หากอยากเที่ยวให้เห็นภาพความยิ่งใหญ่ของพม่าในสมัยก่อนแนะนำให้มาพุกาม
นักท่องเที่ยวรอชมพระอาทิตย์ตกโดยมีฉากหน้าคือทะเลเจดีย์และฉากหลังคือพระอาทิตย์ยามเย็น
เมืองพุกามนี้มีเจดีย์น้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก เรารู้สึกตื่นเต้นมากๆกับเมืองนี้ด้วยความอินกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์บวกกับความชอบดูศิลปะต่างๆมันทำให้เราชอบ ชอบที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ของพม่าผ่านงานศิลปกรรม
การเดินทางมาพุกาม เราเดินทางจากมัณฑะเลย์มาพุกามโดยรถบัส เวลาโดยเฉลี่ย 4-5ชม. พูดเลยว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความทรมานกายและใจมากที่สุด
เราได้จองรถบัสผ่านโรงแรมและหมายเลขที่นั่งที่เราจองนั้นมันดันเป็นข้างหลังสุด!!! กระเป๋าเพื่อนร่วมทางชาวผมทองวางกระเป๋าเต็มทางเดิน กว่าจะเดินเข้าไปที่นั่งเราได้ พูดเลยว่ามีกรีดร้องในใจ แต่ก็เอาน่ะมองข้างทางเป็นแรงปลอบใจได้แต่บอกตัวเองว่าอีกนิดเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้ว แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น เส้นทางที่เป็นดินลูกรังบวกกับทางคดเคี้ยวไม่ง่ายเลยที่จะนั่งแบบสะดวกสบาย ในใจภาวนาให้เจอเส้นทางที่มีดินแดงเยอะๆสักที เพราะถ้าเราได้เจอดินแดงข้างทางปะปนกับเจดีย์ตามไรทางเมื่อไหร่แสดงว่าเรามาถถึงพุกามแล้วนั่นเอง
ที่นี่เราเดินทางกันแบบชิวๆนั่นคือเช่า E Bike ราคาถูกแสนถูก ประมาณ 180-200 ต่อวันโดย E Bike ที่เราเช่ามานั้นขับได้ทั้งวันทรหดอดทนมากถือว่าคุ้มกับราคา
ในวันแรกที่มาถึงเกือบเย็นแล้วจึงได้แค่เดินเซอร์เวย์หาร้านชา และร้านข้าว เรายังยืนยันคำเดิมว่า ถ้าเป็นชาพม่าต้องที่มัณฑะเลย์ แต่ที่นี่ก็มีสิ่งที่เป็น The best เหมือนกัน นั่นคือข้าวผัด ข้าวผัดทีี่เมืองนี้อร่อยมากกกกก ย้ำ ก ไก่ล้านตัว มันจะมีกลิ่นเหมือนเนยหอมๆ บวกกับผักหลายๆอย่างผัดคลุกเคล้ากันเป็นรสชาติทีี่ลงตัวมากๆ
ตื่นเช้าวันใหม่เริ่มต้นชิวๆ ไปตามแผนที่ ถามทางชาวบ้านบ้าง เจดีย์ที่สำคัญๆของที่นี่จะมีป้ายบอกทางอยู่เรื่อยๆ แต่พอเอาเข้าจริงมาตามป้ายนั่นแหละก็หลงได้ เที่ยวที่พุกามตอนช่วงนี้มีฝนตกลงมาประปรายบ้างเป็นเหตุทำให้เราได้แวะพักร้านชาข้างทางบ่อยๆ
เจย์ชดีเวซิกอง เรามาในช่วงที่เจดีย์หลายแห่งกำลังปรับปรุง เนื่องจากก่อนหน้านี้พม่าเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว
ระหว่างขับรถ เจอกับเจดีย์หลายแห่งมากๆ มากจนไม่สามารถที่จะแวะหมด
เจดีย์วิหารอนันดา วัดนี้เป็นวัดที่เราชอบมากที่สุด วัดสีขาวสว่างได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดความงามของสถาปัตยกรรมแบบพุกาม พอได้เห็นกับตามันอึ้งจนพูดได้แต่คำว่าโอ้วโหๆๆ ไปตลอดทาง
ตามวัดต่างๆก็จะมีคนพม่านั่งขายของฝากต่างๆ มีเกือบทุกที่
ทริปที่พุกามเราชอบมาก ชอบที่เดินทางกันแบบชิวๆ อยากแวะไหน อยากไปเจดีย์ไหน ซึบซับงานศิลปกรรมของพม่า เต็มอิ่มทั้งความน่ารักของผู้คนและความสวยงามของศิลปะ
จากพุกามเราเดินทางไปยังย่างกุ้งโดยรถบัสเหมือนเดิม(ไม่เข็ดใช่มั้ยย) โดยครั้งนี้เราซื้อตั๋วเป็นรถนอน รถออกประมาน 2-3 ทุ่มจำช่วงเวลาที่แน่ชัดไม่ได้แต่ก็เหมือนเดิมคือซื้อผ่านทางโรงแรม
รถนอนไม่แย่อย่างที่คิด รถนอนสบาย แอร์เย็นมีหมองรองคอและผ้าห่มให้ มีเหน็บกินหัวบ้างกินขาบ้าง
ตี 5.30 เราก็ถึงท่ารถในย่างกุ้ง พอถึงท่ารถ ไอ้เราก็งัวเงียๆเดินลงจากรถ ที่นี้ล่ะเป็นช่วงเวลาที่พีคมาก เพราะไม่ได้เตรียมแผนอะไรสำหรับย่างกุ้งเลย นอกจากมาเดินตลาดสก็อตและไปที่สนามบินเพื่อกลับ กทม. ดังนั้นพอไม่ได้มีการวางแผนพอลงจากรถ เราก็เลยมีท่าทางเอ๋อๆงงๆ สีหน้าท่าทางของเราจึงยั่วยวนให้คนย่างกุ้งเข้ามารุมล้อมนี่เป็นครั้งแรกที่ได้แต่สบถหยาบคายในใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มองหน้ากะเพื่อนรู้กันทันที "มึงเข้าร้านชาก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน"
จากการตั้งสติได้สักพักก็ตกลงว่าจะเหมารถแท้กซี่เพื่อตรงไปยังตลาดสก็อตเลย มีคนมาเสนอราคาค่ารถเราลองคำนวณก็ถือว่าราคาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยตัดสินใจไป
ที่พม่านี่เค้าเคี้ยวหมากถุยหมากเป็นเรื่องปกติเลยนะ ไอ้เรานั่งในรถทั้งคนขับ คนที่นั่งข้างคนขับเคี้ยวสลับถุยกันแบบเพลิดเพลินเลยแหละ
พอถึงตลาดสก็อตก็ถึงจุดพีคอีกรอบ นั่นคือตลาดมันยังไม่เปิด ปิดสนิทราวกับวันหยุด เราก็ทำไรไม่ได้นอกจาก เดิน เดิน เดิน ถือว่าเดินชมเมืองพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่
เราเดินหาของกินกันลัดเลาะไปตามซอกซอย
หาของกินเสร็จก็ปวดห้องน้ำ ทีนี้เอาไงล่ะ จะไปเข้าห้าง ห้างก็ยังไม่เปิด ปั๊มก็ไม่มี เดินหาภาวนาในใจต้องมีสักทีี่ เหมือนสวรรค์มาโปรดเราเดินเข้าซอยไปเจอกับโบสถ์คริสต์ เราเชื่อว่าสถานที่ทางศาสนาเค้าจะสามารถอนุญาติให้เราเข้าไปใช้ห้องน้ำได้ เดินไปด้อมๆมองๆ เจอกับลุงหน้าตาท่าทางดูใจดีพร้อมให้ความช่วยเหลือ เราก็ได้เข้าไปพูดคุย แต่มีเรื่องให้พีคอีกแล้วคือ ลุงแกฟังภาษาอังกฤษของเราไม่รู้เรื่อง หรือลุงแกพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ก็ไม่รู้ เรายังไม่ได้เข้าห้องน้ำในทันที เพราะลุงแกโทรหาใครสักคนให้กับเรา ตอนนั้นก็ยังไม่สงสัยอะไรคิดว่าลุงคงหากุญแจไปเปิดประตูห้องน้ำให้รึเปล่า แต่เปล่าเลยแกเดินวุ่นไปทั้งโบสถ์ พยายามให้เราเข้าไปในห้องพักภายในโบสถ์ให้ได้ เราก็ได้แต่บอก Toilet Toilet พอลุงอีกคนที่แกตามมามาถึงก็ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว ลุงแกนึกว่าเราจะมาขอที่พักในโบสถ์ แกเลยพยายามให้เราเอาของเข้าไปเก็บข้างใน กว่าจะเข้าใจกันก็เล่นเอาคนในโบสถ์วุ่นไปตามๆกัน
โบสถ์คริสต์ที่เราแวะ
หลังจากทั้งกิน ทั้งย่อย ไอ้เราก็นึกได้ว่าจะมากดตังค์กันที่ย่างกุ้งเราพยายามเดินหา ATM กัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาอะไรสักอย่างเจอในเมืองที่เราไม่คุ้นเคย
การเดินทำให้เราได้มองเห็นย่างกุ้งในระยะที่ใกล้ชิดมาก เมืองที่กำลังพัฒนา เมืองที่ผู้คนใช้ชีวิตกันแบบเร่งรีบเดินแทบจะชนกัน ตึกต่างๆที่ขึ้นกันแบบไม่ได้เกรงใจรถบนถนน ผู้คนที่ไม่ได้แค่ใส่ลองจีเท่านั้น ที่นี่ผู้หญิง ผู้ชายก็จะแต่งตัวเป็นเหมือนมนุษย์ออฟฟิศขึ้นมาหน่อย เห็นอะไรที่แปลกใหม่และหลากหลาย ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติอยู่ร่วมกันที่ได้เห็นก็เพราะเราเดินเข้าออกกันหลายซอกซอยทำให้เห็นว่าซอยแรกที่แวะเข้าไปเจอกับคนแขก ฮินดู พร้อมกับโบสถ์พรามณ์หน้าซอย ถัดมาอีกซอยเจอกับชาวคริสต์และโบสถ์คริสต์ในซอย ย่างกุ้งนี่ทำให้เราอึ้งในหลายๆอย่างจริงๆ
ระหว่างเดินหา ATM เจอเข้ากับ เจดีย์สุเลในระยะใกล
สภาพตึกรามบ้านช่อง
โบสถ์พรามณ์ในย่างกุ้ง
คนพม่า คนฮินดู หลากหลายเชื้อชาติ
ร้านขายหมาก
ได้เวลาอันสมควรที่จะเดินกลับไปยังตลาดสก็อต
จบทริปพม่า
ปล. ตลาดสก็อตนี่ซื้อของสนุกมาก แม่ค้าคุยเก่ง ขายของเก่ง ชอบรับเงินไทย ชอบคนไทย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in