ระหว่างเราสองคน.. ไม่เคยมีคำพูดใดๆถูกเอื้อนเอ่ย
ในสัมผัสร้อนรุ่ม แรงบีบเค้นหนักหน่วง และความปรารถนาแรงกล้าที่โอบล้อมเราสองคนไว้
ปลายนิ้วสัมผัสร่างกายกันและกัน ตักตวงเอาความหอมหวานจากความใกล้ชิดอย่างหิวโหย
ไม่มีแม้เสียงเอ่ยเรียกนาม
มีเพียงการหอบหายใจรัวเร็ว อ้อมกอดที่ร้อนราวจะเผาไหม้ผิวกาย และดวงตา
ดวงตาสองคู่ที่ไม่ยอมละจากกัน
…..
บนเวทีเท่านั้นที่ผมจะใช้เสียงของตัวเองสื่อสารกับเขาได้
มือที่ถือไมค์ไว้เย็นเฉียบ มันชาเพราะอากาศหนาวเย็นในห้องส่งหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ ผมประหม่าอยู่มาก ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกบนเวที และไม่ใช่ครั้งแรกที่เราร้องเพลงนี้ด้วยกัน แต่ผมกลับควบคุมอาการอยู่ไม่สุขของตัวเองไม่ได้เลย จนกระทั่งเสียงดนตรีเริ่ม และสายตาของเราสบกันในเงามืดเท่านั้น...
ดวงตาคู่นั้นสะกดผมเอาไว้ได้อีกแล้ว
รอยยิ้มน้อยๆในแสงไฟสลัวนั้นทำให้ใบหน้าร้อนขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ผมต้องทำหน้าที่ขับร้องต่อไป
“คนเดียว… ที่คิดถึง ที่รัก… เธอเป็นดังดวงใจ” ผมไม่ได้หันไปมองร่างในชุดขนนกใต้เงามืดอีกแล้ว แม้ว่าในหัวจะมีแต่เรื่องเขาอยู่เต็มไปหมด
“เธอไม่มาด้วยเหตุใด.. จะไปไหนก็ไม่บอก ทิ้งฉันไว้ คนเดียว” นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้พบหน้ากัน
“คนเดียว.. ที่คิดถึง ป่านนี้ใจเธอคิดอะไร” เสียงแหบทรงสเน่ห์ที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้น พร้อมกับแสงสว่างที่ค่อยๆเผยให้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
ภาพที่มองกี่ครั้งก็ยังตรึงสายตาของผมได้เหมือนเดิม
“คิดถึงฉันรึเปล่า ว่ามันหนาว.. หัวใจ” ..คุณคิดถึงกันเหมือนที่ผมเฝ้าคิดถึงคุณบ้างหรือเปล่าครับ
“เหงา.. เกินคำบรรยาย” เสียงแหบแต่ทุ้มกังวาลของเขาทอดอ่อนลง พร้อมกับสายตาคมที่หันกลับมาอีกครั้ง
…..
หลังจบงาน ผมกลับเข้ามาในห้องพักรับรองขนาดเล็กที่ทีมงานจัดไว้ให้ แอบคิดถึงห้องเก่าที่อยู่มานานเหมือนกันนะ แต่ว่าตอนนี้มันก็คงกลายเป็นของหน้ากากคนอื่นไปแล้ว
อุณหภูมิบนหน้าร้อนขึ้นจนต้องยกมือมาปิดไว้ ไม่ต้องมองกระจกก็เดาได้ ว่ารอยริ้วแดงๆต้องผุดขึ้นเต็มไปหมดแน่ๆ
ก็… เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องนั้นน่ะ….
“แกร่ก” เสียงประตูเปิดพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่อยู่ในความคิด เขาอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ร่างสันทัดเบียดตัวเข้ามาข้างในอย่างเงียบเชียบแล้วลงกลอนประตู
“....”
ความเงียบโรยตัวลงมาระหว่างเราสองคน ก่อนเขาจะเดินเข้ามาจับมือของผมยกขึ้นจรดกับริมฝีปากหยัก
“...เลยเวลา เธอไม่มาหา รู้บ้างไหม ว่าฉันคอย?”
เสียงเอ่ยกระซิบบทเพลงที่เราร้องด้วยกัน พร้อมกับนัยน์ตาคมกล้าที่มองมา ซุกซ่อนความรู้สึกลึกล้ำดำมืดไว้ข้างใน
ร่างกายผมสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ หัวใจในอกด้านซ้ายเต้นระรัว
ปลายนิ้วหัวแม่มือของเขาไล้วนอยู่บนข้อนิ้วของผม
‘คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า?’
“กำลังใจ เริ่มจะถดถอย… น้ำน้อยๆ ล้นออกตา” ผมเอ่ยตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะเคลื่อนตัวไปหาเขาอย่างเต็มใจ
แล้วริมฝีปากของเราก็ได้สัมผัสกันอีกครั้ง…
มันนุ่มนวล อบอวลด้วยกลิ่นประจำตัวของเขา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดเข้าหากันอย่างโหยหา
ปลายนิ้วของเขาสัมผัสผมราวกับรู้จักทุกส่วนเป็นอย่างดี ในขณะที่ผมโอบกอดแผ่นอกแข็งแรงของเขาไว้ เหมือนนักเดินทางที่ไขว่คว้าหาโอเอซิสกลางทะเลทราย เหมือนดอกไม้เหี่ยวเฉาที่รอน้ำมารดเพื่อคืนความสดใส
เราเคลื่อนกายเข้าหากัน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เขาคำรามต่ำยามที่ปลายนิ้วของผมกรีดลงบนแผ่นหลัง ฟันคมขบกัดฝังรอยที่ต้นขาด้านในของผม
เขาไม่เคยเอ่ยขออนุญาต และผมเองก็อยากให้เขาทำ
ผมจ้องลึกเข้าในลูกแก้วสีนิลล้อแสงไฟคู่นั้น ไม่อาจจะละสายตาไปได้เลย
‘ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน’ แววตาออดอ้อนพร้อมกับแรงกระแทกกระทั้นที่รุกล้ำเข้ามา รุนแรงจนทำให้สติผมแทบหลุดลอย ผมกอดรัดลำคอแกร่งนั้นไว้แน่น ออกแรงสวนสะโพกสอบนั้นไป อดส่งเสียงด้วยความรู้สึกดียามที่ตัวตนของเขาเข้ามาลึกกว่าเดิมไม่ได้
‘ผมเองก็คิดถึงคุณ.. มาก’
ไม่นานบทรักของเราก็ดำเนินมาถึงฝั่งฝัน เขากระตุกเกร็งในขณะที่สองขาของผมโอบรัดเอวหนาไว้แน่น ความอุ่นร้อนไหลเข้ามาในกายของผมจนล้นทะลัก หน้าอกไหวกระเพื่อมของเราสัมผัสกันยามที่ร่างสันทัดเอนกายลงมาด้วยความเหนื่อยอ่อน
"คิดถึงเธอ แทบใจจะขาด อยากให้เธอกลับมาซักที" เขาเอ่ยกระซิบที่ข้างหูของผม ลมหายใจร้อนๆ หยอกเย้าไม่ยอมผละจากไปไหน แขนแกร่งโอบกอดร่างกายของเราไว้แนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง
"คิดถึงเธอ ทุกวินาที" รอยจูบกดย้ำ ดั่งคำสัญญา..
"อยากจะพบเธอ...คนเดียว" ว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง ซักวันหนึ่ง
ความคิดถึงจะเชื่อมใจเราสองให้ถึงกัน...
และผมจะยังคงปรารถนาเพียงคุณเฉกเช่นเดิม
“คนเดียว …ที่คิดถึง ที่รัก เธอเป็นดังดวงใจ”
-จบ-
จะเปิดเทอมแล้ว ให้ตายเถอะ ;-;
ทักทายพูดคุยกันได้ที่นี่เลยนะฮะ @navneztr
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in