ถ้าเธอกำลังอ่านอยู่ ใช่! เราไม่รู้จักกัน แต่ก็นั่นแหละเป็นสิ่งที่เราต้องการ ถ้าอยากเขียนให้เพื่อนหรือคนที่รู้จักกันอ่านก็คงเขียนสิ่งเหล่านี้ลงในเฟซบุ๊กแล้วเฝ้ารอใครสักคนมากดไลค์หรือแสดงอารมณ์ให้รู้ว่าเข้ามาอ่านแล้วและอาจจะมีข้อความในช่องความเห็นบ้างก็ได้ เราอยากจะบรรยายความรู้สึกและความคิดต่อใครสักคนที่ไม่ต้องรู้จักเราก็ได้แต่รับฟังอย่างตั้งใจ ฉะนั้นเรารู้จักกันหรือไม่ก็ไม่สำคัญ
เรามีหลายๆเรื่องหลายๆความรู้สึกปนเปกันอยู่ในความคิด สิ่งที่เราพยายามทำตอนนี้ก็คือ ค่อยๆเรียบเรียงมันออกมา อย่างน้อยก็ให้เธออ่านแล้วเข้าใจ พยายามรวบรวมความคิดที่เกี่ยวข้องกันแต่กระจัดกระจายอยู่ให้มันมาร้อยเรียงกัน
ที่จริงเราตัดขาดจากการเขียนมาพักใหญ่ ทั้งที่ชีวิตที่ผ่านมาเราหากินกับการเขียนเป็นงานประจำ จนกลายเป็นฟรีแลนซ์ก็ยังใช้มันหากินอยู่ แต่การเขียนในการทำงานมันแตกต่างจากการเขียนแบบที่เรากำลังเขียนอยู่นี้
และที่เราตัดขาดมานานกว่าการเขียน คือการอ่าน ถึงเรายังคงอ่านข่าว บทความหรือบทสัมภาษณ์ตามเว็บไซต์ที่เราสนใจอยู่เป็นปกติ แต่ที่ตัดขาดเลยก็คือเรื่องสั้นและนิยายที่เราหาซื้อมาตอนที่เรายังไม่ตัดขาดจากมันอยู่หลายเล่ม และก็มีมากที่ยังไม่ได้อ่านเลยสักหน้า ทั้งที่แต่ก่อนมันคือสิ่งที่เราชอบมาก แม้ว่าจะชอบรองจากหนังแต่มันก็ยังอยู่ในขั้นของสิ่งบันเทิงในชีวิตที่เราชอบมากอยู่ดี
ตอนนั้นเราอ่านมากๆจนอยากเขียนเรื่องสั้น พอเขียนมากๆก็อยากรวมเล่มเป็นของตัวเองสักเล่ม มีเรื่องที่ได้รางวัลอยู่บ้างก็ลองเอาไปเสนอสำนักพิมพ์ที่น่าจะเข้ากับงานเขียนเราแต่ก็ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่เขาจะตีพิมพ์งานของเรา เราก็เลยตัดสินใจพิมพ์เอง ส่งสายส่งหนังสือให้ขายทั่วประเทศ เดินแบกหนังสือร้อยสองร้อยเล่มไปฝากขายตามบูธในงานสัปดาห์หนังสือ แต่วันสุดท้ายก็ต้องกลับไปเก็บหนังสือกลับในปริมาณพอๆกับที่เอามาวันแรกนั่นแหละ เรื่องสั้นมันขายยาก หรือไม่ก็เรื่องสั้นของเรามันขายยากเอง
เราเคยเชื่อว่าหนังสือมันคือสื่อที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดของคนรับสารได้มากที่สุด และเชื่อว่าเรื่องสั้นจะทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกร่วมและประกายความคิดได้อย่างมาก มันอาจจะยังเป็นแบบนั้นอยู่ก็ได้ ถ้าคนรับสารได้อ่านมันจริงๆ แต่ในกรณีของหนังสือของเรา ภาษาของเราและแนวเขียนของเราในหนังสือเล่มนั้น มันไปไม่ถึงผู้อ่านด้วยซ้ำ ถึงตอนนี้หนังสือก็ยังเหลือเป็นกอง
ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านของสื่อจากตัวหนังสือเป็นภาพและเสียงในมือถือ ความแรงของอินเตอร์เน็ตทำให้เราดูคลิปยาวๆที่ไหนก็ได้ ในช่วงแรกๆอาจจะมีสะดุดบ้าง เป็นช่วงที่หลายคนเริ่มมีช่องยูทูปเป็นของตัวเอง จากตัวหนังสือใน Blog-บล็อก เป็นภาพและเสียงใน Vlog-ฝล็อก แทน
ตอนนั้นเราเองยังไม่เห็นความสำคัญของภาพและเสียงขนาดนั้น ยังคงตั้งมั่นในการสื่อสารด้วยตัวหนังสือต่อไป พยายามเขียนงานอื่นๆนอกจากเรื่องสั้น พยายามวางแผนเขียนบันทึกการเดินทางโดยที่ตัวเองแทบจะไม่อ่านงานบันทึกท่องเที่ยวด้วยซ้ำ แต่ก็ฝืนเขียนไปทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้สึกว่ามันสนุก เราพยายามอยู่หลายครั้งจนต้องยอมรับว่า มันอาจจะไม่ใช่ทางของเราก็ได้ เพราะตอนที่เราเขียนเรื่องสั้นมันเขียนจากสิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน เราสนุกกับการเขียนมากในตอนนั้น
กว่าเราจะเห็นอนาคตและความสำคัญของการสื่อสารด้วยภาพและเสียง มันก็เป็นตอนที่อินเตอร์เน็ตแรงพอที่จะดูการถ่ายทอดสด ไลฟ์สตรีม (livestream) ได้อย่างคมชัดโดยไม่มีสะดุดแล้วนั่นแหละ และเริ่มลงมือทำช่องของตัวเองเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง
ที่จริงก่อนเราตัดสินใจจะเขียนถึงเธอ เราคิดว่าบางทีน่าจะลองพูดกับเธอผ่านทางภาพและเสียงดีไหม เพราะเธอคงจะเห็นแววตาและได้ยินน้ำเสียงของเราชัดเจนและคงเข้าใจความรู้สึกของเราได้ดีกว่า เราก็ลองไปคุยกับเธอในแอปคุยสดหลายๆค่าย แต่มันกลับไม่ทำให้เรารู้สึกว่ามีใครรับฟังหรือเข้าใจสิ่งที่เราพูด จำนวนผู้เข้าชมที่แอปนั้นแสดงให้เห็นเป็นหลักสิบแต่เหมือนทุกคนไม่มีชีวิต ไม่มีการตอบสนองอย่างที่การคุยสดควรจะเป็น นานๆครั้งจะมีข้อความทักทายจากเธอและนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้แล้วก็หายไป บางทีเธอก็ไม่ทักทายแต่อยากให้เราเปิดเผยอวัยวะส่วนที่เธออยากดู เธอบอกอยากเห็นหัวแม่เท้าของเรา นั่นทำให้เราคิดถึงการเขียนอีกครั้ง
การกลับมาหาการเขียนครั้งนี้มันไม่เหมือนความรู้สึกที่เราเคยมีต่อการเขียนเรื่องสั้น มันไม่ได้มีความทะเยอทะยานอย่างนั้น มันเป็นการเขียนเพื่อปลดปล่อยบางอย่างภายในใจ เหมือนการเขียนจดหมายแล้วจ่าหน้าซองถึงคนที่ไม่รู้จัก เราไม่รู้ว่าจดหมายจะตกหล่นระหว่างทางหรือไม่ ปลายทางผู้รับจะเป็นใคร จะเปิดจดหมายของเราอ่านไหม อ่านแล้วจะตอบกลับมาหรือเปล่า
และถึงแม้ว่าจะไม่มีจดหมายตอบกลับมาสักฉบับ แต่สำหรับเราในฐานะคนเขียน ก็รู้สึกว่าได้เขียนถึงใครสักคนแล้ว
เราเขียนถึงเธอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in