เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Novelber 2017fdfeefa
Day 25 Cliche
  • Day 25 Cliché

    “แล้วแบบนี้เราสองคนจะเอายังไงกันต่อ? ดูท่าแล้วคุณจอห์นเขาคงไม่อยากที่จะฟังในสิ่งที่ลูกอยากจะบอกแล้วเขากคงยังไม่พร้อมที่จะพูด”

    หลังจากที่คุณจอห์นพลุนพลันออกจากห้องไปห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอยู่สักพักจนกระทั่งพ่อพูดทำลายความเงียบนี้ด้วยประโยคของคำถามแต่แล้วความเงียบก็ไม่ได้จากพวกเราไปง่ายๆ เมื่อคำถามของพ่อนั้นมันก็ดันเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่มีคำตอบ

    “เรื่องเหล่านี้มันจะหายไปไหมถ้าลูกสองคนไม่ได้อยู่ที่นี่?”

    ที่เขาบอกว่าไม่รู้เขาไม่ใช่แค่ไม่รู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรเพื่อให้คุณจอห์นฟังในสิ่งที่เขาหรือแฟรงค์พูดแต่ ณ ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาสมควรตามเรื่องพวกนี้ต่อไปไหมเรื่องของคุณเดฟมันจะช่วยให้อาการของแฟรงค์ดีขึ้นจริงรึเปล่าแล้วต่อให้เขารู้ว่าคุณเดฟต้องการอะไรแล้วมันจะช่วยอะไรแฟรงค์ได้ไหม

    “แต่วันนี้ผมว่าผมโอเค ตั้งแต่เช้ามาผมก็ยังไม่มีอาการอะไรเพราะงั้นผมว่าอย่าเพิ่งเครียดกันไปเลยครับ” แฟรงค์บีบมือผมเบาๆ เพื่อเป็นการยืนยันว่าวันนี้เขาไม่เป็นอะไรจริงๆ

    “ก็ดีเครียดมากไปเดี๋ยวก็ได้มีใครคนนึงไม่สบายอีก พ่อเบื่อโรงพยาบาลแล้วนะพ่อขอบอกเอาไว้ก่อนเลย พ่อว่าวันนี้เราก็พักเรื่องพวกนี้เอาไว้ก่อนแล้วกันเนอะเหนื่อยกันมาตั้งหลายวันแล้ว” พ่อตบบ่าของเราทั้งสองคนแล้วบีบเบาๆ เหมือนกับให้ทั้งเขาละแฟรงค์ผ่อนคลายซึ่งเขาเองก็เห็นด้วยกับพ่อเพราะต่อให้คิดต่อไปมันก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

    “เอ่อ ทอมผมอยากจะ…”

    “งั้นวันนี้อยากออกไปเที่ยวที่ไหนกันไหมครับ? เดี๋ยวผมพาไป”

    “ถ้าเรื่องไปเที่ยวพ่อขอบายเราสองคนไปกันเถอะพ่อขอนอนพักดีกว่าออกไปเที่ยวก็คงเที่ยวได้ไม่นานเดี๋ยวไม่สนุกเปล่าๆ”

    “พ่อเป็นอะไรมากไหม?”

    “ไม่ได้เป็นอะไรแค่เหนื่อยนะ นอนก็หายแล้วละ”

    “งั้นพวกผมอยู่บ้านดีกว่าครับ”

    “ไม่ต้องหรอกแฟรงค์ไปเดินเล่นกับทอมเถอะ ไหนๆก็มาแล้วอยู่ได้อีกไม่นานเดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำงาน”

    “งั้นมื้อกลางวันพ่ออยากทานอะไรครับ? เดี๋ยวผมไปสั่งให้ร้านหน้าปากซอยให้เขามาส่งให้”

    พ่อเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อเอนหลังนอนหลังจากที่เขาจัดการเรื่องอาหารมื้อกลางวันให้เรียบร้อย ส่วนเขาหลังสั่งอาหารให้พ่อเสร็จเขาก็เดินไปหยิบหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวของเมืองนี้มายื่นให้กับแฟรงค์พร้อมกับบอกให้แฟรงค์เลือกดูว่าอยากจะไปที่ไหน แฟรงค์ยอมรับหนังสือจากมือของเขาไปก็จริงแต่กลับวางลงที่โต๊ะหน้าโซฟาแทนการเปิดดูเนื้อหาที่อยู่ด้านใน

    “ไม่ดูละว่าอยากไปที่ไหนถึงผมว่าที่ได้สักพักแล้วแต่ผมก็เพิ่งจะมีเวลาว่างได้ออกเที่ยวก็วันนี้นี่แหละเพราะฉะนั้นผมก็ยังไม่เคยไปไหนเหมือนกัน”

    “ผมอยากคุยกับคุณ” แฟรงค์กระตุกที่ข้อมือของเขาเบาๆ เพื่อให้เขาลงนั่งที่โซฟาข้างกายของแฟรงค์

    “พ่อนอนอยู่ในห้อง เอาไว้ทีหลังดีกว่า” เขายอมลงนั่งตามแรงกระตุกเบาๆ นั้นแม้ว่าจะเริ่มมีความรู้สึกอึดอัดพุดขึ้นมาจนทำให้ไม่อยากจะอยู่กับแฟรงค์ลำพังแค่สองคนก็ตาม

    “เราลงไปหาที่ข้างล่างคุยกันก็ได้ถ้าไม่อยากกวนพ่อ”

    “แต่คุณมาแค่ไม่กี่วันเองนะแฟรงค์คุณไม่อยากไปชมเมืองหรือไง?” ในเมื่อแฟรงค์ไม่ยอมเป็นคนอ่านเนื้อหาผมก็เลยจัดการหยิบหนังสือนั้นขึ้นมาแล้วเริ่มเปิดไปตามหน้าต่างๆ ดูสถานที่ที่คิดว่าแฟรงค์จะชอบไป

    “นี่ไงแฟรงค์คุณชอบไปสวนสัตว์ไม่ใช่เหรอที่นี่คนเข้าไปสามารถ…”

    ปึก แฟรงค์เอื้อมมือมาปิดหน้าหนังสือนั้นลงพร้อมกับหยิบมันออกไปจากมือของผมและวางมันสู่ที่โต๊ะตัวเดิม

    “ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาเที่ยวคุณก็น่าจะรู้ทอม ผมมาที่นี่เพื่อที่จะมาคุยกับคุณ เราต้องคุยกัน”

    “…”

    “ทอมที่รักทำไมละทำไมคุณถึงไม่อยากพูดเรื่องนี้กับผมทำไม?”

    “…”

    “ผมกับลิสเรา…”

    “ไม่ได้รักกัน”

    “ใช่ทอมที่รักคุณก็รู้ ผมไม่ได้รักเขา”

    “ไม่ผมไม่รู้แฟรงค์ ผมไม่รู้อะไรเลยแต่ที่ผมพูดออกไปเพราะผมรู้ว่าคุณต้องพูดประโยคนี้ประโยคที่มันซ้ำซาก ประโยคขึ้นต้นที่คุณจะยกเอามันขึ้นมาเสมอที่เราจะพูดเรื่องนี้กันผมเลยจำมันได้เพราะคุณเอาแต่พูดประโยคนี้”

    “ที่ผมเอาแต่พูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ก็เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงไงทอม มันเป็นสิ่งที่ผมสามารถยืนยันกับคุณได้ตลอดเวลาว่าผมไม่ได้รักเขา”

    “มันเป็นเรื่องจริงหรือว่าคุณแค่ท่องจำมันมา? พอเถอะ ผมยังไม่อยากฟังมัน”

    “ทำไมละทอมทำไม?”

    “ผมบอกแล้วไงว่าผมยังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรและผมก็ขอเวลา”

    “คุณก็เอาแต่พูดประโยคนี้ ขอเวลาและไม่พร้อม เท่าไหร่ละทอมเวลาเท่าไหร่ที่คุณต้องการ เท่าไหร่ที่จะพอให้คุณ เท่าไหร่ที่ถ้าผมให้ไปแล้วคุณจะกลับมาฟังแล้วเมื่อไหร่กันที่คุณจะพร้อมแล้วเปิดใจฟังผมบอกผมสิบอกผม”

    “ผมจะไปรู้ได้ยังไงแฟรงค์ผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าเมื่อไหร่และเท่าไหร่มันถึงจะพอ? ที่ผมรู้ก็คือต่อให้ตอนนี้คุณพูดอะไรออกมาผมก็มีแต่คำถามและไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่คุณพูด”

    “แค่คุณบอกว่าคุณไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นผมยังไม่เชื่อเลยแล้วคุณคิดว่าถ้าคุณพูดเรื่องอื่นขึ้นมาผมจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดไหม?”

    “…”

    “ถ้าคุณไม่อยากไปไหนคุณก็พักอยู่ที่ห้องไปแล้วกันเดี๋ยวผมจะออกไปซื้อของมาทำอาหารกลางวันให้”

    เขารวบเอากระเป๋าสตางค์และกุญแจห้องมาถือเอาไว้ในมือ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าแฟรงค์มาที่นี่ทำไมเขารู้ว่าที่แฟรงค์แฟรงค์คงอยากมาบอกอะไรกับเขาเพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย

    เขาก็แค่อยากใช้ช่วงเวลาที่แฟรงค์อยู่ที่นี่มีความทรงจำที่ดีด้วยกันก็เท่านั้นเพราะถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมต้องการให้แฟรงค์แต่งงานอย่างที่ยืนกรานตลอดมาเขาจะได้มีความทรงจำดีๆ หล่อเลี้ยงเขาให้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ เขาก็เลยขอแค่เวลายืดเวลาในการฟังคำตัดสินออกไปทำไมแฟรงค์ถึงให้เขาไม่ได้ทำไมถึงยังเอาแต่ดื้อดึงจะพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากที่จะฟัง

    แล้วทำไมเขากับแฟรงค์ต้องมานั่งพูดอะไรที่ซ้ำซากแบบนี้อยู่ตลอดเวลาทำไมถึงไม่สามารถหลุดบทสนทนาที่วนไปแบบไม่มีทางออกนี้ได้สักที

    “คุณไม่เคยฟังผมเลย” // ‘เขาไม่เคยฟังผมเลย’

    เสียงสองเสียงที่ก้องขึ้นมาในห้องพร้อมกันมันทำให้เขาชะงักเท้าที่ที่กำลังจะก้าวเดินออกไปจากห้องแล้วกันหลังกลับไปมองแฟรงค์ที่กำลังนั่งมองมาทางเขาจากโซฟา

    “เวลาที่ผมจะพูดอะไรคุณก็เอาแต่หนีคุณไม่เคยอยู่ฟังประโยคถัดไป” // ‘เวลาที่ผมจะพูดอะไรเขาก็เอาแต่หนีจนผมไม่สามารถพูดอะไรให้เขาได้ฟัง’

    “ผมนึกว่าการพูดคุยคือส่วนหนึ่งของคนรักกัน” // ‘ผมเคยบอกเขาแล้วว่าความรักสำหรับผมคือการเปิดใจคุยกัน’

    “ผมถามจริงๆ คุณเคยอยากให้โอกาสผมบ้างไหม? คุณเคยอยากเริ่มต้นใหม่กับผมบ้างไหม?” // ‘ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาเคยคิดจะฟังความคิดกับความรู้สึกของผมบ้างไหม?’

    “ต้องให้ผมทำอย่างไรคุณถึงจะฟังผม? // ‘ขนาดผมกำลังจะหมดลมลงตรงหน้าเขา เขายังไม่ฟังผมเลย’

    “แฟรงค์!!”

    เขาปล่อยของทุกอย่างที่อยู่ในมือให้มันล่วงลงสู่พื้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปรวบกอดแฟรงค์เอาไว้เมื่อเห็นว่าแฟรงค์ลุกเดินจากโซฟาโดยที่สายตายังมองมาทางเขาแต่มันเป็นสายตาที่เลื่อนลอยแบบไม่มีการโฟกัสกำลังเดินถอยหลังไปที่ประตูระเบียงและเปิดมันออก

    หมับ เขาคว้าตัวของแฟรงค์เอาไว้ได้ทันก่อนที่แฟรงค์จะเดินขึ้นไปบนขอบระเบียง เขารั้งให้ร่างกายของแฟรงค์นั่งลงที่พื้น เขานั่งกอดแฟรงค์เอาไว้ทั้งตัวพยายามดึงตัวของแฟรงค์เข้ามาให้ ถ้าเขาแค่เขาช้าอีกเพียงก้าวเดียว

    “ผมยอมฟังแล้วผมยอมฟังคุณแล้วแฟรงค์ ผมขอโทษ” คำพูดของเขาทำให้สายตาของแฟรงค์กลับมามองที่เขาได้อีกครั้งด้วยตัวตนของแฟรงค์

    “เขาอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ผมรู้สึกถึงเขา”

    “ใช่เขาอยู่ที่นี่”

    เขาว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมคุณเดฟถึงได้เข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของแฟรงค์และนั้นก็ไม่ใช่เพียงเพราะทั้งคู่ต่างเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันมันไม่ใช่แค่นั้น

    “ผมขอโทษที่พูดทุกอย่างออกไปแบบนั้น ผมไม่สามารถห้ามในสิ่งที่ผมคิดได้เลย ผมขอโทษทอม ถ้าคุณยังไม่พร้อม ผม...”

    “ไม่เป็นไรแฟรงค์คุณไม่ต้องขอโทษ ผมอยากฟังเรื่องของคุณ ผมพร้อมแล้ว”

    ใช่เขาพร้อมแล้วเขาพร้อมที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้ความกลัวที่คิดไปเองของเขามาทำให้ชีวิตของเขาและแฟรงค์ เขาจะไม่ยอมจมปรักอยู่แค่เพียงคำพูดวนเวียนในเรื่องเดิมๆ และวนอยู่ในปัญหาที่ไม่มีทางออกแบบนี้อีกแล้วพอซะที






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in