เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LuMark Short Fictionicypumpkin
Cigarette and Watermelon

  • Title: Cigarette and Watermelon
    Pairing: LuMark [Lucas x Mark]
    Genre: AU, Fluff, Romantic, Yaoi
    Author: icypumpkin
    --------------------------------------------------------







    “อื้อ...” คนตัวเล็กขยับตัวยุกยิกใต้ผ้านวมผืนหนาบนที่นอนแสนนุ่มและอบอุ่น สายลมเย็นเอื่อยพัดผ่านหน้าต่างทำให้ห้องมีอากาศถ่ายเท หากแต่แสงแดดแยงตานั่นทำเอาเขารู้สึกตัวจนต้องตื่นขึ้นมา



    มือขาวปะป่ายไปตามข้างตัวหากพบแต่เพียงความว่างเปล่าและความเย็นของฟูกจึงต้องจำใจลืมตาตื่นขึ้นมา



    ดวงตารีปิดลงอีกครั้งเมื่อพบกับแสงสว่างแม้จะไม่มากนักหากแต่ด้วยความที่ไม่ถูกกับแสงแดดเท่าไหร่นักจึงมีภูมิต้านทานต่ำกว่าคนปกติ ใบหน้าเรียวกดลงกับหมอนอีกครั้งเพื่อปรับม่านตาให้รับกับแสงก่อนจะเงยหน้ามองไปข้างตัว




    หายไปไหนกันนะ




    เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยีผมที่ไม่เป็นทรงให้ไม่เป็นทรงหนักเข้าไปอีก ดวงตารียิบหยีแทบจะมองไม่เห็นรูม่านตาเพราะรู้สึกหนังตาหนักเสียเหลือเกิน ยกแขนพร้อมบิดตัวไปมาให้พอตื่นก่อนจะก้าวลงจากเตียงเพื่อไปหาใครอีกคนที่หายไป




    “มาร์ค... ทำไมตื่นเช้าจัง” เจ้าของดวงตากลมโตเอ่ยถามเมื่อเห็นใครอีกคนเดินออกมาจากห้องนอน



    “ลูคัสนั่นแหละ ทำไมตื่นเช้า หันไปหาไม่เจอเลยเดินออกมาเนี่ย” คนฟังยิ้มกว้างให้กับคำตอบที่ได้รับ ใช้มือจัดผมกระเซอะกระเซิงนั่นให้เข้าทรง




    ขี้โกงจังเลยนะ มาร์คเนี่ย ขนาดผมยุ่งๆ ไม่เป็นทรง ยังดูน่ารักอยู่เลย




    “ทำไมอะ กลัวฉันหนีไปหรอ” อดจะถามไม่ได้และก็ต้องยิ้มให้เมื่อมาร์ค อีหันมองหน้าเขาพร้อมหาวเสียวอดใหญ่



    “หึ.. บ้าบอ” มาร์คหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าและเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟา ภาพเมื่อสักครู่เหมือนเขาเห็นลูคัสมีหูตั้งๆ และหางกระดิกไปมา



    “หิวรึยัง อยากออกไปกินอะไรไหม” ลูคัส หว่องไม่ได้มาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หากแต่เดินเข้าห้องครัวไป



    “ไม่เอาอะ ไม่อยากออกไปไหนเลย” พูดตรงๆ คือขี้เกียจจนไม่อยากทำอะไรเลยด้วยซ้ำวันนี้



    “งั้นสั่งข้าวมากินดีไหม… นายอยากกินอะไรล่ะ” คนที่ตื่นก่อนกลับมาพร้อมวางนมอุ่นลงบนโต๊ะ



    “อะไรก็ได้ แล้วแต่นาย… นี่ต้องกินนมทุกเช้าเลยหรอลูคัส”




    ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกนะ เพียงแค่ไม่ค่อยชินกับการมีใครอีกคนมาคอยดูแลทำนมอุ่นให้กินตอนตื่นหนึ่งแก้วและก่อนนอนอีกแก้วก็เท่านั้น



    “กินไปเถอะ มันดีกับนายนะ งั้นเดี๋ยวสั่งข้าวข้างล่างหอมากินแล้วกัน” มาร์คพยักหน้ารับ ยกนมอุ่นขึ้นดื่มก่อนจะเดินไปเก็บในห้องครัว





    “ลูคัสวันนี้นายมีเรียนไหม” ไม่มีเสียงตอบรับหากแต่สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องครัว



    “ทิ้งไว้ก่อนค่อยล้างทีเดียวหลังกินข้าวก็ได้”



    “ไม่เป็นไรหรอก วันนี้มีเรียนไหม” มาร์คถามย้ำก่อนจะหันมองคนที่จ้องตนเองอยู่ก่อนแล้ว



    “ไม่มี อาจารย์แคนคลาส” ลูคัสเอ่ยตอบ เดินไปพิงกับเคาท์เตอร์ที่อีกคนกำลังล้างแก้ว



    มาร์ค อีเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนประหลาดสำหรับเขา ไม่ใช่เพียงเพราะส่วนสูง174เซนติเมตร หรือผิวขาวแบบนั้น และก็ไม่ใช่เพราะคิ้วที่ไม่ได้สมส่วนหากแต่เหมาะกับรูปหน้า ดวงตารีเรียวชั้นเดียวกับจมูกเข้ารูปไม่โด่งจนเกินไป กับริมฝีปากที่มักจะฮัมเพลงเป็นจังหวะแรพเฉกเช่นตอนนี้




    แต่มันเป็นเพราะส่วนประกอบทุกอย่างรวมถึงนิสัยที่แสนธรรมดาทั้งหมดนั่นหลอมรวมกันจนเป็นมาร์ค อีต่างหากที่ทำให้ใครอีกคนดูพิเศษสำหรับเขา





    “ละนี่ยังไม่ตอบว่าทำไมตื่นเช้า” มาร์คล้างแก้วใบนั้นเสร็จสักพักจนพวกเขามานั่งเปิดทีวีดูด้วยกันแล้วจึงถามขึ้นอีกครั้ง



    “หึ ไม่ได้ตื่นเช้า… ยังไม่ได้นอนต่างหาก”



    “ห๊ะ!” เพียงเท่านั้นดวงตารีกลับเบิกโตและหันขวับมามองทันที



    “ตกใจอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวคอเคล็ดพอดี” ลูคัสหัวเราะพร้อมกับลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ ผมมาร์คนิ่มเวลาลูบแล้วเพลินมือไปหมด



    “ก็ตกใจสิ ทำอะไรทำไมยังไม่นอน ปั่นโมหรอ”



    “อือ เชื่อมาร์คแต่แรกก็ดีให้รีบทำ มัวแต่เล่นเกมอยู่นั่นเลยมาปั่นวันสุดท้ายแบบนี้”



    “ไฟไม่ลนก้น เดธไลน์ไม่มาให้เห็นตรงหน้า ลูคัส หว่องหรอจะทำงานได้” แค่ได้ยินคำค่อนแขวะนั้นลูคัสก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด มาร์คโวยวายหากแต่ไม่ได้ดิ้นจริงจังอะไรนัก



    “แล้วทำไมไม่บอก จะได้ช่วยทำ”



    “ไม่เอาหรอก เมื่อคืนกว่ามาร์คจะทำโมตัวเองเสร็จก็ตีสองแล้ว อยากให้นอนพัก โมแค่นั้นทำไหวอยู่แล้ว” ไม่อยากจะบอกว่าสงสารจนไม่กล้าเรียกเลยล่ะ สภาพมาร์คเมื่อวานเหมือนคนหมดแรงจะเดินแล้วด้วยซ้ำ โมที่ทำสเกลละเอียดกว่าแต่กลับทำเสร็จก่อนเขา รู้ว่านอนไม่พอมาหลายคืนถึงอยากให้นอนพักเยอะๆ



    หากแต่คนฟังได้ยินแล้วก็อดจะเบะปากใส่ไม่ได้



    “ครับ ทำไหวจนตาโหลเลย”



    “หึหึ แค่ได้กอดมาร์คแบบนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว”



    “เวอร์เลย…”



    “ลูคัสอยากออกไปไหนไหมวันหยุด” มาร์คถามกลับในสิ่งที่อีกฝ่ายถามเขาไว้ก่อนหน้านี้ขณะที่ตนเองยังอยู่ในอ้อมกอดของลูคัส



    “ไม่ออก มาร์คไม่อยากออกไปไหนนี่”



    “ไม่ต้องมาผูกกับฉันเลย นายอยากออกไปไหนไหม”



    “ไม่ครับ ไม่อยากออกไปไหน ไม่ได้นอนเดี๋ยวไปทำตัวเด๋อข้างนอก” มาร์คหัวเราะให้กับคำตอบนั้นจนลูคัสต้องหัวเราะตาม ไม่ได้ตลกอะไรหรอก แค่เห็นมาร์คยิ้ม เขาก็เลยยิ้มตามเท่านั้น



    “ปล่อยก่อน ขอไปหยิบแตงโมมากินก่อน” ไม่ใช่ไม่สบายหรอก นั่งบนโซฟาพิงอกให้ลูคัสกอดอยู่แบบนั้น แต่นมอุ่นเริ่มไม่อยู่ท้องแล้ว



    “รอกินข้าวเสร็จก่อนแล้วค่อยกินแตงโมนะ สั่งข้าวไว้แล้ว อีกไม่นานน่าจะมาส่งแล้วล่ะ”





    ติ๊งต่อง~





    ลูคัสยกยิ้มเมื่อพูดยังไม่ทันขาดคำเสียงออดก็ดังขึ้น



    “ปะ กินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยกินแตงโมในตู้เย็น” มาร์คพยักหน้ารับ เดินไปเตรียมจานรอในครัวขณะที่ลูคัสออกไปรับข้าวที่มาส่ง




    วันหยุดของเราก็เรียบง่ายแบบนี้ ยิ่งเรียนปีสูงขึ้นและโปรเจคมากมายกำลังเรียงหน้ามาเร่งส่งต่อๆ กันแบบนี้ ถ้าว่างก็อยากจะนอนอยู่แต่ในห้อง ดูหนัง ฟังเพลงอะไรไปเรื่อย เหนื่อยเกินกว่าจะแบกสังขารออกไปไหนได้อีก




    “ดูหนังไหม” ลูคัสถามขึ้นเมื่อเห็นมาร์คเริ่มจับจองที่นอนบนโซฟา



    “เอาสิ ธอร์แรคนารอคที่เพิ่งซื้อมาไง ตอนฉายในโรงก็ไม่ได้ไปดู” คนถามพยักหน้ารับและเดินไปเปิดหนังก่อนจะลุกเดินเลยออกไป



    “ไปไหนอะ”



    “ไปหยิบแตงโมให้ไง”



    “ไม่ต้อง เดี๋ยวไปหยิบเอง เป็นง่อยพอดีอยู่กับนายมากๆ ไม่ยอมให้ทำอะไรเองเลย” คนฟังได้แต่หัวเราะเมื่อเห็นคนที่นอนอยู่บนโซฟารีบกระเด้งตัวขึ้นมาและวิ่งหายไปในห้องครัว



    “แตงโมอร่อยมากเลยอะ กินไหม” มาร์คเดินผ่านเขาขณะจะกลับไปยังโซฟาแต่ไม่วายยื่นแตงโมชิ้นในมือมาให้เขา



    “ยังอะ ขอออกไประเบียงแป๊ปนึง ไว้ค่อยกลับมากิน” คนชวนแค่พยักหน้ารับและเดินกลับไปนั่งยังที่ประจำ ตามองหนังในทีวีที่เริ่มฉาย มือถือแตงโมจานใหญ่ ปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ



    ลูคัสมองภาพนั้นก่อนจะเดินไปที่ระเบียง หยิบบุหรี่รสโปรดที่วางไว้ขึ้นจุดสูบ เขาไม่ได้ติดนิโคตินอะไรมากขนาดนั้น แค่ช่วงนี้เครียดและนอนไม่ค่อยพอจึงใช้มันเป็นตัวช่วยเพื่อให้สมองผ่อนคลาย มาร์คไม่เคยขอให้เขาเลิกบุหรี่ แค่ปรามว่าอย่าสูบเยอะก็เท่านั้น ไม่เคยบ่นว่าเหม็นแต่ก็ไม่ใคร่จะชอบเข้าใกล้เวลาเขาสูบบุหรี่เสร็จ




    “หนังฉายไปจะสิบนาทีแล้ว” เหลือบตามองน้อยๆ ก่อนจะบ่นขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงยวบที่โซฟา



    “แค่สิบนาทียังอรัมภบทไม่เสร็จหรอก” เขามองหน้าจอก่อนจะหันกลับมามองคนข้างกายที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอทีวีไล่ลงมาถึงริมฝีปากที่เคี้ยวแตงโมไม่ขาดปาก




    มันอร่อยอะไรขนาดนั้นเลยหรอแตงโมเนี่ย ถึงสามารถกินได้ทั้งวันทุกวันโดยไม่เบื่อแบบนั้น





    “มองอะไร ไม่ดูหนังอะ” ไม่ใช่ไม่รู้ หลายครั้งเลยต่างหากที่ลูคัส หว่องชอบมองเขาโดยไม่พูดอะไร แค่มองอยู่แบบนั้น บางครั้งพอหันไปหาอีกฝ่ายก็หลบตา บางครั้งก็ไม่หยุดมองแค่ยิ้มตอบ ถ้ากวนหน่อยก็ยักคิ้วให้



    “มาร์คน่ามองกว่าหนังอีก” บางทีมาร์ค อีก็ไม่รู้ว่าควรจะมีการตอบรับแบบไหนดี เขินไหมก็เขินแต่ก็อดหัวเราะไม่ได้เวลาเจอมุกอะไรแบบนี้



    “หึ… แตงโมอร่อยไหม” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมตอบแต่กลั้นยิ้มเขาเลยเลือกจะเปลี่ยนเรื่องแทน



    “อร่อย ชิมไหม”



    “อืม”



    ลูคัสตอบรับในลำคอ หยิบจานออกจากมือของคนที่ถืออยู่ นั่นทำเอาอีกคนหันมามอง เขาวางจานแตงโมลงบนโต๊ะ เขยิบตัวเข้าใกล้คนตัวเล็กกว่าจนอีกฝ่ายมาอยู่ในอ้อมแขน




    โน้มใบหน้าเข้าใกล้จนเห็นแพขนตา


    ใกล้จนส่วนต่างของความสูงสิบเซนติเมตรไม่ส่งผลใดๆ


    ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนเป่าผะแผ่วอยู่บริเวณใบหน้า


    ใกล้จนระยะห่างเป็นศูนย์เมื่อเขาสัมผัสลงบนกลีบปากนุ่ม




    กดจูบ ย้ำซ้ำๆก่อนลิ้นร้อนจะเข้าไปทักทายโพรงปากนุ่ม รสหวานของแตงโมยังอบอวลจนได้กลิ่นหอมผสมกับรสขมของบุหรี่หากแต่เข้ากันอย่างน่าประหลาด แขนขาวเอื้อมขึ้นคล้องคอก่อนดวงตาจะปิดลงจะหลับลงเพื่อรับสัมผัสที่มากขึ้น




    รสจูบที่ผสมระหว่างแตงโมกับบุหรี่ก็ไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้



    หรือบางทีอาจเพราะมันเป็นรสชาติของมาร์ค ลี กับ ลูคัส หว่องเพียงสองคนเท่านั้น




    END
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in