาง
คนเรามักจดจำช่วงเวลาที่มีความรู้สึกเด่นชัดมากกว่า
จำนวนเวลาที่ผ่านไป ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็รู้สึกเหมือน
‘ใช้ชีวิต’ และ ‘เติบโต’ ได้ตลอดเวลา
และตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเติบโตขึ้นไปอีกขั้น จนยอมรับได้ว่า Coming of age ของทุกคนไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่วัยรุ่น แต่มันจะมาอีกเรื่อย ๆ มาให้เรียนรู้ มาเพื่อทดสอบ และมาเพื่อให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งสำคัญรอบตัวมากกว่าที่เคย
สุดท้ายนี้
ขอประณตน้อม แด่ ตัวฉัน
ผู้กล้าหาญพอจะสร้างทางเดินให้ตนเองย่ำออกไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in