เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
From Cern(เจิ้น) to CernYanisa Sunthornyotin
Day35: ยูนิคอร์นอยากไปไหนต้องได้ไป
  • 7กรกฎาคม

    มิ่งไม่คิดมาก่อนว่าสวิสเซอร์แลนด์จะร้อนได้ขนาดนี้
    เมื่อคืนคืออากาศร้อนมากค่ะ​ สำหรับLocarno
    เหงื่อท่วมตัวเลย​
    ยิ่งกว่่าตอนที่นอนที่โรงแรมCernอีก​ ตื่นมาเลยรีบไปอาบน้ำเย็นอย่างไว​ จู่ๆก็คิดถึงอากาศเย็นขึ้นซะงั้นค่ะ

    วันนี้โปรแกรมไม่หนักมาก(ตอนแรกวางไว้แบบนั้นนะ555)​ ตื่นเช้ามากินบุฟเฟ่ห์อาหารเช้าของโรงแรมตอน7โมง​ รอcheckout​ตอน8โมง​ ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปเที่ยวในLocarnoกัน

    ตอนแรกวันนี้มิ่งว่าจะไปLuganoค่ะ​ แต่ว่ากลัวจะกระชั้นชิดไปสำหรับการไปกลับอย่างละชั่วโมง​ เราต้องกลับเจนีวารอบเที่ยง​ ไม่งั้นเราจะไปถึงโรงแรมดึกเกินไป(ตอนแรกก็คิดงั้นนะ555)​ เลยจัดLuganoไปตั้งแต่เมื่อวานอย่างที่ทุกท่านทราบจากตอนที่แล้ว

    วันนี้เลยได้มาเที่ยวแพลนที่ดั้งเดิมเคยเตรียมไว้สำหรับเมื่อวาน​ นั้นคือ​Madonna de​l​ sassoค่ะ​ เป็นโบสถ์บนเนินเขาของเมืองLocarno เราต้องนั่งรถรางไต่เขาขึ้นไป​ ใช้Swisspassลดราคาได้(วันนี้ใช้ได้เป็นวันสุดท้ายแล้ว​อิๆ)​ เหลือ5.4CHFไป-กลับค่ะ

    ตัวสถานีรถรางขึ้นเขาอยู่ไม่ไกลจากสถานีหลักของLocarnoมากนัก​ ถือว่าไปได้สะดวกมากค่ะ​ แต่! พอขึ้นไปถึงเราจะต้องเดินลงบันไดหลายขดอยู่นะคะ
    เน้นว่า
    -เดินลง-
    ในเมื่อมีคำว่าเดินลง​ มันก็ต้องมีคำว่า
    -เดินขึ้น-
    ... ใช่มั้ยล่ะคะ​ มันเป็นสัจธรรม
    อา​ พอจะนึกภาพตัวเองตอนขากลับได้เลย
    //ที่จริงเหมือนจะมีสถานีรถรางอยู่ตรงทางออกโบสถ์นะ​ แต่ไม่แน่ใจว่าเปิดช่วงเช้าที่มิ่งไปรึเปล่า​ เห็นแปะป้ายว่าเปิด9ครึ่งสำหรับบางเดือน ใครที่จะไปก็ลองศึกษาตรงนี้ดูนะ​ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดเหนื่อยอย่างเรา5555

    ตัวโบสถ์หากดูจากภายนอกแล้ว​ จะให้ความรู้สึกคล้ายกับปราสาทนอยชวานสไตน์ของเยอรมันในรูปแบบย่อส่วนรวบรัด​

    ภายในมีจัดแสดงรูปปั้นฉากสำคัญต่างๆในชีวประวัติของพระเยซู​ ทั้งฉากThe last supper และอีกมากมาย​ 

    พอเดินสำรวจภายในไปเรื่อยๆก็เจอจะมุมมหาชน​ สามารถเห็นวิวพานอราม่าของทะเลสาบMaggioreกับเมืองLocarnoได้​ งดงามไปอีกแบบค่ะ​ มีลมโกรกเย็นสบายมาก โชคดีที่ขึ้นไปตอนฟ้ายังเปิดอยู่​ เพราะหลังจากลงมาเดินเล่นริมทะเลสาบได้ไม่นาน​ ฝนก็ตก

    เราก็​ เออะ! ตกเช่นนี้คงเดินเล่นแถวในเมืองไม่สนุกหรอก​ กลับดีกว่า​
    Highlightเด็ดๆก็เก็บหมดแล้วสำหรับทริปนี้
    ทั้งLugano Ascona​ Locarno​ แล้วจะอยู่ต่อไปไย

    แหม​ แต่พอคิดอย่างนั้นก็แอบเสียดายที่อุตส่าห์รีบมาแต่คืนวันศุกร์​ ประจวบเหมาะกับที่คนทางบ้านส่งรูปZermattมายั่วค่ะ

    ที่จริงทริปZermattนี่มิ่งก็ยังลังเลอยู่ว่าจะจัดดีมั้ย​ เพราะว่าที่พักช่างหาได้ยากเย็น​ ทั้งยังแพงอีก​ แต่วิวของMatterhornที่สะท้อนกับน้ำมันก็ช่างงดงามเกินจะห้ามใจ
    ถ้าจัดทีนึง​ ต้องเปลืองมากแน่ๆทั้งค่าเดินทางที่ค่อนข้างไกลเอย​ ทั้งค่าที่พักเอย

    พ่อ: อยู่ระหว่างทางกลับพอดีเลยนะ

    ราวกับเสียงสวรรค์ส่งมา
    นี่แหละ! คำนี้ที่รอคอย
    นี่มันคือเสียงอนุญาติมารที่ร่ำร้องในใจมิ่งตั้งแต่แรกเริ่มที่จัดทริปLocarno

    โอ้​ Locarnoนี่มีZermattเป็นทางผ่านพอดีเลยนะ​ ขากลับเราแวะไปเลยดีมั้ยนะ

    เคยมีเสียงๆนี้ดังอยู่ตอนมิ่งจัดทริปLocarnoค่ะ​ แต่ก็จางหายไปเมื่อค้นพบว่า​ เวลาไม่น่าจะพอ

    แม่: พ่ออย่ายุ~ มันไปไม่ทัน​ เอาไว้ทริปหน้านะลูก

    .. มันได้สายไปแล้วค่ะ...
    ทุกอย่างมันเป็นใจให้แก่แผนการของมิ่งแล้ว

    แม้ว่านั้นจะทำให้เราถึงโรงแรมเกือบ5ทุ่มครึ่งก็ตาม​ ผิดกับแผนที่วางไว้เมื่อเช้าราวฟ้ากับเหว5555​ แต่ก็เอาเถอะ​ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของSwisspassแล้ว​ ใช้โควต้าให้คุ้มค่าจนถึงเที่ยงคืนกันไปเลย!

    เรามุ่งหน้าไปยังBrigเพื่อเปลี่ยนสายไปZermatt

    เอ.. มิ่งเคยเล่าไปรึยังนะคะ​ ว่ามันมีบางอย่างแปลกๆกับสถานีนี้​
    คือมันทำตัวเป็นเด็กวัยต่อต้านน่ะค่ะ​
    ในแอพบอกว่าเป็นอย่างไหน​ ของจริงหน้างาน​ที่สถานีนี้​ จะเปลี่ยนมันทุกอย่างเลยค่ะ

    คราวที่แล้ว​มีการเปลี่ยนชานชาลาเกิดขึ้นแบบไม่บอกล่วงหน้า​
    คราวนี้ยิ่งกว่าเปลี่ยนชานชาลาอีกค่ะ​ คือเปลี่ยนไปนั่งรถบัสเลย
    ว้าว...
    ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ตะโกนทักท้วงคนที่ไปรอที่ชานชาลา​ คงได้รอเก้อกันเป็นแถบแล้ว
    ดีที่พอเปลี่ยนกันมานั่งรถบัสแล้ว​ แม้จะออกเลท แต่รถไฟที่จะออกไปยังZermattที่เมืองVispก็ยังคงรอเราอยู่ราวกับมีการประสานงานกันแล้ว

    ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ​ กลายเป็นประสบการณ์น่าตื่นเต้นไปเลยสำหรับสถานีBrigแห่งนี้
    ..แต่ถ้าเป็นไปได้ก็เลี่ยงๆอย่ามาอีกก็ดีนะ​ เหอๆ

    นั่งรถไฟสายGlacier expressมา1ชม.​(ใช้Swisspassได้เช่นเคย)​เราก็ถึงเมืองZermattแล้วค่ะ​ ทีนี้ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งของสถานีเพื่อไปขึ้นรถไฟขึ้นเขา​ Gornergratค่ะ​ ไม่ได้ขึ้นMatterhornนะคะ​ เพราะอยากถ่ายรูปที่เห็นยอด​ ไม่ใช่ไปอยู่บนยอด​ ฮาาา

    สถานีที่เป็นจุดหมายของเราวันนี้คือRotenbodenค่ะ​ เป็นสถานีเกือบรองสุดท้ายก่อนถึงยอดพอดี​ ถ้าขึ้นตอนบ่ายแล้วแวะสถานีนี้สถานีเดียว​ จะได้ลดราคาด้วยล่ะค่ะ​ รู้สึกจะ50%นะคะอันนี้ไม่แน่ใจ

    ตอนที่ขึ้นไปใหม่ๆโชคดีที่ฟ้าเปิดพอดี​ เลยได้เห็นฟ้าสีฟ้าใส​ ชิงโอกาสนี้เก็บภาพมาทันที​
    Riffelseeคือชื่อของแอ่งน้ำกลางหุบเขาแห่งนี้ค่ะ​
    เราจะสามารถเห็นเงาสะท้อนของZermattบนผิวน้ำได้เลย​ แต่พอมีลม​ เงาสะท้อนนั้นก็จะอันตรธานหายไปทันที​ การมาเที่ยวที่นี่จึงขึ้นอยู่กับจังหวะและโชคมากๆค่ะ​ เพราะเมฆบางทีก็มาเป็นระยะๆเดาใจไม่ถูกกันเลยทีเดียว
    พูดถึง​เมฆ หลังจากเดินชิลๆมองดูวิวไม่นานเมฆก็เริ่มมาค่ะ

    การเก็บภาพที่Riffelseeแห่งนี้เรียกว่าทรหดไม่ต่างจากMadonna Del​ Sassoเมื่อเช้าเลยค่ะ​ การเดินทางไปกลับจากสถานีรถไฟคือการลงเนินชันและการปีนขึ้นเนินชัน
    ที่หลังนี่อาจจะสภาพแย่กว่าหน่อยเพราะใช้พลังงานไปแล้วกับเมื่อเช้า​ บวกกับยิ่งสูงก็ยิ่งO2น้อย​ กว่าจะปีนกลับมาที่สถานีได้นี่ก็เล่นเอาหอบแฮกไปเลยค่ะ

    อย่่างไรก็ตาม​ พอได้เจออากาศเย็นแล้วก็สดชื่นนนน​ ลืมความร้อนจากเมื่อคืนไปสิ้น

    เราลงรถไฟรอบ17.23กลับมายังพื้นดิน​ ซื้อข้าวเย็นกลับไปกินบนรถไฟพอเป็นพิธี​ หิ้วTobleroneที่ดูแล้วก็หาได้ทั่วไปในไทยกลับมาพอเป็นพิธีให้ได้ชื่อว่าซื้อจากZermattอันเป็นInstpirationบนกล่อง​ แล้วก็เข้าสู่การเดินทางอันยาวนานกลับไปGenevaค่ะ

    เฮ้อ

    ประหยัดงบไปได้หลายร้อยCHFอยู่สำหรับทริปนี้​ แต่ก็ถึกที่สุดเท่าที่เคยไปมาแล้วค่ะ5555










เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in