ต้องออกตัวก่อนว่าการเดินทางยังถือว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับชีวิตผมโดยเฉพาะการเดินทางคนเดียว เพราะผมก็เพิ่งเริ่มต้นเดินทางจริงจังเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง ชีวิตก่อนหน้านั้นผมไม่ใช่คนชอบเที่ยว จนกระทั่งเห็นรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว สิ่งที่เธอได้รับทั้งมิตรภาพระหว่างทางและคนในพื้นที่ ได้สัมผัสในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วๆไปไม่มีวันรู้จัก
และด้วยอายุวัยของผมที่ครบ 30 ปีแล้วแต่ยังไม่ได้ออกเดินทางไปไหนจริงๆจังๆเสียที อาจเพราะความขี้เกียจและความกลัวไปเสียทุกอย่าง นั่นเป็นจุดเล็กๆในใจผมที่ทำให้เริ่มต้นเดินทาง
ฉะนั้นการเดินทางที่ประทับใจจนอยากมาเล่าต่อนั้น แท้จริงแล้วมันก็แทบจะทุกครั้ง เพราะมันมีเหตุการณ์และลักษณะเฉพาะของแต่ละครั้งที่เดินทาง แต่ผมก็ตะขิดตะขวงใจตรงที่ว่าจะมีใครอยากอ่านมันด้วยหรือถ้าเขียนเล่าไปเรื่อยๆ เปื่อยๆ
แต่ถ้าจะให้เลือก ผมขอเป็นการเดินทางไปร่วมค่ายสามค่ายที่ต่างประเทศ มันเป็นการเดินทางเพียงลำพังครั้งที่สองของชีวิต จุดหมายคือสถานที่ที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของผมแม้แต่น้อย คงเพราะมันไม่ได้เป็นสถานที่ยอดนิยม และถึงแม้ว่าผมอยากไปจริงๆ ก็คงแพงเกินกว่าผมจะจ่ายไหว
จุดเริ่มต้นมันคือวันว่างๆวันหนึ่ง ผมเปิดเว็บไซต์ค้นหางานอาสาสมัครที่ตรงใจเพื่อเข้าร่วมทำกิจกรรม แล้วผมก็เจอรายละเอียดการเข้าร่วมค่าย ‘ถ่ายภาพที่ไอซ์แลนด์’ หัวใจผมเต้นแรงทันทีเหมือนตอนดูหนังสยองขวัญแล้วผีเพิ่งโผล่ออกมาให้ตกใจ
ผมอยากไป ผมอยากถ่ายภาพในต่างประเทศ ผมรู้แค่นี้
ผมเริ่มดำเนินการสมัครแล้วปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของสมาคมจิตอาสาและได้รับคำแนะนำว่า เสียเงินค่าตั๋วทั้งที น่าจะเข้าร่วมอีกสักค่ายสองค่าย จนในที่สุดผมได้ไปร่วมอีกสองค่าย เป็นคนเตรียมอาหารสำหรับเด็กในค่ายสอนภาษาที่สวิตเซอร์แลนด์และไปช่วยสร้างสนามเด็กเล่นเพื่อบำบัดเด็กที่มีปัญหากลางป่าที่เยอรมนี ช่วงเวลาระหว่างค่าย ผมได้เหยียบหาดสีดำและธารน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์ แวะเที่ยวปารีสหนึ่งสัปดาห์โดยพักโฮสเทลซึ่งมีแต่ชาวเกาหลีเท่านั้นที่พักได้ แต่เพราะผมอาศัยติดสอยห้อยตามเพื่อนเกาหลีจากค่ายไอซ์แลนด์ไปจึงสื่อสารกันจนได้ที่พัก จากนั้นก็ได้รับน้ำใจจากเพื่อนในค่ายที่สวิตเซอร์แลนด์ให้ไปพักที่บ้านและยังช่วยเป็นไกด์นำเที่ยวระหว่างหนึ่งสัปดาห์ที่ผมพักอยู่ด้วย
ทั้งหมดเป็นช่วงเวลาประมาณสองเดือนในชีวิตที่ผมไม่เคยจินตนาการว่าจะได้สัมผัสมันมาก่อนเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in