เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รวมที่เคยแปลmoonbackk0
บทสัมภาษณ์แจมินกับนิตยสาร marie claire

  • แปลโดย moonbackk

    ไม่อนุญาตให้นำไปรีอัปโหลดที่ไหนทั้งสิ้น


    ได้ต้อนรับปีใหม่อย่างสง่างามกว่าครั้งไหนเลยรึเปล่า วันแรกของปี 2023 ก็ได้ขึ้นไปยืนบนเวที SMTOWN LIVE แล้ว ส่วนวันที่สองก็ได้มาถ่ายปกเดี่ยวของนิตยสารด้วย

    แจมิน : อันที่จริงz,ไม่เคยใช้เวลาไปเพื่อทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นวันคริสต์มาสหรือวันพิเศษเหมือนกับวันปีใหม่ เพราะงั้นผมเลยไม่เคยวางแผนว่าจะต้อนรับปีใหม่ยังไง แต่พอได้ทำ ก็คิดว่าการเริ่มต้นปีแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ มันสามารถเก็บภาพของผมในช่วงเวลานี้ไว้ได้ แถมคนอื่นยังสามารถเห็นภาพเหล่านี้ได้อีกด้วย ขั้นตอนในการถ่ายทำก็สนุกอีกต่างหาก รู้สึกว่าการถ่ายของวันนี้มันทำให้ผมสัมผัสได้ถึงการเข้าปีใหม่มากกว่าตอนนับถอยหลังเข้าปีใหม่เมื่อตอนกลางคืนอีกครับ


    ตอนนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่รู้สึกยังไง ?

    แจมิน : ตอนปีที่แล้วก็รู้สึกว่า ‘ว้าว ผ่านไปหนึ่งปีแล้วนะ’ แต่แปลกที่ปีนี้ผมไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ผมยังไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้จริงๆ มันคืออะไร แต่สิ่งที่มั่นใจก็คือ 1 ปีมันผ่านไปเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก เลยคิดว่าเวลาไม่ได้รอผมสินะ อะไรแบบนั้นครับ


    เพราะนี่เป็นปีแรกที่รู้สึกว่าความเร็วที่ผ่านไปมันคือความเร็วที่ไม่เหมือนเดิม แจมินมีความมุ่งมั่นและแผนอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมรึเปล่า ?

    แจมิน : Bucket List ก็ยังคล้ายๆ เดิมครับ ผมเป็นคนวางแผนอะไรหลายอย่างทีละเล็กทีละน้อยครับ ปีนี้ตั้งใจว่าจะเล่นสโนว์บอร์ดให้เก่งขึ้น และน่าจะมีโอกาสที่ไปเจอแฟนๆ มากขึ้นแล้วด้วย ผมก็เลยกำลังคิดถึงสิ่งที่สามารถแสดงให้ดูบนเวทีอะไรพวกนี้อยู่ครับ



    ดูเหมือนจะเป็นคนที่มี Bucket List ที่ทำได้จริงมากกว่าความปรารถนาเลยนะ

    แจมิน : จะต้องเป็น ‘สิ่งที่ผมสามารถทำให้สำเร็จได้’ น่ะครับ (ยิ้ม)


    คนที่วางแผนอย่างรอบคอบด้วยความเป็นจริงจะสามารถรู้สึกถึงความเติบโตได้อย่างชัดเจนใช่มั้ยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน หรือสิ่งที่ทำสำเร็จไปแล้ว

    แจมิน : ใช่ครับ ตอนดูในรูปแบบของทีม NCT จะสัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็นขนาดคอนเสิร์ตที่แตกต่างออกไป หรือการเจอกับชีจือนี่ที่เป็นแฟนคลับพวกเรา ก็รับรู้ได้ว่าเติบโตขึ้น ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกมากที่สุดตอนอยู่ในห้องอัดครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมไม่มีทางรู้เลยว่าเสียงที่ผมอัดไป พอทำออกมาแล้วมันจะออกมาเป็นยังไง ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เสียงของผมแบบไหน แต่พอฝึกไปตามคำแนะนำที่ได้มาจากคนแต่งเพลงก็เริ่มจะพอรู้ทีละนิดแล้วครับ พอมาตอนนี้ ถ้าได้รับเพลงมาก็เดาออกว่าเพลงมันจะออกมาเป็นแบบไหน แล้วเลือกใช้เสียงให้เหมาะกับเพลงนั้น ทุกเวลาที่ทำแบบนั้น ก็รู้สึกว่านี่ผมกำลังโตขึ้นอยู่สินะ


    การเข้าใจเพลงก็น่าจะทำให้ใช้เวลากับการทำเพลงได้ไวขึ้นใช่มั้ย

    แจมิน : สมัยก่อนผมถามทุกๆ ท่อนเลยว่าแต่ละท่อนจะต้องใช้เสียงแบบไหน แต่ว่าช่วงนี้ผมลองฟังเพลงก่อนแล้วลองร้องเสนอไปแบบที่ผมคิดว่าผมจะทำมันได้ดีอะไรแบบนั้นด้วยครับ


    มีเพลงหรืออัลบั้มที่เป็นจุดที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้มั้ย ? 

    แจมิน : (เพิ่งเป็นแบบนี้) ได้ไม่นานครับ ผมเป็นคนรับรู้อะไรได้ช้ามากๆ ตอนที่อัลบั้ม Hot Sauce ออกมาในปี 2021 ก็เริ่มจะพอจับทางการทำเพลงไปได้ทีละนิดครับ


    คิดว่าอะไรเป็นแรงผลักดันในการเติบโต ?

    แจมิน : สมัยตอนเป็นเด็กฝึกคือการแข่งขัน หลังจากเด็กฝึกก็เป็นคำชม ส่วนตอนนี้ก็คือการมีอยู่ของแฟนคลับครับ การเสียสละเวลามาดูพวกเรา การอยู่ให้กำลังใจพวกเราอย่างมั่นคง มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยนี่นา การมีคนที่ผมอยากเอาผลงานที่ผมตั้งใจทำให้ดีขึ้นไปให้ดูแบบนั้น ผมเลยคิดว่ามันเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่เลยน่ะครับ


    หนึ่งในคีย์เวิร์ดของ NCT DREAM คือ ‘การเติบโต’ เพราะเดบิวต์มาตอนที่ยังเด็กมากๆ พอโตขึ้นก็เป็นทีมที่คนอื่นสามารถมองเห็นความเติบโตผ่านการแสดงบนเวทีหรืออัลบั้มใหม่ได้ มันพิเศษมากเลย คงได้ยินคำว่าภูมิใจในตัวทีมนี้บ่อยเลยใช่มั้ย ?

    แจมิน : ครับ คนที่ชอบพวกเราตั้งแต่เดบิวต์ก็เหมือนมองพวกเราด้วยจิตใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่ (ยิ้ม) ในสายตาคนเป็นพ่อแม่ก็จะมีความทรงจำตอนลูกยังเด็กชัดเจนสุดใช่มั้ยล่ะครับ เพราะงั้นต่อให้พวกเราจะกลายเป็นผู้ใหญ่ ก็จะมีช่วงเวลาที่แฟนๆ มองพวกเราเหมือนกับเด็กเล็กอะครับ แฟนคลับของพวกเราเหมือนจะเป็นแบบนั้น คงเป็นเพราะในความทรงจำของพวกเขามีภาพพวกเราตอนอายุ 15-16 ปี ที่ยืนอยู่บนเวทีเป็นครั้งแรกชัดเจนที่สุด เลยพูดว่าภูมิใจในพวกเรารึเปล่าครับ


    ตอนนี้อยากจะฟังคำแบบไหน ?

    แจมิน : ผมไม่ได้หวังฟังอะไรที่ยิ่งใหญ่เลย แค่มีคนคิดว่าผมเป็นคนยิ้มสวย มีพลังบวกและมีความสดใส แค่นั้นผมก็รู้สึกขอบคุณแล้วครับ


    เหนือความคาดหมายนะเนี่ย เข้าใจว่าคำพูดพวกนั้นมันเป็นคำชมที่จะได้ยินตอนทำอะไรได้นี่นา

    แจมิน : ก่อนจะเป็นนักร้องหรือดารา ผมอยากเป็นคนที่ดีครับ มีคนที่แค่นึกถึงขึ้นมาก็รู้สึกดีแล้วแบบนั้นด้วย ผมอยากจะเป็นคนแบบนั้นครับ


    ผ่านมา 7 ปีแล้วจากการเดบิวต์ตอนอายุ 17 ปี ส่วนใหญ่พออายุเข้าวัย 20 กว่าๆ จะมีนิสัยหรือความชอบที่ชัดเจนขึ้น สำหรับแจมินมีนิสัยอะไรบ้าง ?

    แจมิน : สำหรับผม ความชอบผมไม่ได้เปลี่ยนไปและดูเหมือนจะลึกซึ้งมากขึ้นครับ เมื่อก่อนผมชอบถ่ายรูปหรือวิดีโอของสมาชิกในวง และสนใจเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยีมากอยู่แล้ว และจากตอนนั้นทำให้ตอนนี้ผมกำลังศึกษาเกี่ยวกับกล้องอยู่ วันนี้ผมรู้สึกทึ่งกับการจัดไฟ ก็มีไปถามช่างภาพอยู่สักครู่หนึ่งเลยด้วย ถ้ามีอุปกรณ์อะไรที่ออกมาใหม่ก็จะตั้งหน้าตั้งตาหามาดู แล้วก็ผมเป็นคนที่ชอบขยับตัวมากกว่าอยู่นิ่งๆ เพราะงั้นก็เลยเป็นคนที่สนุกกับการเล่นกีฬาครับ


    ชอบกีฬาแบบไหน ?

    แจมิน : ผมชอบกีฬาที่เล่นคนเดียวแบบสปีดสเก็ต สโนว์บอร์ด หรือว่ายน้ำ มากกว่ากีฬาที่เล่นกันเป็นทีมแบบฟุตบอลหรือบาสครับ


    ตั้งแต่สัมภาษณ์มาจนถึงตอนนี้ พอจะเดาได้นิดหน่อยแล้วว่าแจมินเป็นคนแบบไหน ส่วนตัวแจมินคิดว่าตัวเองเป็นยังไง ? คิดว่ารู้จักตัวเองแค่ไหน ?

    แจมิน : เฮ้อ อีกไกลครับ ตั้งแต่เด็ก ผมได้ยินคำว่าต้องค้นหาตัวตนของตัวเองมาเยอะมาก แต่มันเป็นอะไรที่ยากจริงๆ ครับ ถ้าอายุมากขึ้นจะสามารถหาเจอมั้ยนะ ? หรือต่อให้อายุมากขึ้นแล้ว การรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองจะไม่ยากใช่มั้ยนะ ?


    ถ้าสามารถรู้ได้ทุกอย่าง อยากจะรู้มั้ย ?

    แจมิน : ไม่ครับ จะพูดยังไงดี ผมจะใช้ชีวิตไปตามความเป็นเหตุเป็นผลของธรรมชาติครับ (ยิ้ม) ไม่ว่าจะเผชิญกับอะไรก็ต้องมีช่วงที่คิดว่า ‘อ่า ฉันไม่น่าจะใช่คนแบบนี้นะ’ แล้วถึงจะเติบโตขึ้นไม่ใช่เหรอครับ ต้องต้อนรับทุกอย่างแบบที่เราไม่รู้ ถ้ามันเป็นเรื่องที่ดีถึงจะดีใจได้มากขึ้น ถ้ามันเป็นเรื่องที่เศร้ามันก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่ราคาแพงมากขึ้น


    ตั้งแต่มินิอัลบั้ม < We Go UP > ก็ได้รับผิดชอบการแต่งท่อนแรปอยู่เสมอ ถ้ามาพิจารณาเนื้อเพลงจะมีคำว่า ‘พวกเรา’ ไม่ก็คำว่า ‘เธอ’ อยู่มากเลย ตอนนี้ถ้าเขียนเพลงโดยใช้คำว่า ‘ฉัน’ อยากจะเขียนเรื่องราวแบบไหน ? 

    แจมิน : ตอนที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘พวกเรา’ มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความหวังและความมั่นใจเยอะมากๆ ถ้ามาเขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวผมละก็น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกันเลย อาจจะเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ยังทำได้ไม่ดีไม่ก็สิ่งที่กังวล หรือไม่ก็เกี่ยวกับความคิดถึงอนาคตว่าจะไปต่อยังไงแบบไหนดี อาจจะเขียนประมาณนี้ครับ


    มีอะไรอยากลองทำ เหมือนที่ทำในวันนี้อีกมั้ย ?

    แจมิน : ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทำงานเป็นทีมมาตลอด ผมเลยไม่เคยคิดว่าจะทำอะไรคนเดียวดี แต่อยากลองทำอาชีพที่ได้ค้นหาภาพลักษณ์ของผมผ่านวิดีโอหรือภาพถ่ายเหมือนกับที่ได้ทำในวันนี้ไปเรื่อยๆ ครับ ข้อดีของการถ่ายแบบคือสามารถเฝ้าดูภาพลักษณ์ของผมที่เปลี่ยนไปทีละนิดตามพื้นหลังหรือไฟที่จัดได้ แถมยังสามารถบันทึกภาพพวกนั้นไว้ดูอีกครั้งได้ด้วย อยากลองทำอะไรอีกดีนะ ? ผมชอบเล่นกีฬาใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นผมอยากจะลองทำสิ่งพวกนั้นเป็นคอนเทนต์ดูครับ ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งผ่านปีใหม่มาไม่เท่าไหร่เองรึเปล่า 

    ตอนนี้เลยรู้สึกว่าไม่ว่าอะไรก็สามารถทำได้หมดเลย ผมต้องวางแผนดูก่อนครับ


    ถ้าจดจำแจมินในวันนี้ไว้ด้วยถ้อยคำอะไรสักอย่างก็คงดีเลย สรุปภาพลักษณ์ของตัวเองที่ค้นเจอในวันนี้หน่อย

    แจมิน : อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวนะครับ ผมชอบโทนของภาพที่ผมได้ถ่ายในวันนี้ เพราะงั้นผมเลยรู้สึกพอใจกับมันมากๆ สรุปคือ ‘แจมินหล่อ’ (ยิ้ม)


    เป็นการสรุปในสรุปอีกทีรึเปล่า ? (ยิ้ม)

    แจมิน : อาจจะใช่ครับ เป็นคำที่ผมพูดบ่อยอยู่แล้ว คนที่รู้จักผมอาจจะไม่รู้สึกตกใจก็ได้ครับ


    แปลโดย moonbackk

    ไม่อนุญาตให้นำไปรีอัปโหลดที่ไหนทั้งสิ้น







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in