เอาล่ะ หลังจากห่างหายไปนาน
ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าติดค้างการมาเขียนเรื่องนี้ต่อ
สารภาพตามตรงว่าลืมไปแล้วว่าสิ่งที่ต้องการจะสื่อในตอนเขียนเรื่องนี้คืออะไร
ดังนั้น ก็จะเริ่มคิดและเขียนใหม่ตอนนี้เลย โพสต์นี้ก็น่าจะยาวหน่อยนะ
โดยรวมแล้วนี่อาจจะเป็นนิทานที่เหมือนนิทานทั่ว ๆ ไปไม่ได้มีความพิเศษอะไร
แต่จะลองเจาะประเด็นเท่าที่นึกออกให้ดู
1.เรื่องที่อยากจะสื่อก็คือเจ้าหญิงในจินตนาการที่เราทุกคนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ จะเป็นเจ้าหญิงที่มีรูปโฉมงดงาม ซึ่งบางเรื่องก็บรรยายถึงขนาดว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในอาณาจักร
ซึ่งเรื่องนี้ผิดเต็ม ๆ
แน่นอนว่าเจ้าหญิงที่งดงามต้องมีแน่ แต่ไม่ใช่เจ้าหญิงทุกคน
แต่ถ้าเจ้าหญิงไม่งดงาม ไม่ได้สวยเลิศเลอ
แล้วมันจะทำไมล่ะ?
ในเมื่อรู้ว่าตนเองมีฐานะเป็นเจ้าหญิง ก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ร่ำเรียนหนังสือให้มีความรู้ มีสติปัญญา มีเหตุผล
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ จิตใจที่ดีที่เจ้าหญิงมี ทำให้พระองค์เป็นที่รักของผู้คนมากมาย
แล้วเจ้าหญิงที่เป็นแบบนี้
จะมีใครกล้าปฎิเสธมั้ยว่าเจ้าหญิงไม่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าหญิง เพราะไม่ได้มีรูปโฉมงดงามที่สุดในอาณาจักร
ซึ่งสำหรับเรา เราว่าไม่เลย
*ขอแทรกนอกเรื่องนิดนึง เมื่อไม่นานมานี้มีเพื่อนสอนเราว่า ผู้หญิงจะสวย หรือไม่สวย สิ่งสำคัญคือความรู้สึกจากภายใน อินเนอร์ที่อยู่ข้างใน ถ้าเรามั่นว่าเราสวย ต่อให้เป็นยังไงเราก็จะสวย และคนอื่นก็จะมองว่าเราสวย เหมือนเราจะมีความเปล่งประกายออกมาจากข้างใน ซึ่งเราก็รู้สึกว่าเออ มันก็จริง ถึงตอนนี้เราจะขาดความมั่นใจอยู่มาก แต่เราเชื่อว่าในอนาคตเราต้องทำได้แน่ ขอบคุณเพื่อนมาก ๆ สำหรับคำแนะนำ
อ่ะ กลับเข้าเรื่อง
2.พระราชาถูกลอบปลงพระชนม์ การที่พระราชินีสั่งให้องค์รักพาเจ้าหญิงซึ่งเป็นคนเดียวที่มีสิทธิในการสืบทอดราชบัลลังก์หนีไปก็คือพล็อตเรื่องธรรมดาทั่วไป
แต่สิ่งที่เราคิดว่าพิเศษคือ การที่ต้องพรากจากคนที่รักแบบไม่ทันตั้งตัว แต่เจ้าหญิงก็อดทนต่อความโศกเศร้าเสียใจ และยังคงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด คือรักษาชีวิตที่พระองค์รู้ว่ามีค่าแค่ไหนเอาไว้
ที่เรามองว่ามันพิเศษ เพราะมันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราจริง ๆ และตอนนั้นเราไม่เข้มแข็งพอที่จะทำแบบเจ้าหญิงได้
3.ตามพล็อตเรื่องทั่วไปเหมือนเดิม ในที่สุดเจ้าหญิงก็ตกหลุมรักองครักษ์
แต่สิ่งที่แตกต่างคือ เจ้าหญิงตัดสินใจที่จะสารภาพความในใจออกไป และองครักษ์ที่ควรจะมีใจให้เจ้าหญิง และต่างฝ่ายต่างแอบรักกันอยู่เงียบ ๆ เพราะองครักษ์รู้ดีว่าตนเองมีฐานะต่ำต้อย
กลับเลือกที่จะปฏิเสธเจ้าหญิงอย่างตรงไปตรงมาด้วยเหตุผลที่สำคัญที่สุดและจริงใจที่สุด
คือเขาไม่ได้รักเจ้าหญิง เหมือนที่เจ้าหญิงรักเขา
เขาเลือกที่จะซื่อสัตย์ต่อตนเอง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง
แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองต่อไป
4.แม้จะเจ็บปวดเหมือนหัวใจแทบแตกสลาย
แต่เจ้าหญิงก็ยังเลือกที่จะอดทน และซ่อนความเจ็บปวดนี้เอาไว้เพื่อดำเนินชีวิตตามปกติต่อไป
เพื่อให้องครักษ์ได้ทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด และรักษาชีวิตของพระองค์เอาไว้
5.เมื่อองครักษ์ได้รับข่าวว่าจับคนร้ายได้แล้วและให้พาเจ้าหญิงกลับคืนสู่พระราชวัง
ด้วยความรอบคอบ เขาจึงเลือกที่จะพาตัวเจ้าหญิงไปซ่อนไว้ก่อนและออกไปสำรวจข่าวคราวคนเดียว
โดยทิ้งไว้เพียงแค่คำสัญญาว่าจะกลับมารับพระองค์
แม้จะไม่ได้มีใจรัก แต่องครักษ์ก็ได้พยายามทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุด
กระทั่งตราบลมหายใจสุดท้าย
ในที่สุดก็มาถึงครึ่งทางแล้ว
ดังนั้นจะขออนุญาตลงต่อในหน้าต่อไป
- มีต่อ -
โอเค นี่คือเรื่องต่อจากโพสต์ที่แล้ว
เพื่อไม่ให้เสียเวลาและยาวเกินไป
มาต่อกันเลย
6.ในที่สุด เจ้าหญิงที่รออยู่เฉย ๆ ต่อไปไม่ไหวก็ตัดสินใจเข้าเมืองเพื่อสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
และลึก ๆ ก็อาจจะเพื่อตามหาเจ้าของหัวใจของพระองค์ที่ได้หายไปด้วยความเป็นห่วง
ความจริงที่ค้นพบช่างน่าเจ็บปวด เมื่อรู้ว่าในวันที่พระองค์ต้องหนีออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด กลับมีอีกชีวิตที่รักพระองค์มากที่สุดได้สูญเสียไป
มีประกาศจับเจ้าหญิงและองครักษ์ ซึ่งองครักษ์สามารถนำตัวพระองค์ไปส่งเพื่อรับรางวัล และความดีความชอบได้อย่างง่ายดาย
ประเด็นนี้ที่จะสื่อก็เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าองครักษ์จะไม่ได้มีใจรักให้เจ้าหญิง
แต่ภาระหน้าที่ที่อยู่บนบ่า คือสิ่งที่สำคัญกว่าในชีวิตของเขา
หน้าที่ของเขาคือ รักษาชีวิตของคนที่สำคัญที่สุดเอาไว้
และเขาจะยังคงทำมันต่อไปจนกว่าหน้าที่นี้จะลุล่วง
7.ในที่สุดเจ้าหญิงก็ได้รู้ความจริงแล้วว่า
ด้วยภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ องครักษ์เลือกที่จะเอาชีวิตตนเข้าแลกเพื่อปกป้องชีวิตของเจ้าหญิงเอาไว้
เพื่อปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เป็นครั้งสุดท้าย
8.เจ้าหญิงที่รู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทั้งคนที่รักพระองค์ คนที่พระองค์รัก สถานที่ที่เรียกว่าบ้าน ฐานันดรที่จำเป็นต้องรักษาไว้
ชีวิตที่ไม่ต้องสืบทอดราชบัลลังก์ก็ไม่มีประโยชน์และไม่จำเป็นอีกต่อไป
ไม่ว่าภูเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็อาจจะมีวันที่ถล่มทลายลงมาได้
ไม่ว่าเจ้าหญิงจะเข้มแข็งและอดทนมากแค่ไหน
แต่เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และความจริงทั้งหมดที่ได้รับรู้
ก็บดขยี้หัวใจของพระองค์ให้แหลกสลายลงได้อย่างง่ายดาย
9.ในที่สุด เจ้าหญิงก็ตัดสินใจเลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองลง
เพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดและจบทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่มีเรื่องให้คิดและไม่มีวันรุ่งขึ้นที่ต้องตื่นมาดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะมองว่าการ suicide หรือสิ่งที่เจ้าหญิงทำเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
แต่เชื่อเถอะว่าคนที่เจ็บปวดจนแตกสลาย
เขาสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย
และส่วนตัวเราก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด และถ้าสมมติว่าเราอยู่ข้าง ๆ เจ้าหญิงในตอนนั้น เราก็คงยืนมองเฉย ๆโดยไม่ห้าม หรือคัดค้านอะไร
เผลอ ๆ เราอาจจะเป็นคนที่ยื่นมีดให้เจ้าหญิงด้วยซ้ำ
และเราก็มาถึงข้อสุดท้าย เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ ที่อยากฝากทิ้งเอาไว้
10.แม้ว่าเจ้าหญิงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง
แต่สิ่งที่พระองค์ทำ คือการกลับไปที่หอคอยอีกครั้ง
ด้วยหัวใจที่แหลกสลายแต่ยังคงเต็มไปด้วยความรัก
ด้วยภาระหน้าที่ที่พระราชินีได้มอบหมายไว้เป็นครั้งสุดท้าย
ด้วยความหวังที่รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง
แต่พระองค์ก็เลือกที่จะเชื่อและรอคอย
ว่าในซักวันหนึ่งองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์จะกลับมารับพระองค์ตามสัญญาที่ให้ไว้
เพื่อให้พระองค์ได้หวนคือสู่บัลลังก์อีกครั้ง ตามที่มันควรจะเป็น
แม้จะเป็นการรอคอยด้วยร่างที่ไร้ลมหายใจก็ตาม
และเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงแต่เพียงเท่านี้
พบกันใหม่ในโพสต์หน้าฝากติดตามต่อด้วยนะคะว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบ
อยากจะบอกให้รู้ไว้ว่า แค่มีคนอ่านโพสต์ของเรามันก็เป็นกำลังใจให้นัก(หัด)เขียนอย่างเรามากแล้วจริง ๆ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
- จบ -
By Pangnap : 19.05.2023
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in