เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : สมองสงสัย ใจตอบ
  • ผู้เขียน : ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร
    สำนักพิมพ์ : DMG Book
    จำนวนหน้า : 254 หน้า
    ราคา : 195 บาท


          มนุษย์กับการตั้งคำถามเป็นของคู่กัน (เอ็งจะเอาถ้อยคำคุณดังตฤณมาใช้พร่ำเพื่อไม่ด้ายยยยย!!!)

         เอาใหม่ก็ได้
      
         ไม่มีใครไม่เคยตั้งคำถาม และหากจะถามว่า คำถามมาจากไหน คำตอบก็คือ มาจากอวัยวะที่เราใช้คิดกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
         คำถามมาจากสมอง


         ในทางจิตวิทยาแล้ว ว่ากันว่าสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนๆหนึ่งฉลาดหรือไม่ ไม่ใช่ดูที่การตอบคำถาม แต่ดูที่การตั้งคำถาม และคนที่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ก็คือคนที่คิดคำถามที่เกิดประโยชน์ และหาคำตอบให้คำถามตัวเองได้สำเร็จ เช่น พระพุทธเจ้าตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ และหาคำตอบได้จากการบรรลุธรรม

         ดังนั้น คงไม่เกินไปหากจะบอกว่า คำถามที่เข้าท่า นำมาสู่การพัฒนาและเติบโตได้

         เหมือนกับที่ "สมองสงสัย ใจตอบ" เล่มนี้ ตั้งประเด็นไว้นั่นเอง


         หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาห้าส่วนหลัก เปิดเรื่องที่หัวข้อ "ทำไมต้องถาม" จากนั้นจึงแจกแจงว่าการตั้งคำถามนำมาสู่การพัฒนาสามประการ ได้แก่ "พัฒนาจิต" "พัฒนาความคิด" และ "พัฒนาชีวิต" ปิดท้ายที่ "ลมหายใจแห่งคุณค่า" ที่แนะนำวิธีนั่งสมาธิเบื้องต้นให้แก่ผู้อ่าน

         ต่อจากเนื้อหาหลักก็จะแยกเป็นหัวข้อย่อยค่ะ แต่ละหัวข้อที่เลือกมาก็น่าสนใจอยู่ไม่หยอก เช่น ทำไมคนเรามักจะได้ในสิ่งที่เกลียด(เออ..นั่นสิ) ผีมีจริงไหม(มีจริง! อยู่ในภพเปตะและอสุรกายไง) ทำยังไงจึงจะตื่นเช้าได้ (ตั้งนาฬิกาปลุก//ผิด) ฯลฯ
         แค่เถียงกับชื่อบทก็สนุกแล้วอะ


         เมื่อลองอ่านเจาะไปทีละหัวข้อจะพบว่า ในบทๆหนึ่ง จะผสมปนเปกันไปด้วย บทความเพื่อตอบคำถาม, การ์ตูนสั้นๆ, คำคม, ภาษาอังกฤษ ที่บ้างก็อยู่ในคำคม บ้างก็อยู่ในบทความ, พุทธสุภาษิต(มีบางบท) และ เกร็ดสมอง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นบทสรุปของคำถามหัวเรื่องตามบท
         น่ารักดี อ่านแล้วไม่เครียด เนื้อหาส่วนการ์ตูนก็น่ารัก
      

         ถ้าจะถามความเห็นเราว่า "สมองสงสัย ใจตอบ" เป็นหนังสือประเภทไหน เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือแบบบูรณาการ คือ มีความเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะบางบทก็มีอธิบายถึงวิทยาศาสตร์ไว้บ้าง เช่น บทที่ว่า "จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีหัว" ในขณะเดียวกันก็อิงหลักตามพระพุทธศาสนา ที่เห็นชัดเจนคือบทสุดท้ายซึ่งสอนนั่งสมาธิ และยังมีความเป็นหนังสือจิตวิทยา เช่นบทที่กล่าวถึงจิตใต้สำนึกที่ดึงดูดสิ่งซึ่งเราสนใจเข้าหาตัวเรา อะไรแบบนี้

         อ่อ มีสอนคำศัพท์ด้วย เพราะมีศัพท์ภาษาอังกฤษแทรกทุกบท ถ้าจดไปท่องก็ได้หลายคำ
      
         เป็นหนังสือนานาสาระแบบที่ไม่ค่อยเครียดเท่าไหร่
      

         ตอนที่อ่านถึง "ทำไมผู้หญิงชอบดอกไม้ และผู้ชายหาของไม่เคยเจอ" เรารู้สึกว่าตัวเองมีความคล้ายไปทางผู้ชายมากกว่า ยิ่งตรงท่อนที่กล่าวว่าผู้หญิงชอบเม้าท์เป็นนานสองนาน อ่านไปก็รู้สึกว่า ไม่ใช่เราเลย คือ เราไม่ชอบคุยเรื่อยเจื้อยไร้จุดหมายแบบนั้น เราชอบคุยเจาะเป็นเรื่องๆที่เราสนใจมากกว่า
      
         อ่านต่อไปอีกสักพักก็เจอประโยคว่า "...ผู้หญิงที่มีความเป็นชายมากก็จะจำทางได้ดี เล่นวีดีโอเกมส์เก่ง แต่หาของในตู้ไม่ค่อยเจอ..."
         เป๊ะ!! เราไม่น่าเกิดเป็นผู้หญิงเลยพับผ่า


         สำหรับใครที่ชอบพุทธศาสนา วิทยาศาสตร์ และจิตวิทยา แต่ไม่อยากอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวอักษรเป็นพืด แนะนำเล่มนี้เลยค่ะ ตัวหนังสือมีขนาดใหญ่ มีกรอบ มีการ์ตูน อ่านไม่ยาก ไม่รู้สึกเหมือนอ่านหนังสือวิชาการ แต่ได้สาระแน่นอน
     

         แต่..ก็นะ ลองไปเปิดอ่านดูที่ร้านหนังสือก่อนก็ได้ ว่าอ่านแล้วจะตรงจริตหรือเปล่า และถ้าอ่านแล้วพบว่าจูนกันติด
         ก็ลองรับกลับมาอ่านต่อที่บ้านดูสิคะ :D  


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in