หลังจากที่เลื่อนเอาแพลนของเมื่อวานมาเที่ยวก่อนเพราะตื่นสาย วันนี้เลยกะว่าจะแก้ตัวใหม่ โดยการตื่นมาตั้งแต่ตี 5 คือวันทำงานยังไม่ทุ่มเทขนาดนี้เลยอ่ะ ตื่นมาทำไมตั้งแต่ตี 5 ไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้ในแพลนฉันต้องไปดูน้ำตก Shiraito กับ ทะเลสาบทานุกิ แน่นอนว่า ในรูปที่ได้ค้นคว้าวิจัยมา มันสวยมาก ทะเลสาบน้ำใสๆ มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง(อีกแล้ว ยังไม่เข็ด)
แน่นอนว่าก่อนไปถึงทะเลสาบและน้ำตก ลูกอีช่างแวะอย่างฉันจะต้องมีที่ให้แวะ นั่นคือ Fujisan Hongu Sengen Taisha ชื่อยาวขนาดนี้มันคืออะไร มันคือศาลเจ้าชินโต ที่สวย และน่าจะสงบ แถมยังเป็นจุดที่ไม่ไกลจากจุดที่เราจะต้องขึ้นรถบัสเพื่อขึ้นเขาไปทะเลสาบทานุกิ นับว่าทำเลดีเหมาะแก่การแวะไปไหว้สักการะเอาฤกษ์เอาชัย เผื่อจะโชคดีได้เจอฟูจิแบบเต็มๆ ตากับเค้าบ้าง
ฉันจัดของใช้ต่างๆ ขวดน้ำ แผนที่ กล้องถ่ายรูป และของที่จะพกติดตัวไป ต่างๆ ลงเป้ จากนั้นเดินไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมแล้ว เหลือบมองนาฬิกา ยังไม่ 6 โมงเลย สงสัยจะรีบไปหน่อย เดินไปเปิดหน้าต่างฝนตกปรอยๆ เป็นละอองยิบๆ ฟ้ายังมืดอยู่
เอาล่ะเมื่อยังไม่ถึงเวลา และจะออกไปตอนนี้เลยก็จะเปียกมั๊ยว๊าาา นอนต่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป ฉันล้มตัวลงบนเตียง กลิ้งไปหยิบรีโมททีวี ที่วางไว้อีกมุมนึง กดเปิดทีวี ที่มีแต่รายการภาษาญี่ปุ่น นอนดูไปเพลินๆ แม้จะฟังไม่รู้เรื่องเลยซักนิด
กลิ้งไปกลิ้งมาอีท่าไหนไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกที คือ 8 โมงตรงเป๊ะแบบไมขาดไม่เกิน
ชิบหาย!!!!
รอบนี้ชิบหายจริงๆ แล้วค่ะ เพราะอย่างที่เคยบอกรถบัสที่จะไปทะเลสาบทานุกิจะมีรอบเช้าเพียงรอบเดียวคือตอน 9 โมง จากโรงแรมนั่งรถไฟไปสถานีฟุจิโนมิยะ นี่ก็เกือบๆ 1 ชั่วโมงแล้ว กว่าจะซื้อตั๋ว กว่าจะหลง อีก เวลากระชั้นชิดขนาดนี้ ไม่เหลือความวินาศสันตะโรให้เรื่องอื่นเลย(ซึ่งมันต้องมีเข้ามาแน่ๆ) แน่นอนว่าอีคนล่กอย่างฉัน รีบคว้านั่นนี่ที่เตรียมไว้ วิ่งหอบรองเท้า อีกข้างที่ยังไม่ได้ใส่ พุ่งไปที่ลิฟ รีบกดลงไปชั้นล่าง ไม่กงไม่กินมันแล้วข้าวเช้า
ฉันกดลิฟแล้วใส่รองเท้าให้เสร็จ เหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง
และหันมามองดีๆ อีกครั้ง
9.20 !!!
จบละ ทะเลสาบน้ำใสๆ ที่มีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง
ไปกินข้าวเช้า แล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อ และไอ้ 8 โมงเมื่อกี้ คือตาลาย มองเลข 9 เป็นเลข 8
และถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านมาเป็นปีแล้ว จนกระทั่งตอนที่นั่งเขียนอยู่นี่ ความเสียดาย ความโมโหตัวเอง ก็ยังเท่าเดิมไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
รู้งี้เดินมานั่งรอรถไฟตั้งแต่ 6 โมงเลยก็ดี ไม่น่าเล๊ย
ฉันเดินลงมาห้องอาหารของโรงแรม ที่ไม่มีใครนั่งอยู่แล้ว สายโด่งป่านนี้ใครเค้าจะมานั่ง ฉันหยิบขนมปังก้อนๆ ยัดใส่เครื่องอบ ยังหงุดหงิดไม่หาย แต่ก็ทำได้แค่บอกตัวเองว่า
ช่างแม่ง...
ฉันหยิบมือถือขึ้นมาไถหาที่เที่ยวใกล้ๆ ถามตัวเองซ้ำๆ จะไปไหนดีวะ ถามอยู่หลายรอบจนได้กลิ่นหอมไหม้ๆ ของอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่ผ่านการลุยไหม้มาอย่างหนักหน่วง กลิ่นหอมที่ว่านั้นเริ่มฉุนขึ้นเรื่อย กลิ่นมันคล้ายๆ ขนมปังไหม้
โอ้ววว ชิท!!! ขนมปังกรู!!!!
เอาออกมาจากเครื่องอบก็คือ ดำปี๋อย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ แถม 2 อันเลยด้วย
แม่งโว๊ยย ไม่ได้ดั่งใจซักอย่างเลยเช้านี้
หลังจากกล้ำกลืนฝืนทนกินขนมปังไหม้ไปด้วยความฝืดคอ จะเททิ้งก็เกรงจะโดนด่า ทำไหม้เอง แถมสะเหร่อทำมาซะเยอะ ทำเองก็ต้องกินเอง ฉันเดินออกจากโรงแรมมาจบอยู่ที่สถานีชิซูโอกะแบบงงๆ ไม่รู้จะไปไหนดี เห็นป้ายเขียนว่า Tourist information center ฉันก็เดินจ้ำอ่าวตรงไป คิดอะไรไม่ออก ถามเอาละกันวะ เผื่อมีที่ไหนน่าสนใจ ไอ้ครั้นจะเอาแพลนของพรุ้งนี้มาเที่ยวอีกเหมือนเมื่อวาน ก็เกรงใจตัวฉันในวันพรุ้งนี้ มันจะเป็นการสปอยตัวฉันเองในวันนี้ ที่มากเกินไป
เอาล่ะ วันนี้คือการด้นสด แบบสดตาใสปิ๊งๆ เลย
หลังจากคุยกันอยู่พักใหญ่ทั้งภาษามือ และภาษาอังกฤษ คุณป้าใน Tourist information ก็ถามถึง JR Pass ที่ฉันลืมไว้บนตู้เย็นให้เจ็บใจเล่น ก็ได้แต่บอกไปว่า หนูลืมค่ะ Y_Y
แต่หนูสามารถมาซื้อใหม่ได้ในราคา 5000 เยนที่นี่ก็ได้นะ
ป้าก็พูดต่อด้วยสีหน้างงๆ ประมาณแบบ ต่อให้มึงซื้อในราคา 5000 เยนเนี่ยมันก็ยังถูกกว่ามึงจ่ายตังค์นั่งรถเมต่อรถไฟปุเลงๆ ในเวลา 3 วันอีกนะนังหนู
ซึ่งก็จริงของป้า ถูกกว่าเยอะมากกกกกกกกกกก
แต่มันก็ไม่ทันแล้วอ่ะ พรุ้งนี้เที่ยวอีกวัน เช้าวันมะรืนก็กลับแล้ว นี่คือ พลาดที่ 2 ของเช้าวันที่ 3
ปากสั่นแล้วอ่ะ จะร้อง ป้าคงเห็นสีหน้าไม่ดี กับแววตาอันเศร้าสร้อย
งั้นไม่เป็นไร หนูนั่งรถเมสาย 55 ขึ้นไปดูไร่ชาที่นิฮงไดระสิ อากาศดีนะ
ตึง!!!
หนูไปมาเมื่อวานค่ะป้า
…
งั้นเอางี้ ชอบทะเลมั๊ย เมืองเรามีชายฝั่งที่เงียบสงบ นี่เลย มิโฮ โน๊ะ มัตซึบาระ
ฉันเปิดรูปในมือถือให้ป้าดูยิ้มจืดให้ป้าไป 1 ที
รอบนี้ป้าถึงกับแดกจุดไปไม่เป็น หันหลังไปหยิบโบชัวร์ในตะกร้าด้านหลังมาส่งให้ ชี้ๆ ไปที่มารุโกะ ตัวการ์ตูนยอดฮิต ที่ฉันก็ชอบแหละ ฉันว่ามันเหมือนฉัน
อันนี้ล่ะ ไปมาหรือยัง
ยังเลยค่ะ
สีหน้าป้า ณ จุดๆ นั้น คือดีใจไม่ไหวแล้ว เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง เหมือนลมหนาวเดือนเมษา เหมือนหัวใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง...
หลังจากแยกย้ายกับป้าที่ Tourist information ก็มุ่งหน้าสู่สถานีชิมิซุ แล้วนั่ง shuttle bus ไป s-plus dream plaza ค่าตั๋ว 500 เยน เออก็ไม่แพง
ระหว่างทางก็นั่งคิด จะไปดูอะไรที่นั่นวะ รถไฟท้องถิ่นที่ญี่ปุ่นเป็นอะไรที่นั่งแล้วเพลินมาก นั่งได้เรื่อยๆ นั่งได้ทั้งวัน ถ้าไม่ติดว่า ค่าตั๋วมันจะทำฉันกระเป๋าแหก คนบ้ารถไฟอย่างฉันก็คงจะนั่งมันทั้งวันทั้งคืน นั่งกันให้ตูดเปื่อยกันไปข้าง ในที่สุดก็มาถึงสถานีชิมิซุจนได้ แต่แทนที่จะนั่งรถบัสไป s plus dream plaza ฉันเปลี่ยนใจนั่งรถอีกสาย มุ่งหน้าสู่หาดมิโฮ(ที่ไม่มีฟูจิ) อีกครั้ง
ฉันอาจจะได้เห็นฟูจิ…
และในที่สุด
วันนี้แม่งแบบ...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in