Day 10 – Coming of age
“แฟรงค์ฉันขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“มีอะไรด่วนไหมไรอัน? ฉันต้องรีบเตรียมเสนอการประชุมบ่ายนี้”
“ก็ให้ลูกน้องของนายทำไปสิ”
“แต่ฉันต้องเป็นคนพูด ให้ลูกน้องทำแล้วฉันจะไปพูดอะไรได้”
“เรื่องของลิส”
เขาหยุดมือที่ง่วนกับกองเอกสารกองมหึมาที่อยู่ตรงหน้าของเขาและละสายตาไปมองผู้ที่บุกรุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของผู้ช่วยหัวหน้าแผนกอย่างเขาโดยที่ไม่ได้มีแม้แต่การเคาะบอกหรือขออณุญาตแต่อย่างใด
“อ้อ เรื่องนี้นี่เอง”
ไรอันคือคนที่พาลิสมาที่ทำงานพามาให้เขารู้จักเขาจำได้ว่าครั้งแรกที่เขารู้จักกับลิสคือการไปสัมนาต่างจังหวัดในวันนั้นไรอันได้แจ้งความจำนงขอเอาเพื่อนไปร่วมทริปด้วยซึ่งทางบริษัทก็ไม่ได้ขัดอะไร
เขารู้ว่าตลอดว่าลิสมองเขาด้วยสายตาแบบไหนแต่เขาก็ไม่เคยเล่นด้วยหรือเปิดโอกาสให้กับลิสเขาเว้นระยะห่างแต่ในวันงานเลี้ยงฉลองปิดโปรเจคใหญ่ของแผนกวันที่เขารู้สึกโล่งอกที่เขาทำสำเร็จ วันที่เขาเครียดกับการอย่างชิงตำแหน่งหัวหน้าลิสก็มาร่วมงานด้วยเช่นกันโดยบอกเหตุผลของการมาร่วมงานว่ามาดูแลไรอัน แต่มันไม่เป็นไปตามที่คิดเขาเมาเขาไร้สติเพราะความเครียดและนั้นมันก็คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทุกอย่างในวันนี้
“ถ้าเรื่องนั้นฉันว่าเดี๋ยวหลังเลิกงานเราค่อยคุยกันก็ได้”
“แล้วนายก็จะรีบหนีหายไปใช่ไหม?”
“เฮ้ย ทำไมพูดแบบนี้!!”
“หรือว่าไม่จริง? ลิสเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วทั้งเรื่องที่เธอต้องมาแบกหน้ารับเรื่องพวกนี้อยู่คนเดียว เรื่องที่นายเอาแต่วิ่งหนีเธอจนตอนนี้เธอไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเพราะเธอต้องมาวิ่งวุ่นตามให้พ่อของเด็กมารับผิดชอบทั้งๆ การที่เธอจะท้องได้มันไม่ใช่เพราะตัวเธอเพียงคนเดียวสักหน่อย!!”
“...”
“เด็กมันโตขึ้นทุกวัน แล้วลิสก็ตัวแค่นั้นท้องมันป่องฟ้องออกมาแล้วนายจะให้เธอทำยังไง!!”
“ดูเหมือนว่านายจะเข้าข้างเธอไปแล้ว แบบนี้ฉันมีอะไรต้องพูดอีกไหม? หรือแค่จะมาเพื่อสั่งสอนกัน?”
“ตอบมาสิว่าแล้วมันจริงอย่างที่เธอพูดไว้ไหมละ?!!?”
เขาอยากที่จะปฎิเสธใส่หน้าของไรอันแต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะสิ่งที่ไรอันพูดมาทั้งหมดมันคือเรื่องจริง เขายอมรับว่าเขาหนีเพราะเขายังไม่พร้อมที่เผชิญหน้ากับเรื่องนี้ตอนนี้ไม่สิมันไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากจะสนใจเพราะเรื่องที่เขาสนใจคือเรื่องของอีกคน
“ไรอันฉันรู้ว่านายอาจจะโกรธแทนเพื่อนของนายแต่ฉันบอกลิสไปแล้วว่าจะจัดการทุกอย่างหลังจากเรื่องมันเข้าที่กว่านี้ ฉันบอกเธอไปหลายครั้งแต่เธอก็ไม่เคยฟังฉันเลย”
“มันจะอยากอะไรกับอีแค่ยอมรับ”
“สำหรับคนอื่นฉันไม่รู้แต่สำหรับฉันฉันไม่สามารถตัดสินใจเรื่องพวกนี้ได้เพียงคนเดียว!! อีกอย่างถ้าลิสรู้สึกว่าการมีลูกมันทำให้เธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนฝากบอกเธอด้วยแล้วกันว่าให้วางเอาไว้ที่เดิมนั้นแหละ”
“เฮงซวย!!”
“นายไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า อย่าให้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับนายต้องมาพังเพราะลิสไปอีกคน”
“อ้อ เหมือนไอ้ความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างนายกับทอมนะเหรอ?”
“อย่าเอาเขามาเกี่ยวด้วยเขาไม่เกี่ยว!!”
“ฉันไม่น่าแนะนำให้ลิสมารู้จักกับคนห่วยๆ อย่างนายเลยจริงๆ ไม่แปลกที่ตอนนี้นายจะวิ่งเป็นหมาบ้าไล่ตามคนนั้นเพราะถ้าเป็นฉันฉันก็ไม่เอานาย!!”
ผลั่ก สิ้นเสียงตะโกนของไรอันก็เกิดเป็นเสียงของการต่อยตีของคนทั้งสองดังขึ้นมาจนเพื่อนร่วมแผนกต้องเปิดประตูเพื่อเข้ามาแยกคนทั้งสองออกจากกัน
“ทำไม!! พอพูดความจริงเข้าหน่อยก็รับไม่ได้รึไง? ไอ้คนขี้ขลาด ไอ้คนไร้ความรับผิดชอบ ไอ้สารเลว”
ไรอันที่กำลังถูกลากให้ออกจากห้องโดยเหล่าลูกน้องของเขายังไม่หยุดความพยายามที่จะตะโกนด่าเขา แม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถเห็นตัวของไรอันแล้วแต่เสียงของไรอันยังดังไปทั่วทั้งแผนกงาน
“ทำไมมานั่งในรถแบบนี้ไม่เข้าบ้านละ?”
เกาะๆ เสียงเคาะกระจกรถเรียกให้เขาหลุดออกจากภวังค์ หลังจากเลิกงานเขาขับรถตรงมาที่บ้านของพ่อทอมแต่ในช่วงที่เขาจะลงไปกดกริ่งเพื่อให้คนในบ้านมาเปิดประตูให้จู่ๆ ความละอายก็พุ่งขึ้นสูงจนเขาไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปในบ้านหลังนี้แต่เขาอยากหาที่พักสมองหลังจากวันนี้เจอแต่เรื่องหนักๆ มาแล้วเขาก็คิดที่ไหนที่จะทำให้เขาสบายใจไม่ออกอีกแล้วยกเว้นที่บ้านหลังนี้เขาจึงเลือกที่จะมานั่งอยู่ในรถรอเวลาให้ตัวเองสบายใจขึ้นแล้วค่อยจากไป
เขาเอารถมาจอดฝั่งตรงข้ามบ้านแถมเยื้องออกไปนิดหน่อยเพื่อที่จะไม่ได้เป็นจุดสังเกตุของคนในบ้านทอมมากนักแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถรอดสายตาของพ่อทอมไปได้
“ผม...”
“อยากพูดให้พ่อฟังไหม?”
“ผม...”
“พ่อกำลังจะไปเดินเล่นที่สวนในหมู่บ้าน อยากไปด้วยกันไหมละ?”
“ไปครับ”
ตลอดเวลาที่เดินไปที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านเขาได้แต่เดินเงียบๆ ตามหลังของพ่อทอมไป แผ่นหลังของพ่อทอมไม่ได้ดูกว้างใหญ่แต่มันเต็มไปด้วยความอบอุ่นอาจจะเป็นเพราะพ่อต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับทอมตั้งแต่แม่ของทอมเสียไปด้วยอุบัติเหตุตอนนั้นทอมเพิ่งจะ 12 ปีได้เองมั้งถ้าความจำของเขาไม่คลาดเคลื่อน
เพราะพ่อทอมมีแผ่นหลังที่ดูแล้วอบอุ่นแบบนี้สินะทุกครั้งที่ทอมมีปัญหาจึงต้องกลับมาเติมพลังให้ตัวเองที่บ้านของพ่อทุกครั้ง งั้นในเมื่อพ่อเคยพูดว่าเขาก็เป็นเหมือนลูกของพ่ออีกคนนึงถ้าตอนนี้เขามีปัญหาละ
“ผมทำผิดต่อทอมครับพ่อ”
“พร้อมที่จะพูดให้พ่อฟังแล้วเหรอ?”
“ครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นผมที่ผิดครับ ผมไปทำให้ผู้หญิงคนนึงเขาท้อง ผมนอกใจทอมครับ”
พ่อของทอมหยุดเดินไปทางด้านหน้าแล้วเดินถอยหลังมาเพื่อให้ได้ยืนอยู่พื้นที่ข้างกันกับเขา พ่อไม่ได้พูดอะไรพ่อแค่มาหยุดยืนแล้วทอดสายตามองออกไปทางด้านหน้าเท่านั้น
“ผมพยายามอธิบายกับทอมแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดจากความรักและผมไม่ได้ต้องการผู้หญิงคนนั้น ทุกอย่างมันเป็นเพียงความพลั้งเผลอและความมักง่ายของผม แต่ทอมไม่ฟังผมเลยครับพ่อ ทอมไม่ฟังผมเลยเรามีแต่ทะเลาะกันจนในที่สุดทอมเขาก็หนีผมไป”
“เราไม่ต้องการผู้หญิงแล้วเด็กที่กำลังจะเกิดขึ้นละ?”
“ผม...ผมก็ไม่รู้ครับ”
“แล้วทางผู้หญิงฝั่งนั้นว่าอย่างไรบ้าง?”
“ผมยังไม่ได้คุยกับเธอเรื่องลูกครับ ผมไม่กล้าที่จะตัดสินใจผมไม่กล้าทำอะไรเลย ผมอยากให้ทอมอยู่ตัดสินใจกับผมเพราะผมยังต้องมีเขาในชีวิตของผม ผมจึงเอาแต่หันหลังให้กับเธอคนนั้น”
“แฟรงค์ฟังพ่อนะ เรากำลังพูดถึงอีก 1 ชีวิตที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาและ 1 ชีวิตนั้นก็กำลังจะเติบโตได้ก็เพราะเรา เพราะฉะนั้นไม่ว่าแฟรงค์จะคิดอย่างไรกับการมีเขาแฟรงค์ต้องคุยให้รู้เรื่อง”
“ผม....”
“เด็กกำลังจะโตขึ้น ตัวแฟรงค์เองก็สมควรที่จะโตขึ้นได้แล้ว เรากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วนะ”
“แต่ผมไม่อยากเสียทอมไป”
“พ่อไม่เชื่อว่าทอมจะหันหลังให้กับเราเพียงเพราะเรื่องของเด็กคนนึง เขาคงต้องการแค่เวลา”
“ครับ” สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกันแค่เขาเล่าเพียงเท่านี้พ่อยังรู้เลยว่าคำขอก่อนที่ทอมจะหนีไปจากเขาทอมขออะไรเอาไว้
“แฟรงค์เองก็ต้องการเวลาเหมือนกัน เอาเวลาที่มีนี้ไปเคลียร์เรื่องให้เรียบร้อยอย่าให้มันสูญเปล่าทำให้การเดินทางของเวลามันมีคุณค่า”
“ครับ ขอบคุณครับพ่อ”
“อีกอย่างนะ”
“ครับ?”
“อย่าไปรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยแฟรงค์ให้ถือซะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมามันคือบทเรียนในชีวิตที่จะทำให้เราเติบโตขึ้น”
“ครับ”
“ส่วนเรื่องของทอม ถ้าเรื่องนี้ผ่านไปได้พ่อเชื่อว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองคนมันก็จะเติบโตและแข็งแรงขึ้นไปอีกขั้น เพราะฉะนั้นอย่าเอาแต่เสียใจซะละ”
“ผมขอโทษนะครับพ่อ”
“ไม่มีใครจะเติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่ก้าวพลาดเชื่อพ่อสิว่าไม่มี”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in