บทสัมภาษณ์ของแฮชานจากนิตยสาร ARENA KOREA ฉบับเดือนเมษายน
แปลโดย moonbackk
รูปโดย grindmade66
ไม่อนุญาตให้นำไปอัปโหลดที่ไหนทั้งสิ้น
วันนี้การถ่ายทำเป็นยังไงบ้างคะ?
แฮชาน : สนุกครับ เพราะผมเองชอบการถ่ายรูปมากอยู่แล้ว การที่ผมเพลินไปกับการโพสท่าก็สนุกครับ
คุณแฮชานคงจะโดนถ่ายรูปมามากกว่าการเป็นคนถ่ายสินะคะ
แฮชาน : ช่วงนี้ผมเริ่มสนใจการถ่ายรูปขึ้นมาแล้ว แต่ยังไงผมก็เคยชินกับการโดนถ่ายรูปน่ะครับ
อยากรู้ว่าถ้าโดนถ่ายบ่อย ๆ มันสามารถจะถ่ายรูปได้ง่ายมากขึ้นใช่มั้ยคะ
แฮชาน : เพราะงั้นก็เลยพยายามทำอยู่น่ะครับ คำว่าง่ายมันก็จะเกิดการตีกรอบของผมขึ้นมา เลือกแค่ของที่สวยงามก็ได้แล้ว ถ้าทำแบบนั้นมันจะมีแค่ท่าโพสที่จำกัดออกมาเองครับ ไม่ใช่แค่โพสอย่างเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นตอนอยู่บนเวทีหรือทำอะไรก็ตาม ผมก็ทำเหมือนกัน คือพังกรอบนั้นของตัวเอง แล้วเรียนรู้ไปอยู่ครับ
ฟังเหมือนจะค่อย ๆ หลุดออกจากกรอบจำกัดของตัวเองไปเรื่อย ๆ เลยนะคะ
แฮชาน : แบบนั้นแหละครับ
เห็นว่าคุณแฮชานมีชื่อเสียงเกี่ยวกับแกงกิมจิ ชอบใส่อะไรคะ?
แฮชาน : ผมไม่ใส่เส้นหมี่ก้อนครับ ใส่แค่เเนื้อ แต่ถ้าใส่รามยอนลงไป น้ำมันจะข้นขึ้น ผมชอบแกงกิมจิแบบต้นฉบับอะครับ ท็อปปิ้งมักจะใส่เนื้อเป็นอับดับ 1 เลย แล้วก็ใส่ปลาแมคเคอเรลอันดับประมาณ 1.3 ครับ
มีวันที่คิดถึงปลาแมคเคอเรลใช่มั้ยคะ แล้วมีแกงกิมจิที่จำได้เป็นพิเศษมั้ยคะ?
แฮชาน : ผมเคยไปทัวร์ที่ปารีส แล้วดันอยากกิน
แกงกิมจิขึ้นมาน่ะครับ เพราะงั้นผมเลยสั่งแกงกิมจิกับข้าวผัดกิมจิมา แต่กิมจิที่มามันเป็นสีขาวอะครับ เหมือนเขาล้างกิมจิแล้วเอามาต้มเลยครับ
เป็นแกงกิมจิที่มีความคิดสร้างสรรค์ดีนะคะ ได้กินมั้ยคะ?
แฮชาน : คนที่เคยกินครั้งแรกก็พอกินได้นะครับ แต่สำหรับคนที่เคยกินแกงกิมจิมาก่อนมันยากนิดหน่อยน่ะครับ
ถึงจะเสียใจ แต่ในระหว่างทัวร์คงมีความทรงจำดี ๆ ที่ไม่ใช่แค่อาหารเกิดขึ้นหลายอย่างเลยนะคะ
แฮชาน : เพราะแบบนั้นผมเลยชอบการทัวร์ ในระหว่างทัวร์ ถ้ามีเวลาว่างก็ไปช็อปปิ้งแล้วก็หาอะไรกินกับเมมเบอร์ แบบนั้นมันดีมากเลยครับ การไปที่นั่นและกินอาหาร มันไม่ใช่การกินอาหารอย่างเดียว แต่เมมเบอร์ที่กินอาหารนั้นด้วยกัน มันก็จะเกิดความทรงจำของเพื่อน ๆ ที่เกี่ยวกับอาหารขึ้นมา ส่วนตัวผมชอบอะไรแบบนั้นมากเลย
เหมือนคุยกับผู้ใหญ่เลยค่ะ การที่ไปทัวร์สำหรับไอดอลมันก็คือการไปทำงานใช่มั้ยคะ แต่มีช่วงที่รู้สึกว่าเหมือนได้ไปเที่ยวบ้างมั้ย?
แฮชาน : ส่วนตัวผมรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวครับ ต้องเก็บกระเป๋าก่อน แล้วก็ไปสนามบิน แล้วพอไปอาหารการกินก็เปลี่ยนหมดเลย ไปจนถึงสิ่งที่เรานั่งมองบนรถที่มันเปลี่ยนไปด้วย อะไรพวกนั้นกลับทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นครับ
พอดีฉันไม่รู้ชีวิตประจำวันของศิลปินระดับโลกเลยค่ะ เวลาจัดกระเป๋า จัดเองรึเปล่าคะ?
แฮชาน : คือถ้ามองกระเป๋า ก็จะสัมผัสได้ถึงรสนิยมของคนคนนั้น ความชอบ จะเอาอะไรไปบ้างดี สิ่งจำเป็นมีอะไรบ้าง อะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่ตัวผมเองเท่านั้นที่รู้ ผมเอาลำโพงบลูทูธและยาแผนยาจีนที่คุณแม่ให้มาไปด้วยครับ
แฮชานตอนฟังเพลงของตัวเองรู้สึกยังไงคะ?
แฮชาน : การมีเสียงของผมออกมาในเพลงมันน่าทึ่งมากครับ ถ้าฟังเพลงของพวกเราอยู่ผมรู้สึกว่า 'ฉันเป็นนักร้องแล้วสินะ' แล้วก็ตอนเพลง irreplaceable ออกมา ผมฟังเพลงนั้นไปเกือบเดือนเลยครับ
ตอนนี้เป็นคนดังสุดเท่ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก จำสาเหตุครั้งแรกที่ตัดสินใจจะมาเป็นนักร้องได้มั้ยคะ?
แฮชาน : ผมใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกที่ผมจะเป็นนักร้องให้ได้แบบไม่มีสาเหตุไหนมาตั้งแต่แรกแล้ว พวกนั้นมันเลือนลางจนจำไม่ได้เลย จำได้ว่าน่าจะตอนผมอายุ 5 ขวบได้ที่ผมไปบอกแม่ว่า 'แม่ ผมอยากเป็นนักร้องครับ'
แล้วจำคำตอบขอบคุณแม่ในตอนนั้นได้มั้ยคะ?
แฮชาน : แม่บอกว่าไม่ได้ครับ ถ้าพูดแบบนั้นตั้งแต่ผมอายุ 5 ขวบ ผมคิดว่าผมมั่นใจว่าจะเป็นนักร้องให้ได้ตั้งแต่ผมสามารถคิดอะไรได้เองตั้งแต่ตอนนั้นแหละครับ
หลังจากนั้นก็ได้กลายเป็นนักร้องแล้ว ตอนนี้สัมผัสได้ถึงความโด่งดังมั้ยคะ?
แฮชาน : ตอนนี้เริ่มสัมผัสได้แล้วครับ ไม่ว่าจะไปกินข้าวหรือไปช็อปปิ้ง มีคนที่จำผมได้จนผมรู้สึกขอบคุณเลย อะไรแบบนั้นทำให้ผมอารมณ์ดี แล้วก็รู้สึกถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้นด้วยครับ
ถ้ามองว่ามีคนจำได้เยอะ แบบนี้ได้เตรียมปากกาไว้เซ็นลายเซ็นให้กับคนที่มาขอมั้ยคะ?
แฮชาน : ไม่ครับ ผมไม่มีปากกาครับ เดี๋ยวนี้มีคนเอาพวกสมาร์ทโฟนที่เป็นทัชสกรีนมารับลายเซ็นกันเยอะกว่าการเซ็นด้วยปากกาแล้วครับ
พอใช้ชีวิตแบบเป็นศิลปินไป คงจะมีช่วงที่กังวลด้วย เวลาแบบนั้นมีแรงผลักดันอะไรให้เดินต่อไป?
แฮชาน : ผมมีแรงผลักดันในการทำงานเยอะมาก ผมเป็นคนที่เริ่มทำงานนี้เพราะชอบมันมาก แรงปรารถนาและความกระหายในการทำงานมันยังไม่ถูกเติมให้เต็มเลย และเพราะผมอยากจะเติมมันให้เต็ม เลยทำให้ผมออกมาทำงาน ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ อะไรแบบนั้นมักทำให้ผมทำงานอยู่เรื่อย ๆ เลยครับ
กำลังคิดอยู่สินะคะว่าสิ่งที่ตัวเองตั้งใจทำจนสำเร็จ มันไม่ใช่สิ่งที่ใคร ๆ ก็สามารถสัมผัสมันได้
แฮชาน : แน่นอนครับ ผมคิดว่าผมจะต้องใช้ชีวิตแบบรู้สึกขอบคุณไปน่ะครับ เพราะแบบนั้นผมเลยตั้งใจจะใช้ชีวิตโดยแบ่งความโชคดีที่ผมได้รับมาละครับ
สมาชิก NCT ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ตอนซื้อกล้องหนึ่งตัวคิดว่ามันแพงมั้ยคะ?
แฮชาน : แน่นอนว่าคิดครับ (ยิ้ม) แต่ถ้ามันสำคัญกับผม ไม่ว่าจะเท่าไหร่ผมก็ไม่สนใจหรอกครับ แต่ว่าถ้าคิดว่า 'ฉันจำเป็นต้องใช้เงินนี้เหรอ' ผมก็จะไม่ซื้อครับ
อะไรคือสิ่งที่แฮชานใช้เงินไปกับตรงนั้นได้แบบเต็มที่
แฮชาน : อาหารครับ ผมชอบเลี้ยงข้าวอะครับ การกินข้าวกินเบียร์สักแก้วกับคนที่ขอบถือเป็นการหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผมเลย หวังว่าคนเหล่านั้นจะมาหาผมโดยไร้ความกดดันอะไรก็คงดีเลยครับ เพราะผมจะเป็นคนจ่ายเอง
การเห็นสถานที่ดูการแสดงที่เต็มไปด้วยคนที่มารอดูจริง ๆ แล้วรู้สึกยังไงคะ?
แฮชาน : ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิดครับ มันดูเหนือจริงมากเลย ผมคิดว่าถ้ามีคนมายืนที่โตเกียวโดมผมคงจะตื่นเต้นน่าดู แต่พอเอาเข้าจริง พอสบตากับคน 50,000 คนจากบนเวทีผมก็ไม่ตื่นเต้นครับ กลับกัน ตอนเป็นเด็กฝึกแล้วต้องไปเต้นหน้าคนประเมิน 2-3 คนตอนนั้นยังตื่นเต้นกว่าเลย ในจำนวน 50,000 คนในนั้น คงมีคนที่หาวันว่างและมาจากที่ไกล ๆ เพื่อดูการแสดงเป็นเวลา 3 ชั่วโมงอยู่ด้วย เพราะแบบนั้นเวลาทำเวทีผมเลยยิ่งจริงใจกับมันมากเลยครับ คนหลายคนจ่ายเงินเข้ามา ถ้าผมเหนื่อยแล้วมาทำการแสดงไปแบบส่ง ๆ ไปแบบนั้นไม่ได้สิครับ ผมคิดว่าเรื่องนั้นมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนเป็นนักร้องไม่ควรทำนะครับ
ดูโฟกัสกับงานมากเลยนะคะ
แฮชาน : ใช่ครับ บางทีผมก็จำไม่ได้เลย ถ้าผมตั้งใจและเต็มที่ไป บางทีผมก็จำไม่ได้ด้วย ผมทำแบบนั้นมาได้ยังไงนะ อะไรแบบนั้นมันดีมากเลยครับ ผมสนุกไปกับมันจริง ๆ เพราะมันเป็นอะไรที่ผมโฟกัสมาก ๆ ขนาดที่ผมทำไปแบบลืมตัวจนผมจำมันไม่ได้เลย
แบบนั้นก็เกินขอบเขตที่วาดไว้สินะคะ อย่างที่พูดว่าทำจนลืมตัวเลย นั่นมันคงเป็นเสน่ห์ของอาชีพนี้สินะคะ
แฮชาน : ต่อให้บอกว่าเป็นนักร้อง การมีประสบการณ์แบบนั้นมันก็ไม่ง่ายนะครับ
ถีงแฮชานตั้งใจทำงานจนประสบความสำเร็จแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกได้ถึงความบันเทิง หรือสิ่งที่ฉันทำแล้วได้มา แต่กำลังรับรู้ความสามารถของตัวเองอยู่สินะคะ
แฮชาน : แน่นอนครับ ผมคิดว่าผมจะต้องใช้ชีวิตแบบรู้สึกขอบคุณไปน่ะครับ เพราะแบบนั้นผมเลยตั้งใจจะใช้ชีวิตโดยแบ่งความโชคดีที่ผมได้รับมาละครับ
ความโชคดีที่ยิ่งใหญ่ของแฮชานคืออะไร?
แฮชาน : การได้มาเจอเมมเบอร์ครับ การมีเมมเบอร์อยู่ในตอนนี้มันมีค่ามากเลย ผมคิดว่า 'ถ้าไม่มีเมมเบอร์เหล่านี้อยู่ ผมจะเป็นยังไงนะ' น่ะคร้บ
ฉันไม่ได้เป็นไอดอลมาก่อนเลยไม่รู้ แต่ว่าคำว่าเมมเบอร์สำหรับไอดอลเป็นยังไงเหรอคะ? จะเรียกว่าเพื่อนร่วมงานก็ได้แต่มันก็แตกต่างอยู่นิดหน่อยน่ะค่ะ
แฮชาน : ใช่แล้วครับ ผมก็ไม่รู้นะ จะบอกว่าเป็นเพื่อน แต่ก็ต้องทำงานด้วยกัน งานที่ทำด้วยกันจะเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์แบบธุรกิจแต่พวกเราก็เหมือนเพื่อนกันเกินไป เพราะงั้นการช่วยดูแลกันและกันน่าจะเป็นคำที่ชัดเจนกว่าครับ
ชื่อจริงคือดงฮยอกใช่มั้ยคะ ได้แยกแฮชาน NCT กับดงฮยอกมั้ยคะ?
แฮชาน : แฮชาน NCT เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าผู้คนมากมาย ส่วนลีดงฮยอกอยู่ข้างหลังเขาครับ ตอนอยู่บนเวทีก็อยู่ด้วยความคิดว่า ฉันคือที่สุดแต่พออยู่ข้างล่างเวที ผมก็พยายามคิดว่าทุกคนคือคนเหมือนกันอยู่ครับ
ถ้างั้นแฮชาน NCT กับลีดงฮยอกก็คงมีทั้งสิ่งที่เหมือนและแตกต่างกันสินะคะ
แฮชาน : ใช่ครับ มีส่วนที่เหมือนกันนิดหน่อย ส่วนถ้าเป็นข้อแตกต่างคือลีดงฮยอกพยายามใช้ชีวิตแบบทั่วไป ทั้งแฮชานและดงฮยอกต่างแบ่งข้อดีของกันและกัน ส่วนสิ่งที่ไม่ดีก็ต่างคนต่างเก็บไว้แล้วพยายามกำจัดมันครับ
คุณลีดงฮยอกชอบแฮชานมั้ย?
แฮชาน : ชอบมากที่สุดในโลกเลยล่ะครับ
อยากถูกจดจำไว้แบบไหน?
แฮชาน : ผมคิดว่าผมไม่สามารถอยู่กับทุกคนได้ตลอดไป โดยเฉพาะกับ NCT แฮชานยิ่งแล้วใหญ่เลย อย่างน้อยผมก็หวังว่าคนที่ชอบผม คนที่เป็นกำลังใจให้ผมจะจำช่วงเวลาที่เคยทำร่วมกันกับผมไว้เป็นความทรงจำที่ดีครับ
รู้อะไรแบบนั้นตั้งแต่อายุยังน้อยได้ยังไง?
แฮชาน : ผมคิดอะไรแบบนี้เยอะครับ ก่อนนอนผมคิดอะไรแบบนี้เยอะมากเลย
สักวันหนึ่ง ในการพัฒนาต่อไปของแฮชานก็คงจะเห็นเพลงที่ดงฮยอกทำที่พัฒนามากขึ้นได้ด้วยสินะคะ
แฮชาน : เพลงของดงฮยอกจะกลายเป็นเพลงของแฮชาน NCT เพราะเพลงทั้งหมดของแฮชาน NCT จะกลายเป็นเรื่องราวของดงฮยอก แฮชานจะร้องเพลงของดงฮยอกให้เองครับ
แปลโดย moonbackk
รูปโดย grindmade66
ไม่อนุญาตให้นำไปอัปโหลดที่ไหนทั้งสิ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in