เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : Why men love bitches
  • ผู้เขียน : Sherry Argov ผู้แปล : พัชรศรี เบญมาศ
    สำนักพิมพ์ : We learn
    จำนวนหน้า : 271 หน้า
    ราคา : 179 บาท


         คุณว่า การที่ผู้หญิงสักคนจะหาแฟนดีดีให้ได้ ต้องทำตัวอย่างไร ?
         ...อย่าหันหน้ามาทางเรา เราก็ไม่รู้เหมือนกัน
      

         คุณ Sherry ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Why men love bitches หรือฉบับภาษาไทยคือ ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก บอกว่า ขั้นแรกเลย

         อย่าดีจนเกินไป!!!


         ถ้าอ่านจากแค่ชื่อเรื่อง ดูเหมือนหนังสือเล่มนี้จะแนะนำสาวๆว่า ให้ทำตัวร้าย ให้เป็นยายตัวแสบ ขืนทำตัวหงิมๆ สนิมสร้อย ล่ะก็
         ก็เตรียมตัวเสียเปรียบในเรื่องความรักได้เลย

         แต่ช้าก่อน ก่อนที่ทุกคนจะพาลคิดไปว่า การทำตัวเป็นคนดีจะไม่มีที่อยู่ ไม่มีใครเอา ไพล่ไปคิดถึงว่าต้องทำตัวหยำฉ่าบ้าบอ เลวทรามต่ำช้า ถึงจะดี อย่าเพิ่งตีความเพียงผิวเผินอะไรแบบแบบนั้น
         มาเริ่มอ่านเนื้อหากันดีกว่า
      

         เมื่ออ่านแล้วก็พบว่า คุณ Sherry ไม่ได้ยุให้ทุกคนทำตัวเป็นผู้หญิงไม่ดี เพียงแต่เธอสร้างโมเดลของผู้หญิงสองแบบมาเพื่อเปรียบเทียบให้คนอ่านเห็น สองประเภทที่ว่านี้คือ Good Girl (ผู้หญิงดี) กับ Bitch (ผู้หญิงร้าย)

         และ ผู้หญิงร้าย ที่เธอกล่าวถึง นั้นก็ไม่ใช่คนปลิ้นปล้อนหลอกลวง ไม่ใช่คนเจ้าชู้ประตูดิน และไม่ใช่ผู้หญิงที่ตะบี้ตะบันทำผิดศีลห้าหรือทำผิดกฎหมายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

         ผู้หญิงร้าย ในหนังสือเล่มนี้ หมายถึง ผู้หญิงที่รักตัวเอง และไม่ยอมให้ตัวเองถูกเอาเปรียบ
      
         และ ใช่ค่ะ ผู้หญิงดี ในหนังสือเล่มนี้ ก็คือผู้หญิงที่ ยอมผู้ชายทุกอย่าง เพียงเพราะคิดว่า การยอมทุกอย่าง จะทำให้ผู้ชายสักคนหนึ่ง... รักหล่อนขึ้นมาได้จริงๆ

         คุณ Sherry วางกฎเอาไว้ 100 ข้อ ให้ผู้อ่านติดตามและคิดตามไปว่า ทำไมผู้หญิงอย่างเราถึงต้องร้าย และการทำตัวร้ายๆ แบบในหนังสือเล่มนี้ มันดีกว่าทำตัวดี ยังไง ?


         คำพูดสวยหรูไม่สู้อธิบายให้เห็นภาพ มายกตัวอย่างจากในหนังสือกันดีกว่า เริ่มที่ ผู้หญิงดี

         มีเรื่องของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เจอกัน..น่าจะในที่ทำงาน ฝ่ายชายก็ชวนฝ่ายหญิงไปเที่ยวกลางคืนไรงี้ พอเจอกันตอนกลางคืน ฝ่ายชายเห็นว่าฝ่ายหญิงสลัดเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยออก แล้วแต่งตัวแบบกะยั่วเต็มที่ไรงี้ ผู้ชายก็ลดความสนใจในตัวฝ่ายหญิงไปเลย เหมือนกับรู้สึกว่าตัวเองจีบติดแล้ว
      
         หรือเรื่องของคู่รักคู่นึง ฝ่ายหญิงมาหาฝ่ายชายที่บ้าน เห็นตะกร้าผ้า แล้วก็เลยเอาไปซักให้ ผู้ชายก็แอบมาให้สัมภาษณ์กับผู้เขียนประมาณว่า "ถ้าหล่อนด่าผมแล้วกลับบ้านไปโดยไม่แตะตะกร้าผ้า ผมยังรู้สึกดีกับหล่อนมากกว่า"
      
         นี่คือตัวอย่างของ "ผู้หญิงดี" ผู้หญิงที่พยายามมากไปในความสัมพันธ์ ซึ่งในเล่มจะใช้ถ้อยคำประมาณว่า Desperate (ภาษาไทยคำว่าใช้อะไรไม่รู้ ไม่ได้อ่านฉบับไทย) อารมณ์แบบ ยอมขนาดนี้แล้ว รักฉันเถอะ อะไรงี้ ซึ่งคนเขียนบอกว่า ผู้ชายจับสัญญาณนี้ได้เมื่อไหร่ เผ่นแน่นอน

         หลักการและเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้เน้นย้ำ ในความผิดพลาดของการทำตัว Desperate ก็คือ มันทำให้ผู้ชายสักคนรู้สึกว่า ผู้หญิงแค่อยากมีแฟน อยากได้ใครก็ได้ที่อยู่ตรงนั้นพอดีให้อยู่ในตำแหน่งแฟน ไม่ได้ยอมขนาดนั้นเพราะรักในตัวผู้ชายจริงๆ
      
         เป็นใคร ใครก็เผ่น เราเป็นผู้หญิงยังไม่อยากยุ่งด้วยเลย (อาจเอามาตรฐานตามเราไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เหมือนผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก)


         มาดูตัวอย่าง "ผู้หญิงร้าย" กันบ้าง
      
         มีชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่งออกเดตกัน แล้วผู้ชายก็วิจารณ์สิ่งที่ผู้หญิงทำ ไม่แน่ใจว่าสีผมหรือสีเล็บ ฝ่ายหญิงก็ยิ้มๆบอกว่า "ความคิดเห็นกรุณาลงช่องโน้นค่ะ" แล้วก็ชี้ไปที่ถังขยะ ปรากฏว่าฝ่ายชายชอบใจ และการเดตก็ไม่สะดุด

         ยังมีชายหญิงอีกคู่หนึ่ง ผู้ชายชวนผู้หญิงไปล่องเรือสำราญด้วยกัน ผู้หญิงปฏิเสธ ให้เหตุผลคือ เธอมีนัดไปปาร์ตี้ทัพเพอร์แวร์แล้ว ผู้ชายก็งง แบบ เฮ้ย ทิ้งโอกาสล่องเรือไปกะแค่ปาร์ตี้ทัพเพอร์แวร์เนี่ยนะ? เขาก็แอบตามไปที่ๆหล่อนว่า (อารมณ์คือ ระแวง กลัวไปกะผู้ชายอื่นงี้) ก็เจอผู้หญิงอยู่ในงานจริงๆ งานทัพเพอร์แวร์ที่แค่แบบ มีภาชนะมาโชว์แล้วกินอาหารจากทัพเพอร์แวร์ด้วยกัน ปรากฏว่าฝ่ายชายเกิดประทับใจในตัวผู้หญิงคนนั้นจริงๆขึ้นมา

         นี่คือผู้หญิงร้าย ผู้หญิงที่ไม่ยอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อไอ้เวร เอ๊ย เพื่อผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้
      

         มีตอนหนึ่งที่เราชอบมาก ชื่อ Keep Your Pink Slip (ภาษาไทยจะแปลว่าอย่างไรก็ไม่ทราบได้) เนื้อหาใจความก็คือ อย่าได้เอาตัวเองไปเป็นกาฝากให้ผู้ชายเลี้ยงเป็นอันขาด เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายหนึ่งรู้สึกได้ว่า เราเป็นภาระ ความรักความหลงที่เคยมีก็อาจอันตรธานไป
      
         ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ เรายังเคยคุยกับเพื่อนเลยว่า ต่อให้มีแฟนหรือแต่งงาน เราก็จะไม่งอมืองอเท้ารออีกฝ่ายหาเลี้ยงแน่ๆ มีงานทำ มีเงินใช้ด้วยตัวเอง สบายใจกว่า จะซื้ออะไรก็สะดวก ใครจิกกัดก็แค่ถลึงตาตอบกลับไปว่า "ก็เงินชั้น มีปัญหาอะไร??"
      

         เป็นหนังสือที่แค่ดูชื่อก็รู้สึกได้ถึงความแสบๆ คันๆ พอบอกเพื่อนว่าอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อนก็จะแบบว่า "(เรียบร้อย)อย่างเธอ อ่านหนังสือพรรค์นี้ด้วยเหรอ?"
      
         เอ้า แค่รู้จักวางตัว ไม่ได้แปลว่าต้องใสซื่อไร้เดียงสา
      
         และอ่านแล้วก็..ไม่ได้เห็นด้วยไปเสียทุกอย่าง บางข้อก็รู้สึกได้ว่าไม่เหมาะกับบริบทของสังคมไทยสักเท่าไหร่ แต่ถูกอกถูกใจกับวิธีคิด ที่ยุยงส่งเสริมให้สาวๆรักตัวเอง เคารพในตัวเอง และรู้จักยืนหยัดเพื่อตัวเองโดยไม่ยอมให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ผู้ชาย" มาเอาเปรียบต่างๆนานา เพียงเพื่อให้เราได้มาซึ่งสถานะว่า "มีแฟนแล้ว"
         ซึ่งถูกต้อง...ที่สุด


         เป็นโสดอยู่ดีๆ จะสละโสดทั้งที ต้องมีชีวิตที่ดีและมีความสุขกว่าอยู่คนเดียว ไอ้ประเภทคว้าผู้ชายเฮงซวย ชนิดที่ กระโดดลงจากคานที ลงนรกไปเลยทั้งชาติ นั้นไม่เอา ไม่สร้างสรรค์

         ยังคงเชื่อเสมอว่า ถ้าเรารักและเคารพตัวเองมากพอ สักวันเราคงเจอผู้ชายที่รักและเคารพเรามากพอๆกับที่เรารู้สึกต่อตัวเอง แล้วถ้าพวกหลุดQCหรือต่ำกว่ามาตรฐานที่ตั้งไว้แหวเข้ามา เราก็แค่บอกผู้ชายเหล่านั้นว่า "ไปเล่นที่อื่นเถอะ" แล้วยักไหล่หนึ่งที
         การกอดความโสดไม่ทุกข์เท่ากับการกอดผู้ชายไปโดนทำร้ายไปแน่นอน เชื่อสิ  

         และการรักและเคารพตัวเองนี่แหละ ที่ทำให้เรายังยืนหยัดอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะมีสถานะอะไรก็ตาม
         ดังที่ Why men love bitches เน้นอยู่เสมอนั่นเอง


         ปล. หนังสือเล่มนี้สามารถจัดเรตติ้ง 18+ ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่าตัวเองใสซื่อเกินกว่าจะรับความแสบๆหรือการพูดถึงเรื่องใต้สะดือ(มีบ้าง ไม่เยอะ)ได้ แล้วล่ะก็
         ...เลี่ยงเลย มันไม่ใช่หนังสือที่จำเป็นต้องอ่านขนาดนั้น...

         แต่หากใครสนใจ หนังสือเล่มนี้มีฉบับภาษาไทยค่ะ ชื่อเรื่องคือ ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก ผู้แปลก็คือคุณกาละแมตามที่จั่วหัวไว้ข้างต้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าร้านหนังสือยังมีขายอยู่ไหม เพราะออกมาหลายปีแล้ว

         แต่เคยเห็นใน shopee นะคะ และร้านหนังสืือมือสองทั้งหลายก็น่าจะมีค่ะ ลองหาดูได้เลย

         สวัสดีค่ะ


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in