เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Remembrancelittleholster
Rain
  • Pairing : Ae Jirakorn / Tom Isara 
    Rate : PG 
    Note : เราใช้เพลง Rain ของ The script มาประกอบการเขียนค่ะ 

    **คำเตือน** : นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเหตุการณ์สมมุติที่เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง โดยมิได้มีเจตนาทำให้บุคคลที่ถูกกล่าวถึงได้รับความเสื่อมเสียแต่อย่างใด อนึ่ง เนื้อหาในเรื่องมีการกล่าวถึงความรักแบบชายรักชาย และขอความร่วมมือไม่นำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาตนะคะ :)



    Woke up this morning, can't shake the thunder from last night


    จิรากรตื่นขึ้นมาในห้องนอนสีครีมขนาดสิบห้าตารางเมตรในบ้านเดี่ยวสองชั้นใจกลางเมืองของเขา ดวงตาคู่คมหลุบมองมือทั้งสองข้างที่ประสานกันเรียบร้อยอยู่บนหน้าอก รู้สึกวูบโหวงอย่างประหลาด เนื่องจากเมื่อก่อนนั้นเขาเคยใช้มันกอดใครอีกคนไว้ตอนที่เข้าสู่นิทราไปพร้อมกัน

    ฟ้าเริ่มสาง หมอกยามเช้าพัดพาไอน้ำค้างเย็นสบายผ่านมาทางหน้าต่างเหนือหัวเตียง เวลาอย่างนี้คนคนนั้นคงบ่นไม่อยากลืมตาตื่นเป็นแน่ นอกจากโวยวายแล้วอาจแย่งผ้าห่มจากเขาไปซุกเสียด้วยซ้ำ

    ร่างสันทัดพลิกตัวนอนตะแคง เบนสายตาไปยังตุ๊กตาหมีแบร์บริคที่นอนราบอยู่ข้างๆ คืนนั้นเจ้าของของมันโมโหเขามากจนกระทั่งลืมหยิบไป 

    เขาก็ได้แต่หวังว่าสักวันอีกฝ่ายจะกลับมารับเจ้าหมีนี่ไปเสียที

    จิรากรถอนหายใจออกมา ยกมือก่ายหน้าผากก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง


    You left with no warning and took the summer from my life
    I gave you my everything, now my world it don't seem right


    เวลาสี่ทุ่มสิบห้า ช่วงขายาวพอดีตัวของนักร้องวัยสี่สิบปีก็ก้าวเข้าไปในสถานบันเทิงที่เขาเป็นหุ้นส่วนและนักร้องด้วย กะของเขาเริ่มตอนสี่ทุ่มครึ่ง จิรากรจึงถือโอกาสเข้าไปทักทายรุ่นน้องคนสนิทที่ถือหุ้นของร้านร่วมกัน

    “โอ๊ต วันนี้เป็นไงบ้างวะ” จิรากรวางมือลงบนแผ่นหินอ่อนขัดเงา เท้าคางมองคู่สนทนาที่ยืนเช็ดแก้วไวน์อยู่หลังเคาน์เตอร์ บาร์เทนเดอร์เป็นงานอดิเรกที่รุ่นน้องของเขาชอบและถนัด หลายครั้งจึงได้เห็นเจ้าหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้แย่งงานเด็กในร้านทำ

    “โห น้า มาสายขนาดนี้ทำไมไม่เข้าร้านเที่ยงคืนไปเลยล่ะครับ?” รุ่นน้องหน้าทะเล้นยักไหล่ไม่ตอบคำถามแต่เปลี่ยนเรื่องมาเหน็บแนมเขาแทน

    “อย่ากวนตีนกูครับคุณปราโมทย์” จิรากรยักคิ้วดกหนาขึ้นข้างหนึ่งแล้วหยิบก้อนทิชชู่ที่อยู่แถวนั้นปาใส่ไอ้คนปากหมาโทษฐานกวนบาทา

    “เหี้ยยย สกปรก เล่นเชี่ยไรเนี่ยไอ้น้า เชอร์รี่ครับ เรียกคนหลังร้านมาเก็บโต๊ะหน่อย ด่วนๆเลยนะ ก่อนไอ้น้าจะเอาขวดเหล้าปาใส่หน้าพี่” นอกจากไม่กลัวแล้วยังออกโอเวอร์แอคติ้งปานจะขาดใจใส่น้องพนักงานหญิงที่เดินผ่านมาแถวนั้นเสียอีก

    จิรากรมองท่าทางดี๊ด๊าของอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้ เมียก็มีเป็นตัวเป็นตน เดี๋ยวกูฟ้องซะเลยดีไหม 

    “พอเลยมึง ขอวิสกี้ออนเดอะรอคแก้ว”

    ร่างสันทัดทรุดตัวลงนั่งบนสตูลบุหนังสีดำสนิท สั่งเครื่องดื่มประจำกับบาร์เทนเดอร์ตัวดีแล้วหันหน้าออกไปสังเกตบรรยากาศในร้าน

    เพลง remix edm ถูกเปิดโดยดีเจมืออาชีพที่ถูกจ้างมา เพื่อให้หนุ่มสาวได้เต้นไปกับทำนองเร้าใจ แสงไฟเขียวม่วงสาดส่องไปมาเสริมให้บรรยากาศคึกคักสนุกสนาน

    แต่กลับไม่ได้ทำให้จิรากรรู้สึกดีขึ้นเลย ในเมื่อสมองของเขากลับไปนึกถึงแต่ช่วงเวลาที่ได้ใช้นิ้วมือเกลี่ยแก้มใสของใครบางคนในเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ ตอนที่พวกเขานอนเอกเขนกบนโซฟาสีครีมตัวโปรดหน้าทีวี กลิ่นผลไม้อ่อนๆจากสบู่ที่ติดอยู่บนผิวกายของใครคนนั้นยังฝังแน่นในความทรงจำ เพราะเขาชอบไล้ปลายจมูกไปตามผิวสีน้ำนมของอีกฝ่าย เสียงหัวเราะหวานแปร่งที่หลุดออกมาเมื่อเขาแกล้งไซร้พุงนุ่มนิ่มเบาๆ และมือขาวที่ตีกระทบบนไหล่ตอนประท้วงให้หยุดเล่นได้แล้ว

    คิดถึงมากขนาดนี้เลยนะ..


    Can we just go back to being us again?


    “น้า มึงเลิกเหม่อได้แล้ว จะหงอยไปไหน นี่ก็จะครึ่งปีแล้วนา..” เสียงเรียกของปราโมทย์ดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าตัวเลื่อนแก้วควอตซ์ใสทรงเตี้ยที่บรรจุของเหลวสีอำพันมาไว้ตรงหน้า น้ำแข็งก้อนกลมถูกใส่ไว้เพียงหนึ่งก้อน เพื่อให้ได้อุณหภูมิที่พอเหมาะและไม่ทำลายรสชาติของวิสกี้ไป

    “ขี้บ่นจังวะ แม่กูก็ไม่ใช่นะมึงอ่ะ” จิรากรหยิบแก้วใสขึ้นมาจิบ ไม่ได้ใส่ใจความห่วงใยของอีกฝ่ายมากนัก ก่อนจะหันกลับไปทอดสายตามองกลุ่มคนใต้แสงสีอีกครั้ง

    คนถูกว่าได้แต่จ้องเขม็ง ครั้นจะตอบโต้ก็สังเกตเห็นท่าทางซึมๆของรุ่นพี่คนสนิทซะก่อน จึงได้แต่ถอนหายใจแล้วหันไปรับออร์เดอร์จากลูกค้าคนอื่นแทน

    ‘ทอมว่าเราอย่าเจอกันอีกเลยพี่เอ๊ะ’


    Cause when I'm sitting in the bar
    All the lovers with umbrellas always pass me by
    It's like I'm living in the dark
    And my heart's turned cold since you left my life


    เสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นของกลุ่มคนดังขึ้นตอนที่เขาก้าวขาขึ้นไปบนเวที นักร้องหนุ่มใหญ่ส่งยิ้มพราวสเน่ห์แจกจ่ายไปทั่ว เรียกเสียงกรีดร้องจากลูกค้าสาวๆได้ไม่ยาก

    “สวัสดีครับทุกท่าน ผมแบล็คโครว์ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ”

    เสียงนุ่มทุ้มปนแหบถูกกล่าวขึ้น จิรากรส่งยิ้มอีกครั้งและโค้งหัวลงเล็กน้อย เขาเปลี่ยนเครื่องแต่งกายจากเสื้อยืดเข้ารูปสีดำและกางเกงยีนส์ มาเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบกริบ ไทผ้าไหมสีขาวมุกและเข็มกลัดปกเสื้อรูปลูกศรสีทอง ท่อนล่างเป็นกางเกงสแลคสีดำและรองเท้าหนังขัดเงา สวมเสื้อคลุมขนนกสีดำความยาวถึงช่วงเอวทับไว้อีกที

    นอกจากนี้เขายังสวมหน้ากากแบบครึ่งหน้าที่ทำจากขนนกสีดำเช่นเดียวกัน มีจงอยปากสีดำสนิทยื่นออกมาดูราวกับนกอีกา ทำให้ทุกคนเรียกเขาว่าแบล็คโครว์ นักร้องปริศนาของร้านที่จะมาปรากฎตัวทุกคืนวันพฤหัสบดีที่สามของเดือน ในช่วงเวลาเดิมทุกครั้ง

    แบล็คโครว์หรืออีกาดำ เป็นหน้ากากที่จิรากรสวมมาตลอดตั้งแต่เขาเริ่มทำงานนักร้อง เนื่องด้วยเหตุผลบางประการทำให้เขาตัดสินใจที่จะใส่เอาไว้ ในช่วงแรกมันเป็นเพียงการแสดง เขาได้ทำในสิ่งที่รัก ลูกค้าได้ความพึงพอใจ เท่านั้นก็เพียงพอ แต่ตอนนี้ที่ถึงแม้เขาจะมีเวลาให้น้อยลง แต่มันก็ยังเป็นงานที่เขารักและทุ่มเทไม่ต่างจากบทบาทหน้าที่อื่นๆเลย

    แน่นอนว่าตัวตนของอีกาดำคนนี้ถูกปิดเป็นความลับที่รู้กันเฉพาะคนในเท่านั้น และไม่ได้รับอนุญาตให้แพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ถือเป็นหนึ่งในกฎเหล็กของร้านที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม จิรากรเป็นคนที่หวงความเป็นส่วนตัวมากพอสมควร ซึ่งทุกคนก็เข้าใจและยอมรับเป็นอย่างดี

    เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นปริศนา เป็นความลับให้ค้นหา รวมทั้งความสามารถที่โดดเด่นทำให้ผู้คนสนใจและทำให้ชื่อของอีกาดำเริ่มโด่งดังขึ้นมา ตัวตนที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นมาใหม่นั้นก็ชัดเจนมากขึ้นด้วยตามลำดับ

    ด้านหนึ่งเขาคือจิรากร นักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงที่กำลังเป็นที่จับตา ส่วนอีกด้านเขาคือแบล็คโครว์ ศิลปินลึกลับที่ชอบแฝงตนในความมืดยามราตรี

    แนวเพลงที่เขาเลือกใช้นั้นมีความหลากหลาย บางครั้งแปลกแหวกแนวแต่กลับไพเราะจนน่าประหลาดใจ เนื่องด้วยเนื้อเสียงนุ่มลึกปนแหบที่ใช้นั้นหนักแน่นและพริ้วไหวได้อย่างน่าฟัง รวมทั้งท่วงท่าการขยับกายที่ดุดันและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ทุกคนต่างกล่าวถึง

    ตลอดเวลาร่วมชั่วโมงที่ขึ้นแสดงในวันนี้ ร่างสันทัดเอื้อนเอ่ยเสียงทรงพลังผ่านบทเพลงที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี รวมทั้งเพลงที่ถูกร้องขอมาเป็นพิเศษ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้คนที่ตั้งใจเข้ามาชมอยู่ไม่น้อยแต่ถึงกระนั้นกลับเป็นตัวเขาเองที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย แม้กระทั่งเวลาที่ได้ทำงานที่รักมากอยู่ก็ตาม

    ‘พี่เอ๊ะ เคยได้ยินชื่อแบล็คโครว์ไหม?’

    ‘....ไม่นี่ ใครเหรอทอม’

    ‘เขาเป็นแรงบัลดาลใจให้ทอมร้องเพลงล่ะ’

    ‘อยากให้พี่ได้ฟังเสียงเขาจริงๆสักครั้งจัง ทอมเคยคิดว่าสักวันจะไปยืนอยู่ในที่ทัดเทียมกับเขาให้ได้เลย ...แต่ก็แค่ฝันอ่ะนะพี่’



    And no matter where I go
    Girl, I know if I'm alone, there'll be no blue sky
    I don't know what I'm doing wrong


    ////(กดฟังเพลงประกอบกันได้ค่ะ)////


    “เอาล่ะครับทุกท่าน มาถึงช่วงเวลาของเพลงสุดท้ายสำหรับคืนนี้กันแล้ว” กล่าวจบพร้อมกับยกยิ้มบางๆส่งให้ผู้ชมตามแบบที่อีกาผู้ลึกลับชอบทำ

    ร่างสันทัดในเสื้อคลุมสีทมิฬยกมือขึ้นพับแขนเสื้อเชิ้ตของตนขึ้นมาถึงข้อศอก โชว์ลำแขนที่มีกล้ามเนื้อสวยงาม เมื่อพับเสร็จทั้งสองข้างแล้วเขาจึงค่อยยกมือคลายปมไทสีขาวมุกออกและปลดผ้าคลุมลงพาดกับเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆ 

    “เป็นเพลงที่จังหวะสนุกสนานทีเดียว แต่ความหมายนี่ตรงกันข้ามเลย” เรียกเสียงขำเบาๆจากผู้ชมด้านล่างเล็กน้อย ทุกคนเริ่มหันมาให้ความสนใจที่ร่างสีดำสนิทที่ยื่นอยู่กลางเวที ว่ากันว่าเพลงสุดท้ายของอีกาดำเป็นเพลงที่น่าประทับใจมากที่สุดในการแสดงทุกครั้งอย่างมีนัยยะสำคัญ ราวกับเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาผ่านบทเพลงนั้นๆอย่างแท้จริง

    “ผมอยากมอบให้ทุกคน ที่ยังลืมใครบางคนในใจไม่ได้เสียที ต่อให้พยายามมากแค่ไหนแล้วก็ตาม มาร่วมเสียใจด้วยกัน แล้วภาวนาให้ความเจ็บปวดนี้หายไปเสียทีนะครับ”

    ‘พี่เอ๊ะ…. ทำไมไม่บอก?’

    ‘ทอม พี่ขอโทษ’

    ‘สนุกมากมั้ยพี่?’

    ‘...’

    ‘เห็นความฝันของคนอื่นเป็นเรื่องตลกเหรอ’

    ‘ทอม พี่ไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะ’

    ‘พอเถอะพี่ นี่มันก็หลายปีแล้วนะ โอกาสของพี่มันมีมากมายจนนับไม่ถ้วนเลย’

    ‘...’

    ‘ทอมว่าเราอย่าเจอกันอีกเลยพี่เอ๊ะ’



    "Woke up this morning, can't shake the thunder from last night
    You left with no warning and took the summer from my life

    ลืมตาตื่มขึ้นมาเช้านี้ เพื่อพบว่ายังลืมเรื่องร้ายๆเมื่อคืนไม่ได้
    คุณลาจากโดยไม่บอกกล่าว พาเอาความสุขในชีวิตผมไป

    I gave you my everything, now my world it don't seem right
    Can we just go back to being us again?

    ผมให้คุณไปแล้วทุกสิ่ง ยามนี้โลกของผมมันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
    เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้หรือ?

    'Cause when I'm sitting in the bar
    All the lovers with umbrellas always pass me by

    เพราะตอนที่นั่งเศร้าโศกอยู่ที่บาร์
    คู่รักที่มีความสุขก็พากันเดินผ่านไป

    It's like I'm living in the dark
    And my heart's turned cold since you left my life

    เหมือนอยู่ท่ามกลางความมืดมน
    ราวกับหัวใจหยุดเต้นตั้งแต่ตอนที่ไม่มีคุณในชีวิต

    And no matter where I go
    Girl, I know if I'm alone, there'll be no blue sky

    และไม่ว่าจะไปที่ไหน
    ผมก็รู้ ว่าหากขาดคุณ คงไม่มีท้องฟ้าที่สดใส

    I don't know what I'm doing wrong
    ผมไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิดไป

    'Cause baby, when you're gone
    All it does is rain, rain, rain down on me

    เพราะที่รัก เมื่อคุณจากไป สิ่งเดียวที่เกิดขึ้นคือสายฝนโปรยปราย

    Each drop is pain, pain, pain when you leave
    It's such a shame we fucked it up, you and me

    ทุกหยาดหยดมันเจ็บปวด เจ็บปวดเพราะคุณจากลา
    น่าเสียดายที่เราทำทุกสิ่งพัง ผมกับคุณ

    'Cause baby, when you're gone
    All it does is rain"

    ที่รัก ตั้งแต่คุณจากไป ฝนก็ไม่หยุดตกอีกเลย


    หน้ากากอีกาดำเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งหลังโค้งศีรษะรับเสียงปรบมือเกรียวกราวจากผู้ชม เขาส่งยิ้มน้อยๆออกมา ดวงตาคมกวาดไปทั่วบริเวณก่อนจะเห็นแผ่นหลังคุ้นตาที่เดินหายไปอย่างว่องไว ทำเอารู้สึกแน่นในหน้าอกแปลกๆ

    ‘ทอมชอบเสียงของเขามากเลย คุณอีกาดำน่ะ’

    “ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ สำหรับคืนนี้ขอให้เดินทางกลับกันอย่างปลอดภัย หวังว่าคราวหน้าเราจะได้พบกันอีกนะครับ” จิรากรบอกลาผู้ชมทุกคนของเขาก่อนจะเดินหายไปที่ห้องพักศิลปินด้านหลังเวที เขาถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกแล้วกลับใส่ไปชุดเดิม วักน้ำล้างหน้าล้างตาลวกๆ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถมาถือไว้แล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

    “ไอ้โอ๊ต .. เขามาเหรอ?” จิรากรวิ่งกลับมาที่บาร์เพื่อมาถามคำถามที่คาใจกับรุ่นน้องซึ่งกำลังล้างเก็บเครื่องแก้วอยู่หลังเคาน์เตอร์เช่นเดิม

    “ใช่พี่ มาตั้งแต่เริ่ม นั่งโต๊ะในสุด เอาแต่มองพี่ไม่แตะเหล้าที่สั่งไปเลย” ปราโมทย์รู้ดีว่าพี่ชายของเขาจะต้องมาถามเรื่องนี้กับตนจึงเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้าก่อน

    “เหรอ ขอบใจนะ” จิรากรกล่าวรับคำสั้นๆ รีบวิ่งออกจากร้านไปด้วยหวังว่าจะตามอีกฝ่ายทัน แต่กลับต้องผิดหวัง เพราะรถฟอร์ดสีขาวที่อีกคนใช้นั้นเลี้ยวออกไปเมื่อเขาออกมาด้านนอกพอดี


    Can we just go back to being us again?


    จิรากรพรูลมหายใจออกมาเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองเสาไฟสีส้มริมถนน กระพริบตาถี่ไล่ความรู้สึกร้อนผ่าวที่หัวตาให้หายไป

    จะร้องไห้อีกแล้วเหรอไอ้เอ๊ะ มึงเลิกอ่อนแอแบบนี้ได้หรือยังวะ?

    ต่อให้พยายามคว้ากลับมาเท่าไหร่ น้องคงไม่กลับมาอยู่ดี คำอธิบายยืดยาวแค่ไหน คงไม่ทำให้อีกฝ่ายยอมรับฟัง ผิดที่เขาเอง ผิดเองที่ขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะบอกความจริง กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวแม้กระทั่งน้องจะเปลี่ยนไป

    เพราะไม่อยากจะเสี่ยงเสียใครไปอีกแล้ว

    แต่สุดท้ายความลับนั้นไม่มีอยู่จริงในโลก และคนที่โกหกก็ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้

    ต่อให้จะทรมาณแค่ไหนก็ตาม…


    -Fin-




    or To Be Continued?


           สวัสดีค่ะ ;) คุยกันท้ายเรื่องนิดหน่อยดีกว่า ชาผสมกาแฟเรื่องนี้ ความตั้งใจเดิมของเรามาจากอารมณ์อยากเขียน SongFic มากๆ จนได้มาพบเพลง Rain ของ The Script ค่ะ กลายเป็นว่าตอนนี้ก็ชอบทุกเพลงของวงนี้ไปแล้ว 
           เนื้อเรื่อง... กลัวจะไม่ชอบใจกันจังเลย เพราะเราเองก็ยังไม่ค่อยชอบแฮะ (...) รวมถึงการบรรยายที่ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ;-; อย่างไรก็ตาม สามารถติชมกันมาได้ทาง Twitter @navneztr เลย หรือจะมาทักทายกันเฉยๆก็ได้นะคะ  
           ตั้งใจไว้ว่าจะมีตอนต่อ เพราะความจริงแล้วมันควรจะเป็น Oneshot ด้วยซ้ำแต่เราตัดจบตรงนี้  เพราะอยากใส่รายละเอียดยิบย่อยเพิ่มเติม ยังไงก็อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้อ 
           ปล. ปุจฉา เห็นความพยายาม tie-in ของเราในเรื่องมั้ยคะ 55555 อย่าลืมไปฟังเพลงใหม่ของน้า ปาใส่หน้า เพลงเพราะๆ ของนักร้องสูง 180 กันนะคะ ฮรี่ 

    เจอกันใหม่ตอนหน้า(ถ้ามี) ค่ะ บายยยย 


    :  ขอบคุณภาพประกอบสวยๆ จาก pinterest ค่ะ :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in