เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
จ-สระใอ-ใจWorakhun Boon
ตอนที่ 8 ทางออก
  • "พี่จักรคะ คุณประวีร์โทรมาจะรับไหมคะ" มณีนุชเดินเข้ามาถาม

    "โอนเข้ามาเลยครับ มณี" ผมตอบรับทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยากรับโทรศัพท์สายนี้เลย แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความไม่อยากนี้ได้ เพราะรู้ว่าจะหนียังไงก็ไม่ได้

    "สวัสดีครับคุณจักรวาล ผมมีเรื่องอยากปรึกษาด้วยไม่ทราบว่าพอจะมีเวลาไหมครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณจักรวาลได้อ่าน e-mail ที่ผมส่งให้เมื่อวันเสาร์ไหมครับ"

    "สวัสดีครับคุณประวีร์" ผมเอ่ยทักทายตามมารยาท "ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีช่วงสุดสัปดาห์ผมไปต่างจังหวัด เลยยังไม่มีโอกาสได้อ่าน e-mail ของคุณประวีร์เลยครับ เมื่อสักครู่เปิดคอมพิวเตอร์มาเห็น กำลังจะอ่านเลยครับ"

    "ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจจะโทรมาเล่าให้ฟังอยู่พอดี คืออย่างนี้ครับ ทางบริษัทเรามีแผนที่จะจ้างพนักงานธุรการฝ่ายขายหนึ่งคน แล้าเจ้าหน้าที่วิเคราะห์การขายอีกหนึ่งคนเพื่อมาใช้งานระบบการขายที่คุณเข้ามาติดตั้งให้ ตอนนี้ผมสัมภาษณ์จนได้ candidate แล้วแต่เนื่องจากระบบยังไม่เสร็จจึงยังไม่ออกสัญญาจ้าง ผมกลัวว่าน้องเค้าจะไปตกลงรับงานที่อื่น ผมจึงอยากจะรับน้องสองคนนี้เข้าทำงานโดยให้ทางบริษัทคุณจ่ายเงินเดือนให้น้องเค้าตามที่น้องเค้าตกลงกับผมไว้ ผมจะคิดเป็นค่าให้บริการคุณแยกออกไปจากโครงการ แล้วคุณก็ให้น้องเค้าเข้ามาทำโครงการแทนพนักงานของคุณที่ลาออกไป คุณจักรวาลมีความเห็นว่าอย่างไรครับ"

    "เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ ผมรับไว้พิจารณาก่อนนะครับ แล้วจะแจ้งกลับคุณประวีร์ก่อนที่จะเข้าไปนำเสนอทางออกให้กับคณะกรรมการนะครับ" ผมตอบกลับ แต่ยังไม่ได้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ "ขอบคุณคุณประวีร์นะครับที่ช่วยคิดแก้ปัญหา" ผมทิ้งท้ายไว้

    "ไม่เป็นไรครับ ถ้าโครงการมีปัญหา ผมก็ต้องรับผิดชอบด้วยครับ นายผมเอาผมตายแน่" คุณประวีร์เฉลย

    "อืม! แต่ละคนก็ห่วงตัวเองมากที่สุดเหมือนกันทุกคน" ผมคิดในใจ

    หลังจากวางหูโทรศัพท์ ผมรู้สึกผ่อนคลายลงได้พอสมควร อย่างน้อยก็มีทางออกให้เลือกอีกหนึ่งทาง
    แม้ว่าจะไม่ใช่ทางออกที่สมบูรณ์ที่สุดเพราะยังไงผมก็จะต้องจ้างพนักงานเพิ่มนอกเหนือจากน้องสองคนที่ทำแค่จบโครงการนี้อยู่ดี เพราะจะต้องเผื่อไว้ขยายงานเพิ่มเติมในอนาคต แต่ก็เป็นทางออกที่ดีกว่าที่ผมคิดไว้ ความจริงแล้วผมคิดว่าถึงทางออกสุดท้ายไว้แล้วว่าถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องยอมรับผลลัพธ์คือบริษัทจะถูกฟ้อง ผมจะถูกไล่ออก ลูกค้าก็คงไปหาเจ้าใหม่มาทำโครงการต่อ ทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปได้เพียงแต่อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคาดไว้ อย่างนี้นี่เองคือทางออกที่พี่หนุ่มเคยบอกไว้ว่า "ไม่มีปัญหาไหนที่ไม่มีทางออก ทุกปัญหามีทางออกทั้งนั้น"

    ผมกลับนั่งพิจารณาถึงความกังวลว่ามันมีความมากน้อยต่างกันในแต่ละสถานการณ์ คุณประวีร์ก็คงกังวลเหมือนกันถึงได้ไปคิดหาทางออกมาให้ แล้วก็ย้อนคิดถึงการสนทนากับพี่หนุ่มว่าความกังวลนั้นตั้งอยู่บนความมีตัวตนของเรานั่นเอง

    แต่ก็ยังสงสัยว่าจะไม่ให้มีตัวตนได้อย่างไร ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามีกายของเรา มีใจของเรา แล้วจะไม่ให้มีเราได้อย่างไร แล้วสติก็เตือนขึ้นว่ากำลังสงสัยอยู่ นี่ก็เป็นอาการของใจอย่างหนึ่ง คงจะต้องเก็บความสงสัยนี้ไปถามพี่หนุ่มเมื่อมีเวลาไปพักที่บ้านตากอากาศอีก 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in