เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Continue straightsquilla_mon
01 จะไปไหนก็ไป แต่จะไปปาก
  • "น้องบัวๆ เมื่อเช้าตอนที่ไปกาด ป้าไปปะน้องลานนา เพื่อนน้องบัวที่อยู่ตรงกองต้า เปิ้นปิ๊กมาอยู่บ้านแล้วหนา" 

    นั่นไง...ไม่ถึงกับต้องติดตามถามไถ่ด้วยตัวเอง สายข่าวที่บัวระวงไม่ได้จ้างอย่างป้าหยุดก็คาบ เอ๊ย นำข่าวอัพเดตล่าสุดของลานนา หรือพี่สาวตัวบางร่างเล็กที่เคยสนิทกันเมื่อสมัยเด็กๆ มาส่งให้ถึงที่ 

    หญิงสาวพยายามสะกดอารมณ์ให้เป็นปกติขณะที่ยังคงง่วนกับตารางสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือนของ 'เก็ดถะหวาเซรามิก' โรงถ้วย หรือโรงงานเซรามิกระดับกลางๆ ของจังหวัดที่เป็นมรดกตกทอดจากแม่ซึ่งไปสบายแล้ว...ไปสบายเป็นคุณนายไร่โกโก้หลังจากแต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงเมืองน่าน นานๆ ทีถึงจะกลับมาเยี่ยมลูกสาวที่โรงถ้วยสักหนหนึ่ง

    "บ่ปะกันสิบกว่าปี เปิ้นยังงามขนาด ยังใจดีอย่างเก่า แถมจำป้าได้ก่อนก็เลยเข้ามาทัก อ้ออ๋อย เป็นดีเอ็นดู" ป้าหยุดดูจะปลื้มไม่หยุด คำภาวนาของบัวระวงที่ขอให้ป้าหยุดหยุดสักสักทีดูจะไม่เห็นผล "เปิ้นเล่าว่าเลิกกับแฟนคนฝรั่งแล้ว เลยย้ายปิ๊กมาอยู่เมืองไทย จะบ่ไปไหนแล้ว บ่าตัวน้อยหัวแดงก็จะหื้อเข้าโรงเรียนแถวนี้"

    ปลายนิ้วชะงักทันทีที่ได้ยิน แฟนคนฝรั่ง...ก็นับเป็นสามีคนที่สามนับแต่ลานนาอุทิศวัยสาวตั้งแต่เพิ่งเรียนจบให้กับชีวิตแต่งงาน สองครั้งก่อนหน้านี้จบลงด้วยความไม่ลงตัวและด้อยซึ่งประสบการณ์ ครั้งที่สามกับหนุ่มชาวฝรั่งเศสดูจะอบอุ่นและยืนยาวสักหน่อย กินเวลานานเกือบเจ็ดปีพร้อมเจ้าหนูตัวเล็กๆ 'หัวแดง' ที่บัวระวงยังไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยคิดเลยว่าจะจบลงไม่ต่างจากคราวก่อนๆ

    ถึงจะไม่เคยดีใจกับลานนาสักครั้งที่เจ้าตัวเลือก ก็ใช่ว่าบัวระวงจะยินดีเมื่อมันลงเอยเช่นนี้ 

    "เอ้อ แล้วเปิ้นถามหาน้องบัวด้วย ว่าหลังๆ บ่ค่อยได้อู้กัน สบายดีก่อ เปิ้นกึ๊ดเติงหา"

    ผิวหน้าร้อนผ่าวเมื่อได้ยินคำ 'คิดถึง' แต่ก็ไม่อยากแสดงท่าทีใดๆ ว่าแอบดีใจ บัวระวงถามกลับ หน้านิ่งพอๆ กับน้ำเสียง

    "แล้วป้าตอบว่าใด"

    "ป้าก็บอกว่าสบายดี เป็นแม่เลี้ยงโรงถ้วยเต็มตัวแล้ว ทำงานทุกวันบ่มีหยุด จนบ่มีเวลาไปแอ่วไปใช้ตังค์ที่ไหน"

    ฟังดูภาพลักษณ์ดีทีเดียว หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างกระหยิ่ม

    "จนบะเดี่ยวสามสิบแล้วแต่ก็ยังบ่แต่งงาน ไผมาจีบก็ทำหน้าสวกปากสวกใส่เขาหมด" 

    บัวระวงยกมือเบรก หายใจเข้าลึกๆ ระงับโทสะ ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นลูกน้องเก่าแก่ของแม่ละก็ คงเอ็ดจนกลับบ้านไม่ถูกไปตั้งนานแล้ว

    "ป้าหยุด มีอะไรทำก็ไปทำเถอะเจ้า มัวแต่ปาก เดี๋ยวทำงานบ่เสร็จ"

    "ป้าทำเสร็จหมดแล้วเจ้า ทั้งกวาดบ้านถูบ้าน ตัดหญ้า ไปกาด เกี๋ยข้าวหมา เปลี่ยนดอกไม้หิ้งพระ..."

    "งั้นไปพักเต๊อะเจ้า ไปหาข้าวกินก็ได้ แก่แล้วเดี๋ยววูบไม่รู้ตัว"
      
    "ป้ากินมาแล้วเมื่อเช้า งั้นป้าไปหายายคำบ้านดงได้ก่อ นัดกันจะไปช่วยเปิ้นขยำเมี่ยง"

    "ไปเต๊อะเจ้า" หญิงสาวโบกมือตัดรำคาญ "จะไปไหนก็ไป แต่จะไปปาก"

    ป้าหยุดเดินหายไปหลังบ้าน พลางหัวเราะคิกคักอย่างไม่รู้ทุกข์ร้อนที่ถูกแอบด่า ไม่รู้ว่าเพราะถือตัวเป็นผู้ใหญ่เลยไม่ถือสา หรือเพราะด้านชาจนไม่สามารถจับอารมณ์ของใครได้เลย


    --------------------------------------


    ห้าโมงตรงเผง บัวระวงพับหน้าจอโน้ตบุ๊ก เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกายแล้วคว้ากุญแจรถกระบะสี่ประตูที่แขวนไว้บนเสา ไม่ต้องเอ่ยปากเรียก แต่เจ้ากำเบ้อ (หรือที่มีความหมายว่าเจ้าผีเสื้อในภาษาไทยกลาง) หมาไทยหลังอานสาว สิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในบ้านของเธอก็กระโดดแผล็วขึ้นมานั่งเบาะข้างๆ 

    หญิงสาวเอียงตัวหลบลิ้นยาวๆ น้ำลายเยิ้มของเจ้าหมาที่ยื่นเข้ามาอย่างระริกระรี้ "ถ้าปากหล่อนโดนหน้าฉันแค่ทีเดียว คืนนี้ย้ายไปเป็นหมาข้างถนนได้เลย"

    เจ้าหมาหยุดกึก หมอบหัวลงบนเบาะ ครางหงิงๆ ตาเศร้าๆ อย่างมีมารยา 

    "เออ แกล้งทำเป็นเชื่อฟังบ้างก็ยังดี ไม่ใช่ลามปามไม่มีที่สิ้นสุดอย่างคนที่บ้าน" หญิงสาวกล่าวหน้าตาย ขณะแตะคันเร่ง มุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะใกล้ตลาดกลางเมืองที่มีผู้คนมาใช้พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมตามชอบ กิจวัตรประจำวันอีกอย่างหนึ่งของบัวระวงนอกจากทำงาน งาน งาน อ่านหนังสือและนอนดูซีรีส์ ก็คือการออกมาวิ่งเหยาะๆ รอบสวนกับเจ้ากำเบ้อ สิบสี่รอบรวมระยะทางเจ็ดกิโลเมตร แวะซื้อน้ำผักปั่นตรงหน้าตลาดหนึ่งแก้วกับแคนตาลูปครึ่งซีกกินแทนอาหารเย็น จากนั้นจึงกลับบ้าน อาบน้ำ แช่เท้าในน้ำอุ่นขณะดูซีรีส์สักตอน แล้วหลับไปก่อนสี่ทุ่มครึ่ง 

    ในเมืองเล็กๆ ที่สองทุ่มก็เงียบกริบ มืดสนิทเป็นป่าช้าร้าง ชีวิตประจำวันของคนวัยหนุ่มสาวที่เกิด โต และทำมาหากินอยู่ที่นี่ก็จืดชืด แห้งผากราวกับตะกอนแม่น้ำวังได้ประมาณนี้

    ปกติแล้วบัวระวงจะไม่ล่ามเจ้ากำเบ้อด้วยสายจูง หากปล่อยมันวิ่งเล่นตามสบายซึ่งมันก็มักจะวนเวียนอยู่ไม่ไกลตัวเธอนัก แต่ขณะกำลังวิ่งอยู่เพลินๆ จดจ่อสมาธิอยู่ที่เสียงเพลง EDM ตามจังหวะก้าววิ่ง และพยายามไม่นึกถึงชื่อซึ่งเลี่ยงจะคิดถึงมานานหลายปี หันไปอีกทีก็เห็นเจ้าหมาตัวใหญ่ของเธอกลิ้งตัวทับร่างเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่งอยู่ หญิงสาวสะดุ้งวาบ พุ่งเข้าไปไม่รอช้า...งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ไปกินลูกชาวบ้านที่ไหนก็ไม่รู้

    "กำเบ้อ! อย่าทำน้อง ปล่อย!"

    ทั้งหมาทั้งเด็กพลิกตัวขึ้นมานั่งทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก เจ้าหมาจอมเลียบรรจงปาดลิ้นเปรอะน้ำลายลงไปบนหน้าขาวๆ ของเด็กชายผมแดง ผิวขาวละเอียดที่บ่งบอกเชื้อสายต่างชาติ เด็กน้อยหัวเราะร่วนอย่างไม่เกรงกลัว แม้เจ้าหมาขนเกรียนจะตัวโตพอๆ กับเขาเลยก็ตาม 

    บัวระวงแตะเนื้อตัวเจ้าเด็ก ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีรอยขีดข่วนตรงไหนที่เกิดจากหมาของเธอ อดบ่นในใจไม่ได้ว่าพ่อแม่จอมเลินเล่อคู่ไหนกันที่ปล่อยลูกตัวกระเปี๊ยกไม่น่าเกินเจ็ดขวบมาวิ่งเล่นอยู่คนเดียวแบบนี้ "เจ็บตรงไหนหรือเปล่าเจ้าหนู" เขาส่ายหน้าดิก "บ่คับ" ตลอดเวลาเจ้าเด็กมองเธอตาแป๋วอย่างสนใจ ขณะที่เจ้ากำเบ้อพยายามเข้ามามีส่วนร่วมอยู่เสมอด้วยการเลีย

    "แล้วทำไมมาเล่นคนเดียวตรงนี้ พ่อแม่ไปไหนเนี่ย"   

    เจ้าหนูชี้มือขึ้นฟ้า "อัพแดร์...อยู่ตางบนปู้นคับ"

    บัวระวงไม่รู้จะตกใจกับอะไรก่อน ระหว่างการที่ต้องเผชิญกับเรื่องดราม่าของเด็กแปลกหน้าโดยไม่ตั้งใจ หรือการที่เด็กชายผมแดงเหมือนเด็กฝรั่งแต่กลับพูดภาษาไทยติดสำเนียงเหนือ หรือที่เรียกกันว่า 'สาบเมือง' หึ่ง จะดึงมากอดอย่างอ่อนโยนแบบในละครก็กระไรอยู่สำหรับคนกระด้างๆ ไม่ชอบเด็กอย่างเธอ สุดท้ายหญิงสาวจึงเอ่ยว่า "อืม...เสียใจด้วยนะ"

    "เสียใจอะหยังคับ"

    "ก็...นั่นแหละคับ จ้างมันเต๊อะ"

    "ชื่อคล้ายกันเลยคับ" จู่ๆ เจ้าหนูก็เปลี่ยนเรื่อง ชี้มือไปที่เจ้าหมาตัวโตที่กระดิกหางว่อนรอมีซีน "ชื่อกำเบ้อใช่ก่อคับ...ผมชื่อกำบี้คับ"

    คราวนี้บัวระวงหัวเราะพรืด จนหน้าแดงก่ำ เด็กหน้าฝรั่งจ๋าชื่อกำบี้ที่แปลว่าแมลงปอ ถึงพ่อหรือแม่เด็กจะเป็นคนเมืองแท้ๆ ก็เถอะ แต่ต้องเป็นคนแบบไหนกันนะที่จะตั้งชื่อลูกว่ากำบี้

    แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็นึกออกมาได้คนหนึ่ง...คนแบบเดียวกับคนที่ตั้งชื่อให้หมาของเธอว่า 'กำเบ้อ' จนเธอต้องเก็บมาตั้งชื่อให้หมาทุกตัวที่ได้เลี้ยงในช่วงเวลาเกือบยี่สิบปี เป็นซิกเนเจอร์ที่จะไม่มีชื่ออื่นใดได้รับเกียรตินี้อีก

    "...น้องบัว"

    เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ คราวนี้ไม่เซอร์ไพรส์อีกแล้ว คนสวยร่างบางที่ยืนยิ้มหวานฉ่ำอยู่ตรงหน้าบัวระวงในขณะนี้จะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ลานนา 'พี่สาว' คนคุ้นกันที่กลับห่างเหินไปนั่นเอง


    ---------------------------------------------------


    ปล. ว่างก็จะเขียน ไม่ว่างก็จะพยายามเขียนนะคะ 5555 แคะสนิมไปด้วยอีกทาง
    ฟิคบรีสการ์เลตต์ (?) เรื่อยๆ เปื่อยๆ เมืองๆ 
    ในธีมของหญิงสาวผู้มาถึงแยกสามสิบ ชีวิต ความรัก เซ็กซ์ ความคาดหวังตั่งต่างประสาวัยว้าวุ่นรุ่นมิดไลฟ์ 5555 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in