7. ธาตุหิน (Rock)

7.1 ชนะ : ไฟ, บิน, น้ำแข็ง, แมลง

7.2 แพ้ : น้ำ, พืช, ต่อสู้, เหล็ก, ดิน

ข้อสังเกต 

- ในยุคแรกๆของเกม หินกับดินคือธาตุเดียวกัน ดังนั้นมันจะมีจุดแข็งร่วมกันคือชนะไฟ และจุดอ่อนร่วมกันคือแพ้ น้ำ, พืช และต่อสู้

- และปัจจุบันก็ยังมีโปเกมอนบางตัวที่มีธาตุหินและดิน ผลคือมันจะต้านทานธาตุไฟมาก(ได้รับความเสียหายแค่ 1 ใน 4) แต่พ่ายแพ้ยับเยินต่อน้ำ, พืช และต่อสู้ (ได้รับความเสียหายสี่เท่า)

- (รู้สึกเอาเอง) จุดเด่นอย่างหนึ่งของธาตุหินคือพลังป้องกันสูงมาก เว้นแต่เจอธาตุที่แพ้ทางจริงๆ

- ในภาค sword & shield จะมีโปเกมอนตัวหนึ่งที่ีมีธาตุ น้ำ กับ หิน ผลคือมันแกร่งต่อธาตุไฟมากเช่นกัน แถมยังเป็นธาตุหินที่ไม่แพ้ดินด้วย(น้ำชนะดิน) แต่อย่าได้ส่งไปสู้กับพืชเชียว ตายแน่ 

- เพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่า หินกับไฟมีจุดแข็งร่วมกัน (ชนะ บิน, น้ำแข็ง, แมลง) แต่ต่างกันตรงที่ ไฟชนะพืช ส่วนหิน ชนะไฟ เพราะฉะนั้นหากใครไม่ชอบโปเกมอนธาตุไฟ และมีธาตุอื่นที่ชนะธาตุพืชอยู่ในทีมแล้ว โปเกมอนหินก็เป็นทางเลือกที่...ไม่เลวนัก 

     8. ธาตุดิน (Ground)

8.1 ชนะ : ไฟ, เหล็ก, ไฟฟ้า, พิษ

8.2 แพ้ : น้ำ, พืช, น้ำแข็ง, บิน, ต่อสู้

ข้อสังเกต

- อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ในรุ่นแรกๆ ดินกับหินคือธาตุเดียวกัน จึงมีจุดอ่อนจุดแข็งร่วมกันดังว่า

- ถ้าดูที่จุดอ่อน ดินง่อยกว่าหิน แต่ จุดแข็งของมันคือ ดินเป็นธาตุเดียวที่ชนะไฟฟ้า ชนะแบบ absolutely ด้วย!

- ที่ว่าชนะแบบ absolutely นั้นคือ ไฟฟ้าทำอะไรดินไม่ได้เลย ลองคิดถึงว่าถ้าอีกฝ่ายมีปีกาจูใช้ท่าไฟฟ้ากี่หมื่นกี่ล้านโวลต์ก็ตาม ในขณะที่ตัวอื่นชักกระแด่วๆไปแล้ว โปเกมอนดินก็แค่ยักไหล่ถามว่า so what? 

- แต่ความง่อยของดินก็คือ ท่าของดินก็ทำอะไรธาตุบินไม่ได้เลยเช่นกัน จะทุบหินหรือแผ่นดินไหว พวกนกทั้งหลายก็ยังสบายดี 

- ถ้าถามความเห็นส่วนตัว จะมีติดทีมไว้ก็ดี(ไว้กันไฟฟ้า) แต่ควรเลี้ยงและสอนท่าแผ่นดินไหวให้ด้วย เพราะก่อความเสียหายได้มาก แต่อย่าส่งไปสู้กับธาตุที่ดินแพ้ทางละกัน ตายหยังเขียด

     9. ธาตุไฟฟ้า (Electric)

9.1 ชนะ : น้ำ, บิน 

9.2 แพ้ : ดิน

ข้อสังเกต

- จุดเด่นของไฟฟ้าคือมันแพ้แค่ธาตุเดียวเท่านั้นคือดิน ไฟฟ้าทำอะไรดินไม่ได้เลย 

- ที่น่าสังเกตคือ แม้ตามข้อมูลไม่ระบุว่าไฟฟ้าแพ้พืช แต่เวลาใช้จริงกลับพบว่า พืชมีความต้านทานต่อไฟฟ้าได้ดีระดับหนึ่งอย่างน่าประหลาด 

- ท่าไม้ตายธาตุไฟฟ้านั้น ที่แรงจริงๆไปเลย ก็มี แต่จะมีอีกประเภท ที่ความเสียหายอาจไม่มากแต่ใช้ก่อกวนได้ กล่าวคือ สามารถทำให้คู่ต่อสู้เป็นอัมพาต เมื่อเป็นอัมพาตแล้วในบางรอบมันจะไม่สามารถโจมตีได้ ซึ่งก็ทำให้ฝ่ายเราได้ประโยชน์ในระดับหนึ่ง

- อีกประโยชน์หนึ่งคือ ไฟฟ้าชนะน้ำ ด้วยความที่ไม่นิยมธาตุพืช เวลาเล่นเกมเลยต้องพกไฟฟ้าไว้ในทีมทุกครั้ง (มันจะต้องมียิมที่ใช้โปเกมอนน้ำทุกรอบสิน่า) 

- แต่ไฟฟ้าจะทำอะไรโปเกมอนที่มีธาตุ น้ำ+ดิน ไม่ได้ (ดูรายละเอียดข้อ 8) ทางแก้คือใช้โปเกมอนธาตุที่ชนะดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พืช(ความเสียหายคูณสี่) หรือจะใช้ธาตุอื่นๆที่ชนะดิน ได้แก่ ต่อสู้หรือ บิน ก็ได้

     10. ธาตุต่อสู้ (Fighting)

10.1 ชนะ : มืด, พืช, หิน, ดิน, เหล็ก, น้ำแข็ง, ทั่วไป 

10.2 แพ้ : พลังจิต, บิน, แฟรี่ 

ข้อสังเกต

- คือก็พอรู้ว่าต่อสู้มันซัดธาตุอื่นได้มาก เพิ่งจะเห็นก็วันนี้ว่า จุดแข็งเยอะกว่าจุดอ่อนอีกตะหากแฮะ O_o

- เคยอ่านมา เขาบอกว่า ต่อสู้ชนะมืดด้วยหลักการประมาณว่า ความมืดแพ้ความเข้มแข็ง และแพ้พลังจิตด้วยหลักการประมาณว่า ความเข้มแข็งของร่างกายแพ้ความเข้มแข็งของจิตใจ อะไรแบบนี้ 

- แต่ต้องไม่ลืมว่า ท่าไม้ตายธาตุต่อสู้ ทำอะไรธาตุผีไม่ได้เลย ถ้าเจอธาตุผีก็อย่าส่งออกไปละกัน 

     11. พลังจิต (Psychic)

11.1 ชนะ : ต่อสู้, พิษ 

11.2 แพ้ : มืด, ผี, แมลง

ข้อสังเกต

- เอ... จุดแข็งมันมีแค่นี้จริงๆเหรอ (วะ?) เอาเป็นว่าถ้าค้นเพิ่มแล้วได้เพิ่มจะมาเติมให้ในโอกาสต่อไป

- เคยอ่านจากที่ไหนสักแห่ง เขาบอกว่าจุดอ่อนของพลังจิตนั้นมาจากหลักที่ว่า เพราะ ความมืด ผี และ แมลงนั้น เป็นสิ่งที่คนทั่วไปกลัวกัน  

     12. ธาตุมืด (Dark)

12.1 ชนะ : พลังจิต, ผี 

12.2 แพ้ : ต่อสู้, แมลง, แฟรี่ 

ข้อสังเกต

- เคยคิดว่ามืดเก่งสุดในสามเหลี่ยมนี้ (มืด-พลังจิต-ต่อสู้) พอเขียนออกมาจริงๆ...สงสัยต้องคิดใหม่ละ 

- อย่างไรก็ดี ด้วยความที่ไม่ชอบโปเกมอนแมลงและผี พอต้องต่อกรกับโปเกมอนพลังจิตหรือผี เลยเลือกที่จะมีมืดในทีม 

- และความเห็นส่วนตัวคือ ชอบธาตุนี้ เพราะโปเกมอนธาตุนี้เท่ห์ดี 555

- เกือบลืม แม้จะชนะแค่สองธาตุ แต่จุดแข็งของธาตุมืดคือ ท่าไม้ตายธาตุพลังจิตทำอะไรธาตุมืดไม่ได้เลย เออ เนี่ยแหละ สาเหตุที่พกธาตุมืดไว้ในทีม 

หกธาตุที่เหลือ...สัปดาห์หน้าเนอะ   

     ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่   

     https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html