ก่อนจะไปสู่เรื่องใดๆก็ตาม เนื่องจากได้ทราบข่าวว่าในวันนี้(9 กันยายน 2565) สมเด็จพระราชินีอลิซเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ได้เสร็จสวรรคต จึงขอน้อมแสดงความอาลัยไว้ ณ ที่นี้
เห็นภาพประวัติศาสตร์เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๙ เสด็จเยือนสหราชอาณาจักรและพบกับพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักรแล้วน้ำตารื้น บางที ตอนนี้ทั้งสองพระองค์อาจกำลังทักทายกันบนสรวงสวรรค์อยู่ก็เป็นได้...
เป็นกำลังใจให้พสกนิกรชาวสหราชอาณาจักรทุกคนผ่านพ้นเรื่องนี้ไปอย่างเข้มแข็ง ในฐานะคนที่เคยสูญเสียพระเจ้าแผ่นดินมาก่อน เข้าใจความรู้สึกดี
เอาล่ะ เข้าเรื่องได้
คุณว่าตัวเองตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ดีเพียงใด?
หลายคนอาจจะคิดว่า ยิ่งเรามีอายุมากขึ้นและมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น ยิ่งมีแนวโน้มที่เราจะตัดสินใจในเรื่องต่างๆได้ดียิ่งขึ้น..
คุณโอริและคุณรอม ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้แย้งว่า มันอาจไม่ใช่อย่างนั้น..เสมอไป เพราะ...เชื่อไหมว่า มีพลังลึกลับบางอย่าง ที่อาจลวงให้คุณตัดสินใจโดยตัดเหตุผลทิ้งไป..อย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เราเลือกเส้นทางที่ผิดไปจากที่ควรจะเป็น
มันทำให้เรา "เขว" นั่นเอง
หากไม่รวมบทนำและบทส่งท้าย หนังสือเล่มนี้มีด้วยกันแปดบท แต่ละบทจะนำเรื่องราวที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวกันเลยมาผูกโยงเป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีกลลวงใดบ้าง ที่สามารถชักจูงให้ผู้คน "เขว" ออกจากการตัดสินใจที่ถูกต้อง พร้อมสอดแทรกวิธีแย้งพลังลึกลับเหล่านั้นไม่ให้ทรงอิทธิพลมากเกินไป เวลาเราต้องเลือกอะไรสักอย่าง
เป็นหนังสือที่อ่านแล้วทำให้สมองขบคิดได้ตลอดเวลา แถมยังมีเรื่องน่าสะเทือนใจอยู่ในหนังสือให้สะเทือนอารมณ์ด้วย เช่นในบทหนึ่งที่กล่าวถึงการตัดสินใจดันทุรันนำเครื่องบินขึ้นบินของกัปตันผู้มากความสามารถคนหนึ่ง จนเกิตอุบัติเหตุทำให้เขา ลูกเรือ และผู้โดยสารทั้งลำพบจุดจบ
อ่านแล้วรู้สึกว่า บางที ยิ่งเราเก่งและเป็นมือโปรมากเท่าไหร่ เรายิ่งเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปเวลาตัดสินใจ โดยที่ไม่ฟังและไม่ระวังถึงสัญญาณเตือนจากรอบข้าง อันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายและ/หรือไม่พึงประสงค์
...เราให้นิยามเรื่องแบบนี้ว่า กรอบของคนเก่ง
จริงๆหนังสือเล่มนี้มีเรื่องสะกิดใจให้พูดถึงหลายเรื่อง จะลองเลือกมาอีกสักเรื่องสองเรื่อง
คุณเคยนึกบ้างไหมว่า ในครอบครัว/ชุมชน หรือสังคมแต่ละที่นั้น จะมีบุคคลสี่ประเภทด้วยกัน (ลองนึกภาพครอบครัว ที่ทำงาน หรือกลุ่มเพื่อนของคุณประกอบดูได้นะ) ประเภทแรกคือผู้ริเริ่ม กลุ่มนี้จะเป็นนักสร้างสรรค์เรื่องราว ชักชวนคนอื่นๆไปทำโน่นทำนี่ แล้วก็จะไปงัดข้อกับคนกลุ่มที่สอง ผู้ขัดขวาง ซึ่งจะขวางได้แทบทุกอย่างที่ผู้ริเริ่มอยากจะทำ ส่วนทิศทางการตัดสินใจจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับกลุ่มที่สาม คือ ผู้สนับสนุน ซึ่งฟังสองฝ่ายแล้วตัดสินใจว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน และจะมีกลุ่มสุดท้าย ผู้สังเกตการณ์ ที่นั่งเฉยๆคอยสังเกตความเป็นไปโดยไม่สนับสนุนฝ่ายใด
อ่านแล้วก็ เออ..ว่ะ จริง
ครอบครัวคุณผู้อ่านมีบุคคลครบสี่ประเภทไหมคะ คุณผู้อ่านเป็นประเภทไหนบ่อยสุดคะ
อีกสักตัวอย่างนะ
มีการทดลองทางวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่งต้องการศึกษาว่า ความคิดเห็นของคนรอบข้างมีผลต่อการตัดสินใจของคนเราเพียงใด จึงทดลองให้อาสาสมัครตอบคำถามสักอย่างที่ง่ายๆ แต่ให้อยู่รวมกับหน้าม้าคนอื่น และจงใจให้หน้าม้าคนอื่นเลือกคำตอบที่ผิด (เป็นคำถามปรนัย มีตัวเลือกสี่ข้อ) นักวิจัยพบว่า ถ้าคนอื่นๆตอบผิด มีแนวโน้มที่ผู้ทดสอบจะลังเลแล้วไปเลือกคำตอบที่ผิดด้วย แต่หากมีหน้าม้าสักคนในห้อง เลือกคำตอบที่แตกต่างจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคำตอบที่ผิดเช่นกันแต่คนละข้อ หรือเลือกตอบถูก แนวโน้มที่ผู้เข้าทดสอบจะกล้าเลือกตัวเลือกที่ถูกซึ่งต่างจากตัวเลือกของคนส่วนใหญ่มากขึ้น
น่าสนใจและเข้าใจได้ อยากรู้ว่าถ้าตัวเองอยู่ตรงนั้น จะกล้าเลือกคำตอบที่ถูกหรือเปล่านะ
และนี่คือตัวอย่างของเรื่องราวหลากหลายที่ถูกร้อยเรียงอยู่ในหนังสือเล่มนี้ เป็นอะไรที่เปิดมุมมองให้ได้ความคิดเห็นที่ต่างออกไปได้มากทีเดียว ยิ่งหากเทียบกับราคาแล้ว เราว่าเป็นหนังสือที่คุ้มพอสมควร และมั่นใจว่า เราจะกลับมาอ่านซ้ำอีกแน่นอน
หากคุณผู้อ่านสนใจหนังสือเล่มนี้ก็ลองหยิบอ่านดูตามร้านหนังสือทั่วไป ประกอบการตัดสินใจดูนะคะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in