เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
P A N D O R Arinchovy98
side story : wind #พาโบยองคยู #จูจู
  • side story : wind
    Lee Juyeon x Ju Haknyeon ft. The Boyz

    base on #พาโบยองคยู


    ------------------------------------



    หากเปรียบตัวเองเป็นอะไรสักอย่าง
    อีจูยอนคงเปรียบตัวเองเหมือนลม
    นอกจากจะคอยให้ความเย็นเพื่อคลายร้อน
    เขายังเป็นลม ที่คอยอยู่เคียงข้างใครบางคนตลอดเวลา

    อาจจะสัมผัสไม่ได้
    แต่ก็อยู่ตรงนั้นเสมอ




    **


    7 years later




    "อ้าวนี่มึงยังไม่รู้เรื่องเหรอ"

    จูยอนขมวดคิ้วก่อนส่ายหัวรัวๆเป็นคำตอบ ปรายตามองคนที่เป็นประเด็นของบทสนทนาที่นั่งอยู่ไม่ไกล 
    แล้วหันหน้ากลับไปหาเพื่อนสนิทที่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเป็นรอบที่สาม 

    วันนี้ชมรมวิ่งเพื่อแม่มีสังสรรค์ หลังจากต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานในแต่ละสายอาชีพที่เรียนมา และในโอกาสที่จูยอนผู้ดำรงตำแหน่งเป็นตากล้องประจำนิตยสารแฟชั่นชื่อดังที่ต้องออกกองไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้งมีเวลาว่างกลับมาเจอ พวกเขาถึงสามารถรวมตัวกันได้ครบทั้ง12คนในรอบ 3 ปี

    และในระยะเวลา 3 ปีนั้น ก็เป็นเวลาที่ทำให้จูยอนพลาดเรื่องอะไรไปหลายเรื่อง

    โดยเฉพาะกับเรื่องสำคัญอย่าง...

    "แล้วน้องมันเลิกกันตอนไหนวะ?"

    อย่างจูฮักนยอนที่เลิกกับคิมซอนอูนี่แหละ

    "ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีแม่งก็เลิกกันแล้ว"
    คิมยองฮุนพูดแบบขอไปทีพร้อมหันไปยิ้มให้คิวที่ทิ้งตัวลงนั่งด้านข้าง จนจูยอนอดแซวไม่ได้
    "แล้วเมื่อไหร่พวกมึงจะเลิกกัน"
    "ควาย"
    คิวหัวเราะชอบใจแล้วเป็นฝ่ายพูดบ้าง "คงไม่มีวันนั้นอ่ะพี่"
    "คุณแฟนน่ารัก"
    จูยอนกลอกตามองคู่รักที่เขาพร้อมใจมอบตำแหน่งน่าเหม็นที่สุดในโลกนี้ให้ด้วยความหมั่นไส้
    "ตามสบายพวกมึงเลย"

    ชายหนุ่มเลิกให้ความสนใจกับยองคยูแล้วหันไปสนใจฮักนยอนตามเดิม ใช่.. เขาให้ความสนใจฮักนยอนตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว พวกเขาพูดคุยกันตามปรกติ และเด็กคนนั้นก็ดูปรกติเหมือนเดิม
    ถึงอย่างนั้นจูยอนกลับสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่แปลกๆจากฮักนยอนอยู่ดี มันดู.. ไม่สนิทใจอย่างเคย แต่ตราบใดที่เจ้าเด็กอ้วนนั่นยังกินอย่างมีความสุข และหัวเราะกับมุขตลกของคนในชมรมได้ เท่านั้นเขาก็ไม่ได้คิดมากอะไรแล้ว

    เวลาล่วงเลยจนเข็มนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน มักเน่ไลน์อย่างเอริคกับซอนอูกลับไปแล้ว ตามด้วยคู่รักน่าเบื่ออย่างยองคยู ต่อด้วยแจฮวัล แน่นอนว่าไอ้เควิ่นก็หิ้วนิวกลับไปแล้วตั้งแต่สี่ทุ่ม 
    เมื่อเห็นคนอื่นกลับ เจคอปเลยขอตัวกลับบ้าง ตอนนี้เลยเหลือเพียงแค่ซังยอน รวมไปถึงจูยอนที่ยังไม่ขยับไปไหน

    ไม่สิ.. ก็ขยับแหละ 
    ขยับมานั่งข้างฮักนยอนที่กระดกแก้วเหล้าเข้าปากไม่หยุดจนเขาต้องเอื้อมมือไปดึงมาวางไว้อีกด้าน

    "พอได้แล้วมั้ง มึงจะอาบเหล้าแทนน้ำเหรอ"
    "ม่ายยุ่งได้ปะ"
    "มึงว่ากูเสือกเหรอไอ้อ้วน"
    "ยุ่ง! กูไม่อ้วนน!"
    "ไม่อ้วนห่าไร หัดดูตัวเองบ้างเห้อะ"
    "ยุ่งจังว้อยย"
    "พูดไม่เพราะกับกูไปอีก"
    "พี่มึงถอยเด้ะ จะไปห้องน้ำ!"

    ซังยอนหัวเราะ มองฮักนยอนที่ลุกเดินเซๆพร้อมปัดมือของจูยอนออกอย่างไม่ใยดี เมื่อคนอายุน้อยที่สุดไม่อยู่ ถึงได้โอกาสพูดออกมา 

    "พวกมึงนี่ตีกันเหมือนเดิม"

    จูยอนถอนหายใจแล้วหันไปหาคนแก่กว่า

    "ก็ไม่ได้อยากตีไหมพี่"
    "อะๆ กูเชื่อ"
    "แล้วนี่ไอ้ซอนอูแม่งก็รีบกลับ แทนที่จะพามันกลับด้วย"

    เขาพูดอย่างใจคิดเมื่ออยู่กับรุ่นพี่คนสนิท ก็รู้ว่าสองคนนี้เลิกกันแล้ว แม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไร แต่ในฐานะที่เป็นแฟนเก่า อย่างน้อยก็น่าจะดูแลฮักนยอนด้วยการพาไปส่งบ้านมากกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้แล้วหนีกลับแบบนี้

    "อย่าเลย ให้มันกลับไปแหละดีแล้ว"
    คนฟังเลิกคิ้ว "ทำไมวะพี่"
    "เดี๋ยวแฟนซอนอูมันจะเข้าใจผิดอีก"
    "ห๊ะ?"
    "ห๊ะอะไรของมึง ก็ถ้าซอนอูเอาไอ้จูเล็กไปด้วย มันก็ทะเลาะกับแฟนมันอีกพอดี"
    "..."
    "อ่อ.. กูลืมไปมึงไม่รู้เรื่อง มัวแต่ทำงานจนไม่ติดต่อเพื่อนฝูงนี่หว่า"
    "พี่มึงก็รู้ว่าผมงานเยอะ แล้วเรื่องมันยังไงวะ"
    ซังยอนหัวเราะ "อะ อยากใส่ใจ"
    "นิดนึง"

    คนอายุมากกว่ากระแอมไอ ยืดตัวนั่งหลังตรงก่อนเริ่มพูด

    "ไม่มีไรหรอก ก็มันสองคนเลิกกันมาได้สองปีแล้ว ซอนอูมันจะมีแฟนใหม่ก็ไม่แปลกปะวะ"
    "หะ ตั้งแต่สองปีที่แล้ว? ทำไมกูไม่รู้เรื่องวะพี่"
    "ขึ้นกูขนาดนี้ไม่ต้องเรียกกูพี่ก็ได้"
    "ได้เหร---"
    "ตีนไหม กูพูดเล่น"
    "น้องก็หยอกเล่นไง"
    "จะฟังต่อไหม"
    "ฟังๆ"
    ซังยอนส่ายหัว "มึงจะไปรู้เรื่องอะไร ทำแต่งาน ตามตัวยากชิบหายมึงน่ะ"
    "โหพี่ เห็นใจด้วย โทรศัพท์หายไงตอนนั้น"
    "เออ กูเข้าใจ แต่เรื่องซอนฮักก็มีแค่นี้แหละ"

    จูยอนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย คำถามมากมายเกิดขึ้นมาในหัว ครั้งล่าสุดที่เขายังติดต่อกับฮักนยอนบ่อยเหมือนเดิมคือช่วงก่อนที่เขาจะเข้าทำงานในนิตยสาร ช่วงเกือบสามปีที่แล้ว 
    ตอนนั้นก็ยังดูเหมือนว่าทั้งฮักนยอนและซอนอูก็รักกันปรกติดี ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกันเลยแม้แต่น้อย
    แล้วเขาก็ขาดการติดต่อกับทุกคนไปเพราะพลาดท่าทำโทรศัพท์หายตอนไปออกกองที่ลอนดอน และนั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของการตามข่าวสารอะไรไม่ทัน

    "แล้วมันก็น้อยใจมึงด้วยนะ กูจะบอก"

    เสียงของซังยอนเรียกให้คนที่เงียบไปนานหันมาสนใจ

    "อะไรนะพี่?"
    "มันเคยบอกกู ว่ามันน้อยใจมึง ที่จู่ๆมึงก็หายไป"
    "ไอ้จูเล็กน่ะนะ"
    "อืม"

    แปลก.. แทนที่จะรู้สึกไม่ดี แต่หัวใจของจูยอนกลับเต้นอย่างประหลาดเมื่อได้ยินประโยคนั้น
    อย่างน้อยเขาก็พอจะรู้แล้วว่าทำไมฮักนยอนถึงมีท่าทางไม่อยากคุยกับเขาเท่าไหร่

    "อ้าวเฮ้ย มันไหวไหมนั่น"

    จูยอนหันไปตามทิศทางที่รุ่นพี่หันไปมอง ร่างสมส่วนของฮักนยอนเดินเซจนแทบจะล้มหน้าทิ่มอยู่รอมร่อ ถ้าไม่ติดที่ว่าความไวของอดีตนักวิ่งอย่างจูยอนน่ะไวจนสามารถเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายได้ทันท่วงที
    อ้อมแขนของชายหนุ่มโอบรอบคนตัวเล็กกว่าเอาไว้

    ดูเหมือนว่าฮักนยอนจะโดนฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เล่นงานหนักแล้วสิเนี่ย

    "แล้วมันจะกลับยังไงวะเนี่ย"
    ซังยอนที่พุ่งตัวตามมาเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง และเหมือนคนเมาจะรู้ถึงได้พูดเสียงงึมงำตอบ
    "โพ้มมมกลับไหววนาา"

    "เดี๋ยวผมไปส่งมันเองพี่"
    "ม่ายย ไม่กลับกับพี่จูวววว"
    "อย่าดิ้นดิมึง"
    "ป่อยยเดดด้ ไม่อาววไม่ไปป"

    ถึงจะโวยวายออกมาแบบนั้นแต่จูฮักนยอนกลับโอบแขนรอบเอวจูยอนเอาไว้ไม่ปล่อย คนอายุมากกว่าที่ยังมีสติครบถ้วนดีทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนซังยอนจะเลือกตบบ่ากว้างปุๆ 

    "เอารถมาใช่ไหม"
    "ใช่พี่"
    "งั้นฝากมันด้วยนะมึง"



    *



    เหตุการณ์ตอนนี้มันเหมือนเหตุการณ์ของเมื่อหลายปีก่อนอยู่หน่อยๆ มันเป็นตอนที่ทุกคนพร้อมใจกันจัดงานบรรลุนิติภาวะให้แก่ฮักนยอน เจ้าของงานในตอนนั้นที่ไม่เคยแตะแอลกอฮอลร์เล่นจัดการโซจูคนเดียวไปเกือบสิบขวด

    แม้จะมีคนมากมายคอยห้ามปราม รวมไปถึงจูยอนด้วย สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถห้ามไอ้เด็กอ้วนนี่ไม่ให้เมาไม่ได้อยู่ดี

    และที่บอกว่ามันเดจาวู...
    คืออีจูยอนต้องมารับผิดชอบไปส่งมันกลับบ้านเหมือนวันนั้นน่ะสิ

    "เดินดีๆได้แน่นะมึงน่ะ"

    จูยอนลองหยังเชิงถามคนเมาที่ตอนนี้ผละออกจากอ้อมแขนของเขาไปเดินเซๆคนเดียวตามทางที่ทอดยาวไปยังลานจอดรถที่อยู่ไกลจากร้านเหล้าไปหนึ่งบล็อคถนน
    ฮักนยอนไม่ตอบ ทำเพียงแค่เดินไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร และจูยอนก็เลยเลือกไม่ถามต่อ ทำเพียงเดินตามเจ้าของร่างสมส่วนนั้นไปเรื่อยๆ มีบ้างที่ต้องรีบปราดเข้าไปฉุดแขนเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายมีทีท่าว่าจะล้มลงไปนอนบนฟุตบาท แน่นอนว่าก็โดนสะบัดแขนออกตามระเบียบ

    ดวงตาคมทอดมองแผ่นหลังเล็กนั้นจากทางด้านหลัง จริงอยู่... เขาไม่ได้เจอฮักนยอนมานานร่วมสองปี แต่เด็กคนนี้ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ใบหน้ากลมยังคงเหมือนเดิม แม้จะมีเค้าคมมากขึ้นเนื่องจากอายุที่มากขึ้น แต่ความน่ารักพร้อมรอยยิ้มสดใสไม่เคยหายไป
    ไหนจะขนาดตัวที่เล็กกว่าเขา ไม่สูงขึ้นเลยนี่อีก...
    จูฮักนยอนในความทรงจำของอีจูยอนเป็นแบบไหน ตอนนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น

    "เฮ้ยๆ"

    เขาพุ่งตัวเข้าไปอีกรอบทันทีตอนเห็นฮักนยอนกำลังจะเดินลงถนนที่ไร้รถรา แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจของชายหนุ่มกลับกระตุกวูบ
    มือหนาคว้าแขนแล้วรั้งกายเล็กให้เข้าหา

    "ปล่อย"

    เสียงนั้นห้วนและดูไม่เหมือนคนเมาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่คราวนี้จูยอนเองก็ไม่ยอมแล้วเหมือนกัน

    "ปล่อยห่าไร เดินเองยังไม่ได้ มาให้กูช่วยพยุงเลย วันนี้จะถึงรถไหมเนี่ย"
    "เดินได้โว้ยย ไม่ต้องยุ่ง"
    "เดินได้ก็แย่ละ เมื่อกี๊มึงจะเดินลงถนนรู้ตัวปะเนี่ย"
    "ถนนไร ไม่ใช่ถนน! นั่นสนามหญ้า.."
    "หญ้าพ่อง..."

    ฮักนยอนจิปากอย่างขัดใจ พยายามดึงตัวเองออกจากการกอบกุมของคนพี่ แม้จะมีสติไม่มากเท่าไรแต่ก็ยังพอจะพูดรู้เรื่องอยู่บ้าง

    "มายุ่งไรด้วยวะ"
    "พูดไม่เพราะเลยมึงหนิ"
    "พี่มึงยังพูดไม่เพราะเลย แล้วทำไมกูต้องพูดเพราะอ่ะ"
    "เมาแล้วโวยวายไปอีก"
    "เอออออออออ เลิกยุ่งกับกูไปเลยดิ"

    จูยอนแทบหลุดขำ...
    ความจริงจะบอกว่าหงุดหงิดนิดหน่อยก็ได้ แต่ขำมากกว่า ไอ้อาการท่าทางของคนเมาที่พยายามยื้อตัวไม่ให้เขาลากให้เดินไปด้านหน้า ใบหน้าแดงก่ำนั้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสม ดวงตาฉ่ำเยิ้มมองเขาอย่างเอาเรื่อง

    "เลิกยุ่งเหมือนที่พี่มึงแม่งไม่คุยกับกูเหมือนตอนนั้นไปเลยยยย"

    แล้วฮักนยอนก็ทำสำเร็จเมื่อจูยอนยอมปล่อยมือออก ร่างเล็กทรุดลงไปนั่งบนพื้นฟุตบาทไร้ผู้คนพร้อมกับพูดออกมาไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้คนพี่ได้เอ่ยตอบอะไร

    "จู่ๆแม่งก็หายหัวไปเลย.. กููทักไปก็ไม่ตอบ กูมีเรื่องไม่สบายใจก็ไม่อยู่กับกู ที่เคยบอกว่าจะอยู่ข้างๆอ่ะ ลืมไปแล้วใช่ไหม แม่งเอ๊ยย กูน้อยใจนะเนี่ย กูน้อยใจ!"
    "ฮักนยอน.."
    "เงียบ! ไม่ต้องพูด ให้กูพูดก่อน"

    จูยอนหลุดขำออกมาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเออออ ยอมหุบปากแล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆคนเมาที่เบะปากคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
    ดีที่อย่างน้อยทั้งอาทิตย์นี้เขาไม่มีตารางงานออกกองไปไหน เลยสามารถมานั่งทำอะไรแบบนี้ได้ในเวลาดึกสงัดขนาดนี้ได้

    "กูน้อยใจอ่ะ แล้วก็ไม่เคยง้อปะ.. พอตอนกูเสียใจก็หาย หายหายหาย ชอบหายไปตลอด งานมันยุ่งจนลืมน้องไปแล้วรึไงวะ ใช่ซิ กูมันไม่สำคัญหนิ"
    "มึงสำคัญเสมอ"
    "ไม่จริง! โกหก.."
    "กูจะเอาอะไรไปโกหกมึง"
    "ตอนกูไม่มีใคร พี่มึงก็หาย..."

    ฮักนยอนเงยหน้า สบตากับคนเป็นพี่ ทันทีที่จูยอนได้มองเข้าไปในดวงตากลมโตนั้น เขาเหมือนถูกดึงดูดอีกครั้ง ความตัดพ้อถูกส่งมาในแววตาจนรู้สึกจุกไปเล็กน้อย
    ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก

    "กูโทรศัพท์หาย ติดต่อใครไม่ได้เลย"
    "แต่พอซื้อใหม่ก็ไม่ติดต่อกูปะ"
    "กูงานยุ่ง"
    "ข้ออ้าง.. มึงรำคาญกูละใช่ไหม มีคนก่อกวนทุกวันอ่ะ"

    จูยอนชักจะคิดแล้วล่ะว่าฮักนยอนไม่ได้เมาจริงๆ
    ให้พูดตามตรงแล้วล่ะก็ มันมีส่วนอยู่หน่อยแหละที่เขาเลือกไม่ติดต่ออีกฝ่ายไปทันทีที่ได้โทรศัพท์เครื่องใหม่ ไม่ใช่เพราะรำคาญอย่างที่เด็กนี่เข้าใจหรอก

    แต่เพราะจูยอนอยากตัดใจต่างหาก...

    เขารู้ดีว่าการที่ยังคุยและปล่อยให้ฮักนยอนคุยกับเขาทุกวันมันไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ฮักนยอนเองจะไม่ได้คิดอะไร แม้จะห่างกันตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลาย ความรู้สึกของเขาเองกลับไม่ลดลงเลยสักนิด และการที่ทำใจได้มานาน ก็ไม่ได้หมายถึงเขาจะชินชาขนาดนั้น
    รวมถึงงานที่จู่ๆก็ถาโถมเข้ามา รวมตัวกันยุ่งชนิดที่ไม่ให้ได้คิดเรื่องอื่นเลยนั่นแหละ 
    แม้แต่บ้าน ในหนึ่งปี จูยอนเองก็กลับแทบจะนับครั้งได้ นับประสาอะไรกับเพื่อน 

    หรือแม้แต่คนที่ตัวเองชอบ

    "กูไม่ได้รำคาญมึง"
    "ไม่จริง.."
    "จริง..."
    "ไม่เชื่อ"
    "ให้กูพิสูจน์ยังไง"
    "ไม่ต้องทำไรทั้งนั้นอ่ะ วันนี้อุตส่าห์ได้เจอกัน ก็ไม่คุยกับกูเหมือนคนอื่น ไหนจะแกล้งกูอีก ชอบแกล้งกูนัก แกล้งตั้งแต่เข้าชมรมยันตอนนี้ทำงานแล้วก็ยังแกล้ง แย่! พี่มึงอ่ะแย่!"

    จูยอนยิ้ม...

    "มึงไม่ชอบให้กูแกล้งเหรอ"
    "เออ!"
    "งั้นมึงก็คงไม่รู้จริงๆ"

    ประโยคนั้นทำให้คนเมาขมวดคิ้ว หน้าตาน่าเอ็นดูจนจูยอนอดไม่ได้ต้องขยับกายเข้าไปใกล้มากขึ้น

    ในเมื่อตัดใจไม่ได้
    ก็เสี่ยงพูดอะไรหน่อยแล้วกัน

    "โง่"
    "ด่ากูทำไม!"
    "มึงอ่ะมันโง่"
    "อิพี่จู..."

    มือเล็กพยายามจะเงื้อขึ้นมา หมายจะฟาดลงบนไหล่กว้าง แต่ติดที่ว่ามือหนาจับเอาไว้เสียก่อน
    จูยอนรั้งอีกคนเข้ามาใกล้
    ใกล้จนใบหน้าของพวกเขาแทบจะชนกัน

    "ที่กูแกล้งมึงบ่อยๆ ก็เพราะว่ากูชอบมึงไง"

    เงียบ...
    ตอนนี้รอบข้างของพวกเขาทั้งสองคนมีแต่ความเงียบเท่านั้น 

    "แกล้งผมอีกละ"

    คราวนี้เป็นฮักนยอนที่หาเสียงของตัวเองเจอก่อน คนเมาออกแรงผลักให้จูยอนถอยหลังไป และแน่นอนว่าคนโตกว่าก็ยอมถอยออก จูยอนยิ้ม ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเชื่อเสียหน่อยว่าสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่เป็นความจริง

    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับยื่นมือออกไปหาคนที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น

    "จะคิดแบบนั้นก็ตามใจ ลุกขึ้นเร็ว กูจะไปส่งบ้าน"

    ชายหนุ่มเชื่อแล้วว่าคนเมามีหลากอารมณ์ เพราะจู่ๆก็ว่าง่ายขึ้นมาทันที ฮักนยอนยอมวางมือลงบนมือหนาให้จูยอนออกแรงรั้งจนลุกขึ้นยืน แม้จะยังเซๆอยู่บ้าง แต่คนตัวเล็กกว่ายอมออกแรงเดินไปข้างๆโดยมีอีกคนคอยจับไว้ไม่ให้ล้ม

    พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันอีก เสียงที่เป็นเหมือนบทสนทนาคือเสียงรองเท้าที่ดังสลับกันไปเท่านั้น 
    ใช้เวลาไม่นานก็ถึงรถเก๋งคันเล็กเมื่อคนเมายอมให้ความร่วมมือในการเดินทางเป็นอย่างดี ฮักนยอนแทรกตัวเข้าไปนั่งยังเบาะข้างคนขับ ไม่ขัดขืนสักนิดตอนจูยอนรัดเข็มขัดนิรภัยให้

    ทันทีที่ยานพาหนะเคลื่อนตัวออกสู่ถนน
    ความเงียบที่เกิดขึ้นมาตลอดทางก็ถูกทำลายลง

    "พี่มึง.."
    "หือ"
    "ชอบผมจริงๆเหรอ"

    จูยอนหันมองอีกฝ่ายเล็กน้อยและพบว่าฮักนยอนไม่ได้หันมองเขา เด็กนั่นมองเหม่อออกไปนอกรถ
    คนรับหน้าที่สารถียกยิ้มบางๆ

    "มึงคิดว่าไงล่ะ"
    "ตอบดิ ไม่ได้ให้ถามต่อปะวะ"
    "ตอบแล้วไง"
    "ตอบว่าไร"
    "มึงคิดว่าไงล่ะ"
    "แกล้งผมอีกละ"
    "ไม่เคยได้ยินเหรอ ผู้ชายยิ่งชอบ ยิ่งแกล้ง"
    "หึ.."

    คนฟังหัวเราะออกมาเล็กน้อย
    นิ้วเรียวเคาะกับพวงมาลัยเป็นจังหวะขณะเท้าออกแรงเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนที่เร็วขึ้น
    ฮักนยอนเงียบไปดื้อๆ จบบทสนทนาทั้งหมดด้วยการหันด้านข้างให้แก่คนขับรถ ซึ่งแน่นอนว่าจูยอนไม่เอ่ยว่าอะไรอยู่แล้ว

    รถคันเก่งวิ่งตามเส้นทางที่คุ้นเคยไปเรื่อยๆจนโดยที่บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยเสียงเพลงเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป

    "กูถามอย่างดิ"

    แต่เพราะมีข้อสงสัยในใจ จูยอนเลยเลือกถามออกไปบ้าง

    "อือ"
    "ทำไมมึงเลิกกับซอนอู"
    "..."

    คนเมาถอนหายใจออกมายาวๆ

    "... ไม่อยากตอบไม่เป็นไร กูขอโทษนะที่ถาม"
    "ไปกันไม่ได้.."
    "หือ"
    "ก็แค่ไปกันไม่ได้เฉยๆ พอโตขึ้นอะไรๆก็เปลี่ยนปะวะ"
    "มึงไม่เสียใจเหรอ"
    คนถูกถามส่ายหัว "ไม่ได้จบไม่สวย เลยไม่ได้เสียใจอะไรมาก"
    "อืม ดีแล้ว"
    "อือ"

    จูยอนสูดลมหายใจเข้าลึก ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาจะพูดออกไปอีกนั้นจะทำให้คนเมาคิดได้หรือเปล่า 
    และไม่ว่าฮักนยอนจะจำได้หรือไม่ได้ 
    เพราะไม่อยากต้องเสียไปอีก
    เพราะไม่อยากต้องคอยมาตัดใจอีก
    เพราะไม่อยากให้ดอกทานตะวันของเขาต้องอับเฉา

    ถึงจูยอนจะเป็นพระอาทิตย์ให้แก่อีกคนไม่ได้

    "ฮักนยอน"
    "หือ"
    "ต่อให้อะไรๆเปลี่ยนไป แต่กูยังเหมือนเดิมนะ"
    "..."
    "กูยังอยู่กับมึงตรงนี้เหมือนเดิม"

    ต่อให้ฮักนยอนจะไม่รับรูู้

    "พี่มึงก็อย่าหายไปอีกล่ะ..."

    หรืออาจจะยอมเปิดใจรับรู้แล้วบ้าง

    ต่อให้ทำได้แค่นี้
    เขาก็จะเป็นลมที่อยู่ข้างๆเหมือนเดิมนั่นแหละ



    *


    3 months later



    แสงแดดที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาเป็นแถบเล็กๆนั้นปลุกให้จูยอนตื่นขึ้น ถึงแม้ว่าจะพยายามพลิกตัวหลบอย่างไรก็เป็นต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียงนุ่มพร้อมกับอ้าปากหาว บิดขี้เกียจเล็กน้อยในขณะพยายามดึงสติตัวเองให้กลับมา

    หลังจากใช้เวลาทำใจอยู่สักพัก จูยอนถึงได้โอกาสก้าวเท้าลงจากเตียง ตรงดิ่งเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล ก่อนลากเท้าเอื่อยๆออกมาจากส่วนที่เป็นห้องนอน ทันทีที่เปิดประตูห้องออก กลิ่นอาหารก็ลอยมาแตะจมูกให้ต้องเดินตามกลิ่นนั้นไปจนกระทั่งถึงโซนห้องครัว 

    แผ่นหลังคุ้นตายืนอยู่หน้าเตาไฟฟ้า การขยับกายของอีกฝ่ายดูน่ามองไปเสียหมดจนจูยอนต้องหยุดยืนมองทั้งรอยยิ้ม แม้จะเป็นเพียงแค่ด้านหลัง เขาก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าของร่างกายสมส่วนนี้จะต้องทำหน้ามุ่งมั่นอยู่กับการผัดอาหารในกระทะนั่นอยู่เป็นแน่

    จูยอนยืนมองอยู่เงียบๆ จนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสรรพตามวิธีทำที่เขาสอน

    "เชี่ยพี่จู!"

    เสียงทักดังขึ้นอย่างตกใจเรียกเสียงหัวเราะของคนโตกว่าได้เป็นอย่างดี

    "ขนาดนี้แล้วหยาบกับพี่เลยก็ได้มั้ง"
    คนโดนแซ็วย่นจมูก "ไหนบอกจะไม่หยาบคายกันไง"
    "ก็เปิดมาซะขนาดนี้"

    จูฮักนยอนกลอกตาก่อนจะหันไปหยิบถ้วยในตู้อย่างชำนาญและตักไวท์ต็อกโบกิที่พึ่งผัดเสร็จใส่ลงไป หลังจากโรยชีสจนเรียบร้อย เจ้าของร่างสมส่วนก็ยกมันเดินผ่านจูยอนไปที่โต๊ะกินข้าว แน่นอนว่าคนพี่ก็เดินตามไปไม่ห่าง

    "วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ"

    คนโตกว่าเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะอาหารนอกจากจะมีไวท์ต็อกแล้วยังมีอาหารอีกมากมาย รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายน่าจะตื่นมาทำตั้งแต่เช้าแล้ว อดถามไม่ได้เพราะวันนี้ก็เป็นวันธรรมดาที่ฮักนยอนจำเป็นจะต้องไปทำงาน

    ไม่เหมือนเขาที่พอปิดเล่มแล้วจะได้หยุดพักถึงหนึ่งอาทิตย์ก่อนเริ่มถ่ายคอลเลคชั่นใหม่

    "เห็นว่าหยุด ก็เลยหยุดด้วย"

    ฮักนยอนตอบอย่างไม่ยีระแล้วลงมือกินอาหารโดยไม่รอ ทิ้งให้จูยอนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความหมายแฝงในประโยคนั้น

    "อยากอยู่กับพี่ล่ะสิ"
    "อืม"

    เพียงแค่คำตอบรับสั้นๆก็เรียกให้หัวใจของจูยอนพองโตขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาอมยิ้ม ยอมก้มหน้าก้มตากินอาหารฝีมือฮักนยอนที่นานทีจะได้ลิ้มลองด้วยความสุข

    หลังจากวันนั้น วันที่เขาเองลองพูดสิ่งที่คิด ไม่น่าเชื่อว่าคนเมาอย่างฮักนยอนจะจำอะไรได้มากกว่าที่คาดเอาไว้ เพราะเช้าวันต่อมาหลังจากไปส่งอีกฝ่ายที่บ้าน ห้องแชทของฮักนยอนที่จูยอนเคยทำให้มันว่างเปล่าก็กลับมายาวเหยียดไปด้วยข้อความตอบโต้กัน

    ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาขึ้น ไม่สิ.. จริงๆก็เรียกว่าพัฒนาจนกลับมาเป็นเหมือนตอนเรียนมัธยม ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น คุยกันมากขึ้น มากหน่อยก็มีบ้างที่ฮักนยอนจะแวะมานอนที่คอนโดของเขาเหมือนอย่างวันนี้

    จูยอนไม่ได้นิยามความสัมพันธ์นี้ว่าคืออะไร
    อาจจะเป็นพี่น้องที่สนิทกันเหมือนเดิม หรือมากกว่านั้นเขาเองก็ไม่กล้าคิด คงเพราะว่าเคยแต่อยู่ข้างๆและเป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายมาโดยตลอด การไปขีดเส้นตอนนี้ หากแลกกับความสุขแล้วล่ะก็ เขาเองก็ไม่อยากให้มันหายไปอีก

    จูยอนไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่า...

    "ฮักนยอน"

    คนที่กำลังเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยเงยหน้ามาสบตา กริยาที่จูยอนขอลงความเห็นว่าแม่ง.. โคตรน่ารัก 

    "กินข้าวเสร็จแล้วไปเที่ยวกัน"

    คนฟังทำตาโตก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
    ใบหน้าน่ารักพยักรัวๆด้วยความตื่นเต้น เรียกเสียงหัวเราะของจูยอนได้เป็นอย่างดี

    ใช่...
    จูยอนไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่ารอยยิ้มสดใสของฮักนยอน
    จูยอนไม่เคยหวังอะไรมากไปกว่าการได้อยู่เคียงข้างฮักนยอน

    บอกแล้วไง เขาน่ะ ต่อให้เป็นพระอาทิตย์ไม่ได้ 
    แต่เขาเป็นลมที่คอยอยู่เคียงข้างได้เสมอ



    *



    "พี่จูๆ"
    "อะไรอ้วน"
    "ตบปากเลย"
    "ก้าวร้าวอีกละ"
    "อย่ากวนตีนดิ"
    "อะ มีไรว่ามา"
    "ตกลงพี่ชอบผมจริงๆปะ"
    "แล้วคิดว่าไง"
    "ตอบ ไม่ได้ให้ถามกลับ"
    "ตอบแล้วนี่ไง"
    "ตอบว่า?"
    "แล้วคิดว่าไง"
    "... ชอบ"
    "อืม.. ก็ตามนั้นแหละ"
    "..."
    "อ้าวเงียบ.. เขินเหรอ"
    "แล้วพูดจริงปะ"
    "จริง"
    "เออ.. งั้นเขิน"
    "น่ารักเกินไปละมึงอ่ะ"
    "รักเลยดิ.."
    "..."





    "พี่จูๆ"
    "อะไรอ้วน"
    "ตบปาก"
    "โหดจริงครับ"
    "กวนตีน"
    "อะ ไม่กวนละ มีอะไร?"
    "เปล่า.. แค่อยากขอบคุณ"
    "เนื่องในโอกาส?"
    "ที่อยู่ด้วยกันจนถึงตอนนี้ ขอบคุณนะพี่"
    "..."
    "อ้าวทำไมเงียบ"
    "กูซึ้งอยู่...โห... นี่มึงพูดซึ้งๆกับกูอยู่อ่ะ ดีใจน้ำตาไหลเลยเนี่ย"
    "ผมจะไม่ซึ้งเพราะพี่มึงเป็นแบบนี้เนี่ย!"
    "ฮะๆ"
    "แม่งขี้แกล้ง"
    "ถ้ากูไม่ชอบกูก็ไม่แกล้งไหม"
    "..."
    "อะเขินอ่ะดิ"
    "ขับรถไปเลยไป!"



    *



    "พี่จูๆ"
    "ครับ"
    "รักนะ"
    "ครับ รักเหมือนกัน"



    *



    หากเปรียบตัวเองเป็นอะไรสักอย่าง
    อีจูยอนคงเปรียบตัวเองเหมือนลม
    นอกจากจะคอยให้ความเย็นเพื่อคลายร้อน
    เขายังเป็นลม ที่คอยอยู่เคียงข้างใครบางคนตลอดเวลา

    อาจจะสัมผัสไม่ได้
    แต่ก็อยู่ตรงนั้นเสมอ

    และเมื่อสัมผัสได้แล้ว..
    เขาจะคอยโอบกอดเอาไว้ ไม่จากไปไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม...






    FIN.


    -----------------------------------------



    มันมาอีกแล้ว...
    ; v ;ออกนอกลู่นอกทางจากฟิคหลักไปเยอะเลยค่ะ แงงงงง
    อันนี้เป็นตอนจบจาก Sunflower ในแบบที่เราคิดไว้จริงๆ
    เราแค่อยากให้พี่จูสมหวัง แงงงง 555555555555555
    มันอาจจะดูเด๋อๆ ขาดๆ เกินๆไปบ้างแต่ก็ตามนั้นเลยค่ะ
    ไทม์ไลน์คือหลังจากที่ทุกคนเรียนจบทำงานแล้วและติดต่อกันน้อยลง
    ต่างคนต่างโตขึ้นค่ะ

    สำหรับซอนฮัก ฮืออ เราไม่ได้อยากจะแยกนะ แต่เราก็ทำไปแล้วแง
    เพราะถ้าไม่ทำพี่จูก็จะไม่สมหวัง กร๊าก 55555555555555555555 ขอโทษนะซอนู
    แต่ตอนนี้ขอยกให้พี่เขาก่อนจริงๆ
    พี่จูยังเป็นคนดีคนเดิมค่ะ
    และการเป็นคนดีคนเดิมก็ช่วยทำให้น้องรู้สักทีว่าเขาชอบอยู่นะ
    อรุ้มมมมมม
    ความสัมพันธ์ในตอนท้ายเหมือนกับ "ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน" ค่ะ
    แต่แบบไหนไม่รู้มานอนบ้านกันเนี่ย อืมม.. 

    ขอบคุณไรท์เตอร์ของ #พาโบยองคยู มากกกกๆๆๆเลยนะคะที่อนุญาตให้เราเขียนคู่นี้
    เหมือนเอาฟิคมายำซะตามใจเลย
    ขอบคุณมากจริงๆค่ะ T v T ขอจุ๊บทีนึงนะคะ 
    ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่าน

    รัก
    รชว.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in