เธม : พี่ไม่เห็นจะเดินเร็วอย่างที่พี่ใบเฟิร์นบอกเลยอะ
โป้ : ก็ …แกเดิน speed นี้หนิ
เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน อย่างแรกคงต้องบอกว่างานเขียนทั้งหมดภายใต้บท It has everything to do with the rain ไม่เคยเป็นงานรีวิว มันเป็นแค่ความรู้สึกของเราที่ยึดโยงต่องานศิลปะและถูกถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร และการกลับมาในรอบระยะเวลาสามปีกว่าครั้งนี้ เราเลือกที่จะเขียนถึงซีรีส์ยาวเรื่องหนึ่งทั้งที่ทุกตอนก่อนหน้าเป็นภาพยนต์เสียทั้งหมด
เธมโป้ (Thamepo) Heart that skips a beat เป็นซีรีส์ค่อนข้างใหม่คาบเกี่ยวในช่วงระหว่างปลายสุดของปี 2024 จนถึงต้นปี 2025 เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เราตัดสินใจพาชีวิตหักเลี้ยวไปจากทิศทางเดิมที่คุ้นเคย ถ้าจะให้เล่าแบบเห็นภาพก็คงเหมือนกันกับ โป้ (ศุภ สง่าวรวงศ์) ที่ตัดสินใจเดินเข้าตึก ONER แล้วรับบัตรพนักงานมาพร้อมกับกล้องหนึ่งตัว ความรู้สึกประหม่า กังวล และไม่แน่นอนในชีวิตผ่านสายตาคู่นั้นถึงแตะโดนความรู้สึกส่วนลึกอย่างรวดเร็วทั้งที่อีพีหนึ่งพึ่งเลื่อนผ่านไปได้ไม่กี่นาที
— แล้วต่อจากนั้น เราก็ไม่สามารถตั้งรับอะไรได้ทันอีกเลย
หนึ่งซีนง่ายๆ จากซีรีส์ที่นำไปสู่เพลงธีมอย่าง ‘ระหว่างทาง’ ทำเราร้องไห้หนักกลางดึกอย่างที่ไม่เคยได้เกิดมานาน ภาพตัดสลับระหว่าง เธม (จักรพรรดิ์ แก้วพันธุ์พงศ์) และโป้ กับบรรยากาศที่ลากยาวจากค่ำไปจนดึก ข้ามห้วงเวลาตัดผ่านจากวันเก่าถึงวันใหม่ เสียง voice over บทสนทนาของคนสองคนที่ค่อยๆ ทำความรู้จักอีกฝ่าย — มันเป็นช่วงเวลาแรกรักที่เรียบง่าย หากแต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง การสนทนาระยะไกลระหว่างคนสองคนที่มีกำแพง มีความไม่เข้ากัน มีเรื่องราวที่แสนจะน่าปวดหัวมองเห็นได้รำไรในอนาคตอันใกล้ แต่ก็ยังดื้อดึงฝืนความกลัวเพียงแค่เพราะอยากที่จะลอง … รัก
(อีกครั้ง)
แล้วคุณไม่คิดว่ามันคุ้นเกินไปหรือยังไง?
ด้วยหลายปัจจัยที่หากให้เล่าลงลึกคงยาวกว่าคำตอบสมัยเรียนวิชาคดีเมือง ( …ไม่ได้ว่าอะไรจริงๆ นะคะอาจารย์) ทำให้เราเปิดใจดูซีรีส์เรื่องนี้ในตอนที่ซีรีส์จบไปแล้วสักพัก เรียกว่ามาตามหลังคนอื่นๆ แม้จะรู้จักเรื่องนี้มาตั้งแต่วันประกาศทำก็ตาม ความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือแม้กระทั่งในตอนที่เขียนอยู่นี่ความรู้สึกจางๆ ในวัน gala premier ของ เธอฟอร์แคช ที่หน้าโรงหนังภวาลัยก็ยังคงติดค้างอยู่กับเรา ตอนดูเธมโป้ครั้งแรกแล้วได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกใช้เป็นหนึ่งในจุดเชื่อมความสัมพันธ์ ความสงสัยถึงได้คลายลงไปไม่น้อย
( ‘เธอฟอร์แคช’ เป็นหนังอีกเรื่องที่ชอบพอสมควร คงเพราะเราถูกหน้าตัวอย่างหนังหลอกจนสะบักสะบอม และพัทยาตอนกลางคืนยังคงลึกลับ ดุร้าย แต่แฝงความเย้ายวนที่ยากจะต้านทานอยู่เสมอ — ไม่รู้ว่าจนป่านนี้พี่โป้จะดูหนังเรื่องนี้จบหรือยัง แล้วเธมจะจำเนื้อหาอะไรจากหนังได้บ้างหรือเปล่า )
เราอิจฉาความสัมพันธ์ระหว่างเธมและจุน (ธนัท ด่านเจษฎา) ‘อุดมคติ’ เรานิยามมันเอาไว้แบบนั้นตั้งแต่อีพีสามเป็นต้นมา Game Centre เป็นสถานที่ที่น่าจดจำไม่ใช่แค่เพราะสีสันจัดจ้านซึ่งสำหรับเราถือเป็นอีกหนึ่งภาพจำของซีรีส์เรื่องนี้ แต่เพราะทุกบทสนทนาที่ดำดิ่งลึกลงไประหว่างสองตัวละครนี้ถูกเก็บเอาไว้ ณ ที่แห่งนี้ทั้งหมด ทั้งคู่เริ่มสนิทกันที่นี่ เคลียใจกันหลังพวงมาลัยของเกมส์แข่งรถก็ที่นี่ รวมไปถึงการที่จุนตัดสินใจจะรักษาความสัมพันธ์ของทั้งคู่เอาไว้โดยการยอมเป็นฝ่ายถอยออกมาจากโป้ ก็ยังเกิดขึ้นที่นี่ แต่ถ้าหากจุนคือตัวแทนของตัวละครที่ดูจะไม่มีอยู่จริงแล้ว นาโน (รพีพงศ์ ศุภธินีกิตติ์เดชา) ก็คงเป็นตัวละครขั้วตรงข้ามที่ทำให้เราจุกลงกลางอกไม่น้อยไปกว่าเรื่องราวภูมิหลังของโป้ ความกลัวต่ออนาคตทั้งใกล้และไกล ความไม่มั่นใจและความรู้สึกอ้างว้างทั้งที่ถูกโอบล้อมด้วยผู้คนที่รักเป็นความรู้สึกที่เราไม่เคยอยากจะยอมรับ แต่เมื่อยิ่งโตขึ้นมันก็ยิ่งเหมือนจะลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ …เพราะรู้ว่าสักวันหนึ่ง คนเหล่านี้อาจจะต้องหายไป และเราไม่รู้เลยว่าจะอยู่ตัวคนเดียวต่อไปได้อย่างไร
ความรู้สึกและการตัดสินใจที่จะเดินหันหลังออกมาก่อนของนาโนจึงเป็นไปตามกลไกการป้องกันตัวภายใต้สัญชาตญาณของมนุษย์ที่โคตรจะจริงจนปฏิเสธไม่ลง แต่บทสนทนาหลังจากที่ทั้งหกคนนั่งลงล้อมวงกันแล้วก็จริงไม่ต่าง — แล้วเราต้องพึ่งกันแล้วมันยังไงวะ มึงเห็นพี่เขาไหม แก่ป่านนี้แล้วพึ่งมีงานทำ มึงคิดว่าเขาไปกันรอดเหรอ — ขนาดว่าคนพูดเป็นแค่ตัวละครสมมติยังต้องยอมรับว่าหมั่นไส้จุนจนถ้าเป็นเพื่อนแท้ๆ คงมีวางมวย ถึงอย่างนั้นตัวละครนี้ก็ยังถ่ายทอดทุกอย่างผ่านความคิดที่ปราศจากอคติเอนเอียงไปยังด้านใดด้านหนึ่ง ความรู้สึกที่ว่าตัวเราเองคงเอาตัวไม่รอดจึงดูไม่ได้น่ากลัวมากมายขนาดนั้นเมื่อจุนบอกว่าบนโลกนี้มีคนที่ไปไม่รอดอีกหลายคน
[ เราในตอนสามสิบที่รู้สึกว่าชีวิตยังเดินไม่ถึงไหน ก็คงต้องอาศัยคำพูดของจุนประคองไปอีกพักหนึ่ง ]
การดูซีรีส์เรื่องนี้เหมือนเราได้เฝ้ามองทุกตัวละครวิ่งไล่ตามความฝันพร้อมกับจังหวะก้าวที่แตกต่างกันออกไป บางคนวิ่งช้า บางคนวิ่งเร็ว แต่ละคนล้วนเลือกเส้นทางของตัวเองเพราะทุกคนเป็นตัวละครเอกในเรื่องราวของตัวเอง นั่นเป็นคำพูดที่หนังและซีรีส์หลายเรื่องถ่ายทอดให้เราได้ฟังมาเสมอ สำหรับตัวเอกของเธมโป้อย่างเธมที่เริ่มต้นด้วยการวิ่งหลงทางกับจังหวะที่คิดว่ามั่นคงแต่จริงๆ แล้วไม่เลย การวิ่งที่เร็วเกินไปทำให้เผลอละทิ้งอะไรบางอย่างที่สำคัญไปโดยไม่รู้ตัว จนสุดท้ายเมื่อเธมชะลอฝีเท้าลงเพื่อเปลี่ยนมาฟังเสียงของหัวใจ ให้เวลาตัวเองได้หยุดยืนอยู่กับที่เพื่อจดจำตัวเลขชุดสิบตัว แม้ว่ามันอาจจะทำให้เขาถึงความฝันช้าลงไปบ้างแต่เธมจะได้มีใครบางคนที่คอยรออยู่ตรงปลายทางในอนาคต
ในบรรดาหลาย iconic scene จากซีรีส์เรื่องนี้ ฉากที่เธมยืนจำเบอร์โทรศัพท์ของโป้ ทำให้เราเหมือนได้เห็นเธมค่อยๆ ลดจังหวะของตัวเองลงมา ระยะห่างระหว่างกันของเธมและโป้จึงน้อยลงจนเกือบจะเท่ากัน (อาจจะห่างอยู่สัก 5 cm) และคนที่คอยจะเอาแต่มองไปข้างหน้าอย่างเธมก็เหมือนจะถูกทำให้เข้าใจถึงความสวยงามของสิ่งรอบตัวด้วยมุมมองใหม่จากรุ่นพี่ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ได้รู้ว่าจริงๆ แม้ปลายทางอาจจะเป็นคำตอบที่ต้องไขว่คว้า แต่ระหว่างทางก็เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างมีความหมาย
ใน ‘ความรัก’ การหาจังหวะตรงกลางเพื่อก้าวไปพร้อมๆ กัน มันอาจจะทำได้ยากแต่ใช่ว่าจะไม่มี
…เพียงแต่เรื่องในอดีตตอนนั้นกลายเป็นจังหวะก้าวที่ไม่สัมพันธ์ของเราและเขา เป็นก้าวที่สะดุดล้มแรงเกินกว่าที่แผลจะประสานกลับมา เราเคยเดินทางมาได้ไกลถึงแค่จังหวะที่เปปเปอร์ (ชยธร ไตรรัตนประดิษฐ์) ต้องยอมปล่อยมือจากพี่แก้ม (ยงวลี อนิลบล) เพราะเหตุผลที่ว่า แค่รัก มันไม่พอที่คนสองคนจะเดินไปด้วยกันจนสุดปลายทาง และถ้าความรักนั้นมันจะต้องฉุดให้ใครสักคนยิ่งอยู่ห่างไกลจากความฝัน ความรักนั้นก็ไม่ควรจะถูกสานต่อ
…พูดถึงตรงนี้ คงรู้เหตุผลที่ซีรีส์เรื่องนี้ถูกหยิบยกมาเขียนเก็บเอาไว้ในบทนี้
นอกเหนือจากการเดินทางของตัวละครหลักทุกตัวในเรื่องแล้ว อีกหนึ่งแก่นสารจากช่วงท้ายของซีรีส์ก็ทำเอาคนดูอย่างเราแอบอมยิ้มทั้งที่มือขวายังยกปาดน้ำตา เราในฐานะผู้ชมถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกของ ‘MARS’ ตั้งแต่อีพีแรกและกว่าจะรู้สึกตัวว่าถูกโอมล้อมและกำลังหายใจอยู่ในชั้นบรรยากาศของ ‘Sphere’ ก็ตอนที่ความหมายของคำนี้ถูกเฉลยออกมา เราชอบนะกับประโยคที่ใบเฟิร์น (รัตท์ริชา ประภากิติ) กล้าหาญที่จะพูดออกมาตรงๆ ว่าตอนรักเขาก็รักด้วยอารมณ์ ถ้าตอนที่พังลงชั่ววูบมันจะเป็นเพราะอารมณ์ ก็ไม่ควรจะถูกตราหน้าว่าทำผิดอะไร — คำอธิบายความสัมพันธ์ที่จะยากจะเข้าใจระหว่างศิลปินกับแฟนคลับ เมื่อถูกถ่ายทอดออกมาเป็นนามธรรม เปรียบเปรยระหว่างดาวดวงไกลกับชั้นบรรยากาศที่โอบล้อมโดยรอบ ความสัมพันธ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาแต่สำคัญแบบที่ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป อีกสิ่งก็ไม่สามารถคงอยู่ได้ เรานับแต้มบวกหนึ่งคะแนนให้เทิร์นนิ่งพ้อยเล็กๆ นี้อยู่ในใจ
สุดท้ายแล้วซีรีส์เรื่องนี้คงทิ้งอะไรไว้กับคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันจนจบ ทั้งมากบ้างน้อยบ้าง ทั้งที่ดีและที่ไม่ดี สำหรับเรามันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่คิดถึงแต่ไม่ได้อยากจะย้อนกลับไป ความรักที่ดูเป็นไปไม่ได้แบบนั้นเหมือนเราได้เห็นใครสักคนฝ่าฟันจนสำเร็จและเป็นหลักฐานให้เรายังเชื่อในคำว่า ‘รัก’ ได้อยู่ แม้ว่าจนถึงตอนนี้เราอาจจะยังไม่ได้มีโอกาสได้หยิบเพลงรักของมาร์ส ของเธม หรือของพี่โป้มามาฟังพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวจนแทบจะผิดจังหวะ (— เพราะหัวใจดวงนี้ยังทำได้แค่เต้นด้วยจังหวะคงที่พร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอไปวันต่อวัน) ก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้เป็น ‘Your last’ ของใครสักคนเหมือนกัน …
ส่งท้าย — ที่ไม่ค่อยจะเหมือนส่งท้าย
ความเสียดายอย่างเดียวที่เกิดขึ้นคงเป็นเรื่องที่เราตัดสินใจดูเธมโป้ช้าเกินไปจนไม่มีโอกาสได้ดูการแสดงของวง MARS เลยสักครั้ง (จนถึงตอนนี้) ถึงจะฟังดูบ้าแต่ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราเชื่อในโลกของ MARS อย่างสนิทใจ (รวมเราเข้าเป็นจักรวาลเดียวกันกับ ฟ้าใส จาก I love a lot of you ได้เลย) หวังว่าในอนาคตจะมีสักวันที่วง MARS ได้มีพื้นที่และโอกาสให้กลับมาเฉิดฉายในโลกของความเป็นจริงอีกครั้ง และเราจะมีโอกาสได้เห็น เธมกับเปปเปอร์ร้องเพลง นาโนกับจุนเต้น แล้วก็ดีแลนแรปในเพลงโปรดเกือบทุกเพลงของวงที่ทำ PAK สำเร็จวงนี้ผ่านสายตาของตัวเองจริงๆ
ไหนๆ ก็เมนชั่นมาถึงสมาชิกคนสุดท้ายของวงแล้ว ดีแลน (พิเชฐพงศ์ จิรเดชสกุลวงศ์) เป็นตัวละครที่อาจจะไม่ได้มีบทบาทเข้มข้นเท่าคนอื่น แต่ตัวละครนี้กลับบอกเล่าเรื่องราวของคนที่อาศัยอยู่ภายใต้เงาของคนอื่นๆ ที่ถูกแสงสาดส่องอยู่เสมอ ภาพดีแลนมักจะปรากฏอยู่ในผับใต้ดิน ในห้องอัด หรือในห้องนอนมืดสลัว การแสดงออกแบบที่เหมือนจะไม่สนใจโลกภายนอกทั้งที่จริงๆ ข้างในเป็นคนอ่อนไหวที่กลัวเสียงฟ้าร้องแบบนั้น ทำให้เราเองก็เอาใจช่วยตัวละครนี้ให้เขาได้มีวันที่อยู่ใต้แสงของตัวเองจริงๆ เหมือนกัน และเราก็เชื่อว่าเขาจะมีวันนั้นเพราะอย่างที่แรปเปอร์คนเดียวของวงว่าเอาไว้ – Love me or hate me, I’m still gonna shine.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in