เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วัฒนธรรมเกาหลีที่คนเกาหลีเล่าให้baechangshi
ไทยเป็น "ดินแดนแห่งรอยยิ้ม" เกาหลีเป็น "*********"?!
  • ประเทศไทยถูกเรียกว่าดินแดนแห่งรอยยิ้ม ไม่ว่าความหมายของชื่อนี้จะเป็นอย่างไรประเทศไทยก็ใช้ฉายานี้มาให้เป็นประโยชน์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของเอเชียเป็นเพราะวัฒนธรรมเปิดกว้างและต้อนรับที่พรรณนาได้ด้วยคำว่า 'ดินแดนแห่งรอยยิ้ม' ก็ว่าได้

    ถ้าอย่างนั้นเกาหลีมีฉายาแบบไหนและฉายาเหล่านี้มีที่มาอย่างไร? ในโพสท์นี้ผมจะแนะนำฉายาของเกาหลีและอธิบายต้นกำเนิดและความหมายของมัน



    เมืองแห่งผู้ถือสันโดษ

    ต่างจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนทางทะเลกับประเทศตะวันตกมาตั้งแต่อดีตประเทศในเอเชียตะวันออกไกลเริ่มแลกเปลี่ยนกับตะวันตกในช่วงเวลาที่ค่อนข้างช้า แน่นอนว่ามีการแลกเปลี่ยนอย่างแข็งขันกับพ่อค้าชาวอาหรับตั้งแต่สมัยชิลลา แต่การแลกเปลี่ยนทางการเมืองกับยุโรปเริ่มขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์โชซอน ดังนั้นในตอนนั้นชาวตะวันตกจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจินตนาการถึง 'ประเทศตะวันออกที่ลึกลับ' โดยอ้างบันทึกเก่าของ Hendrik Hamel และ Martino Martini เพื่อเข้าใจว่าเกาหลีเป็นประเทศแบบไหนและชาวเกาหลีมีประเพณีแบบไหน


    จากนั้นในปี 2425 William Elliot Griffis ชาวอเมริกันได้ตีพิมพ์ หนังสือเล่มนี้มีค่าตรงที่มันแสดงให้เห็นถึงอาณาจักรโชซอนตามความเป็นจริงมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม William Elliot Griffis เองก็ไม่เคยไปเยี่ยมโชซอนและหนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นที่ญี่ปุ่นโดยได้รับความช่วยเหลือจากชาวญี่ปุ่นเท่านั้น เนื้อหาในหนังสือบางจุดจึงมีการบิดเบือนหรือการดูหมิ่นโชซอนเทียบกับญี่ปุ่นซึ่งมีการแลกเปลี่ยนกับสหรัฐอเมริกา

    ถ้าอย่างนั้นเหตุใด William Elliot Griffis จึงเรียกโชซอนว่า 'เมืองแห่งผู้ถือสันโดษ'? เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองในเอเชียตะวันออกในสมัยนั้น สมัยนั้นการยั่วยุทางทหารกำลังถูกใช้เพื่อเพิ่มอิทธิพลในเอเชียตะวันออกโดยประเทศจักรวรรดินิยมอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ เหตุการณ์เรือเจเนอรัล เชอร์แมน ในปี 2409 และเหตุการณ์ชินมียังโย(แปลว่าการรุกรานของชาวตะวันตกในปีชินมี)ในปี พ.ศ. 2514 แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองนี้




    สหรัฐอเมริการุกรานโชซอน


    ในปีพ. ศ. 2409 เรือสินค้าของสหรัฐฯที่ชื่อว่าเจเนอรัล เชอร์แมน ได้รุกล้ำน่านน้ำของโชซอน เรือลำนี้ติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 12 ปอนด์สองกระบอกและลูกเรือทุกคนมีอาวุธครบมือ ลูกเรือของเชอร์แมนบังคับให้เจ้าหน้าที่โชซอนทำการค้ากับสหรัฐฯเพื่อการพาณิชย์โดยอ้างว่ากองเรือฝรั่งเศสอาจบุกเข้ามา อย่างไรก็ตามทางการเกาหลีเตือนว่าการค้ากับสหรัฐฯเป็นสิ่งต้องห้ามภายใต้กฎหมายของโชซอนแล้วบอกให้หยุดล่วงล้ำอธิปไตยและเดินเรือกลับทันทีเนื่องจากเรือต่างชาติเดินเรือในแม่น้ำถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย

    อย่างไรก็ตามเรือเชอร์แมนเพิกเฉยต่อคำเตือนและเดินเรือไปยังเปียงยางตามแม่น้ำแดดงเลย แม้จะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายแต่คนโชซอนก็ให้อาหารที่ดีและการสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตตามประเพณีที่ต้อนรับคนแปลกหน้าอย่างดี แต่หลังจากฤดูฝนสิ้นสุดลงและระดับน้ำในแม่น้ำแดดงลดลงและการเดินเรือกลายเป็นเรื่องยากลูกเรือของเชอร์แมนซึ่งเริ่มวิตกกังวลได้ลักพาตัวชาวเปียงยางและยิงสังหารผู้ประท้วงให้ปล่อยคนที่โดนลักพาตัวเพื่อบังคับให้โชซอนทำการค้า นายอำเภอเปียงยางหมดความอดทนสั่งให้เผาเรือเชอร์แมนและฆ่าลูกเรือทุกคน

    ในปีพ.ศ.2514 สหรัฐอเมริกาได้ส่งกองเรือไปแก้แค้นเรื่องเรือเชอร์แมน J. Rodgers ผู้บัญชาการกองเรือเอเชียเดินทางออกจากท่าเรือนางาซากิประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมโดยมีเรือรบ 5 ลำปืนใหญ่ทางเรือ 85 กระบองและสมาชิกกองเรือและทางบกรวม 1,230 คน กองทัพสหรัฐฯส่งเรือรบสองลำไปสำรวจช่องแคบกังฮวาโดซึ่งเป็นประตูสู่กรุงโซล ฮึงซอนแดวอนกุนซึ่งบังคับใช้นโยบายเข้มงวดในการปฏิเสธความสัมพันธ์ทางการค้าในเวลานั้นเตือนถึงการบุกรุกที่ผิดกฎหมายของกองทัพสหรัฐและเรียกร้องให้ถอนตัวทันที


    เมื่อกองกำลังสหรัฐฯเข้าใกล้ควังซองจินแม้จะมีคำเตือนกองทัพโชซอนก็ยิงเตือนให้กองกำลังสหรัฐฯก็ถอนตัวออกไปก่อน กองทัพสหรัฐฯเรียกร้องคำขอโทษและการชดเชยจากรัฐบาลโชซอนสำหรับการยิงเตือนในครั้งนี้ (55555 นักเลงเหลือเกิน) พอโชซอนปฏิเสธที่จะทำเช่นนี้กองกำลังสหรัฐฯได้ส่งเรือรบ 2 ลำและทหารบก 644 นายไปยังป้อมโชจีจินบนเกาะคังฮวาและเข้ายึดครองค่ายทหารหลายจุด แต่ในการสู้รบในภายหลังกองกำลังของสหรัฐฯก็ได้รับความเสียหายเช่นกันและถอนตัวไปที่เกาะมุลชีโดในวันรุ่งขึ้น กองทัพสหรัฐพยายามเปิดประเทศให้ทำการค้าโดยใช้วิธีข่มขู่ทางการทูตต่อรัฐบาลโชซอน แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถบรรลุเจตจำนงได้เนื่องจากการต่อต้านของคนโชซอน



    ฉายาที่ตั้งขึ้นจากมุมมองของชาวอเมริกัน


    ชาวโชซอนโกรธกับสหรัฐฯที่ใช้ความรุนแรงตอบแทนพระคุณ รัฐบาลก็ดำเนินนโยบายการปฏิเสธความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศตะวันตกและญี่ปุ่นอย่างเข้มงวดขึ้น ฮึงซอนแดวอนกุนตั้ง “อนุสาวรีย์หินชอกฮวาบี” ที่อ่านว่า "การไม่ต่อสู้เวลาพวกตะวันตกมารบก็คือการเป็นมิตรกับพวกมัน การเป็นมิตรกับพวกมันก็คือการขายชาติ" ในหลายเมืองของโชซอน ยุทธศาสตร์ของอเมริกาในการเพิ่มอิทธิพลในเอเชียตะวันออกโดยใช้ญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นนั้นก็ล้มเหลว

    Griffis จงใจจะล้อเลียนโชซอนจากมุมมองของชาวอเมริกันโดยเรียกโชซอนว่า 'เมืองแห่งผู้ถือสันโดษ' มันแปลว่าโชซอนเป็นประเทศที่ปิดประตูและซ่อนตัว ฉายา 'ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า' ใน ยังแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการเยาะเย้ย



    ดินแดนแห่งความเงียบสงบยามเช้า


    ใน Griffis กล่าวว่า:
    “My purpose in this work is to give an outline of the history of the Land of Morning Calm-as the natives call their country-from before the Christian era to the present year.”

    เขายืนยันว่าชาวบ้านโชซอนเรียกประเทศของตัวเองว่าประเทศแห่งความเงียบสงบยามเช้าซึ่งไม่จริง


    เป็นบรรทัดฐานที่คำว่าโชซอนมาจากโจซอนโบราณซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2333 ก่อนคริสต์ศักราช ชื่นี้ตั้งขึ้นโดยเอาคำภาษาเกาหลีแท้ 'อาซาดัล' ซึ่งมีความหมายว่า 'ภูเขาแห่งรุ่งอรุณ' มาเขียนเป็นอักษรจีน แต่ Griffis เขาจงใจบิดเบือนคำแปลของ 'ซอน' จากคำว่าโชซอนซึ่งแปลว่าภูเขาหรือดินแดนเพื่ออธิบายว่าโชซอนเป็นประเทศที่เงียบสงบ ในประโยคต่อไปนี้คุณจะเห็นได้ว่าเขาจงใจแปลคำนี้ผิด

    "The native name of the country is chó-sen(Morning Calm or Fresh Morning)."

    แปลว่าเขารู้อยู่แล้วว่า 'ซอน' ไม่ได้หมายความว่า เงียบสงบ


    เหตุผลที่เขาแปลคำนี้ผิดชัดเจนเมื่อเทียบกับฉายาของญี่ปุ่นในสมัยนั้น "ประเทศที่พระอาทิตย์ขึ้น" สิ่งที่เขาอยากจะสื่อก็คือต่างจากญี่ปุ่นที่มีความทันสมัยผ่านการเปิดทำการค้ากับสหรัฐฯ โชซอนเป็นประเทศที่ดื้อรั้นและไม่มีการพัฒนา



    ปัจจุบัน


    แต่เดิมเป็นคำที่ใช้เยาะเย้ยเกาหลี แต่ไม่ว่าจะหมายความว่าอย่างไรเกาหลีก็ยังใช้คำว่า 'ดินแดนแห่งความเงียบสงบยามเช้า' ในการตลาดเช่นเดียวกับที่ประเทศไทยใช้คำว่า 'ดินแดนแห่งรอยยิ้ม' ระดับไมเลจขั้นสูงและวารสารข่าวของ Korean Air มีชื่อว่า 'Morning Calm' นอกจากนี้ตั้งแต่แพตช์ 1.19 StarCraft ยังใช้ประโยคนี้แนะนำเซิร์ฟเวอร์เกาหลี
    "The Land of the Calm Dawn has mastered the art of war, and emerged as home to the most renowned StarCraft players on Earth. Do not arrive idle to this melee."

    ในความเป็นจริงทั้งคำว่าประเทศแห่งรอยยิ้มและประเทศแห่งความเงียบสงบยามเช้าไม่ได้มีความหมายอะไรมากในยุคปัจจุบัน ใครๆ ก็รู้ว่าคนเกาหลีไม่ได้เงียบเท่าไหร่ ชาวเกาหลีชอบเถียงกันมาก แล้วยังชอบดื่มเหล้าร้องเพลงและเล่นเสียงดังเช่นเดียวกับคนไทยด้วย 

    ดูจากล่าสุดประเทศไทยได้มีฉายาใหม่ว่า 'Land of Compromise' ทำให้ผมคิดว่าเกาหลีก็ควรมีฉายาใหม่แล้ว ถ้ามีฉายาที่อยากตั้งให้เกาหลีรบกวนทุกคนเขียนพร้อมเหตุผลในคอมเมนท์ด้านล่างครับ!

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
moominzone (@moominzone)
Korea is the land of Welfare?? พอได้ไหมคะ เรารู้สึกว่าเกาหลีเป็นประเทศที่มีสวัสดิการดีและเยอะมากๆ รู้สึกอิจฉามากค่ะ เมื่อไหร่ประเทศไทยจะได้แบบนั้นบ้างนะ 5555