เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Double Death (DTOL OMEGAVERSE AU)piyarak_s
Chapter 20: The End (ตอนจบ)

  • หลังจากวันนั้น โทบี้กับผมก็แทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน เราได้เจอกันเฉพาะช่วงค่ำของแต่ละวันเพื่อที่เขาจะทำแผลที่แขนให้ ซึ่งทำให้ประหยัดเวลาในการนัดกับจีพี (general physician) ของเขตที่ผมขึ้นทะเบียนสุขภาพแห่งชาติเพื่อล้างแผลไปได้มาก และเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราจะได้กินอาหารด้วยกันและแยกย้ายกันไปทำงานนอกเวลาของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย โดยเฉพาะเมื่อเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์ยากลำบากมาด้วยกันและต่างต้องเป็นพยานในคดีฆาตกรรมพันเอกออกัสต์ โกลด์เบิร์กและการฆ่าตัวตายของแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ที่เป็นคนทำร้ายเขาจนเสียชีวิต


    ด้วยฝีมือของทิม ฟอล์กเนอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยข่าวกรอง แม้ในปัจจุบันเขาจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังมีบทบาทเกี่ยวกับการข่าวและความมั่นคงอยู่เช่นเดิม เพียงแต่เปลี่ยนสถานะไปเท่านั้น ซึ่งผมไม่คิดว่าการเปลี่ยนไปเป็นนักการเมืองจะทำให้เขาเลิกทำงานด้านการข่าวได้ เพียงแต่ทางหน่วยข่าวกรองจะยอมรับหรือไม่เท่านั้นเอง 


    ข่าวการฆาตกรรมที่โรงแรมเบเวอร์ลีย์ไม่ปรากฏชื่อของโทบี้ วิล และผมอยู่ด้วย มีเพียงข่าวที่พูดถึงเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างอัลฟ่าทั้งสอง และก็คงจะเป็นข่าวที่ผ่านมาและผ่านไป ส่วนเหตุฆาตกรรมอื่น ๆ ได้แก่คดีของฮันนาห์ วัตกิ้นส์และคดีของเอ็ดมันด์ อาร์เชอร์จบลงด้วยการสรุปว่า มีผู้กระทำความผิดคือแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ตามที่เขาได้กระทำลงไปจริง ๆ ส่วนแรงจูงใจในทั้งสองคดีเป็นเรื่องส่วนตัว และทางผู้บังคับการหน่วยสืบสวนอาชญากรรมแถลงตามที่ได้ตกลงกับหน่วยสืบราชการลับซึ่งเป็นต้นสังกัดของโกลด์เบิร์กและบาร์เทิลบี้ว่า ฝ่ายแรกอาจทราบเรื่องที่ฝ่ายหลังทำจึงเกิดการวิวาทกันจนบาร์เทิลบี้เกิดความไม่พอใจและพลั้งมือฆ่าอีกฝ่าย และตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง 


    อย่างไรก็ตาม ไม่มีการพูดถึงโกลด์เบิร์กในฐานะผู้ใช้ให้บาร์เทิลบี้กระทำความผิด ผมรู้ว่ามันดูไม่ยุติธรรมที่ผู้บงการจะลอยนวล แต่การเปิดเผยความจริงทั้งหมดจะมีผลกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงในภาพรวมทั้งในและนอกประเทศ โดยเฉพาะเมื่ออดีตนายทหารที่ออกปฏิบัติการในอาฟกานิสถานในฐานะส่วนหนึ่งของ ISAF กลายเป็นอาชญากรที่พยายามปิดปากสายลับของฝ่ายความมั่นคงด้วยกันเอง เพราะอีกฝ่ายรู้ว่าเขาพยายามจะสร้างสถานการณ์ให้อังกฤษยังคงส่งกองกำลังไปตะวันออกกลางด้วยความเชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่าเป็นหน้าที่ของอังกฤษที่จะต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามให้เกิดความสงบ ทุกอย่างจึงจะจบลงได้ด้วยดี 


    แน่นอนที่สุด ไม่มีใครนอกจากทิม ฟอล์กเนอร์และคนหยิบมือหนึ่งที่รู้ความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้ว่าแม็กซิมิเลียน บาร์เทิลบี้สารภาพความจริงเอาไว้ในคริปเท็กซ์ที่เข้ารหัสเป็นวันที่เขาลอบฆ่าเซบาสเตียน อาร์เชอร์ ที่เป็นต้นเรื่องของเหตุการณ์ทั้งหมดที่ลงเอยด้วยความสูญเสียอย่างทุกวันนี้
    โทบี้และผมเป็นคนจำนวนหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับรู้คำสารภาพทั้งหมดของบาร์เทิลบี้ 


    เจ้าของร่างชิฟเตอร์แมวป่าลิงซ์สารภาพเรื่องแผนการของโกลด์เบิร์กทั้งหมดอย่างละเอียด และเมื่อเทียบกับปากคำคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์แต่ละเรื่องมีความสอดคล้องกันจนน่าเชื่อได้ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง 


    โกลด์เบิร์กสงสัยเซบาสเตียน อาร์เชอร์และโทบี้มาตั้งแต่แรก และระแคะระคายว่าการพบกันของคนทั้งสองที่กรุงคาบูลทุกรอบที่โทบี้เข้าช่วงฮีทจะเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองนัดแนะส่งข่าวกันมากกว่าจะเมทกันตามประสาคู่หมั้น ซึ่งความสงสัยนั้นของเขาถูกต้อง โทบี้และเซบาสเตียนไม่เคยมีความสัมพันธ์กัน และที่สำคัญโทบี้ไม่สามารถเมทกับใครได้เพราะประการณ์เลวร้ายจากอดีต หลังจากสืบรู้ข้อพิรุธนี้ได้ โกลด์เบิร์กจึงตัดสินใจสั่งเก็บเซบาสเตียนเสีย และเพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลจะไม่รั่วไหลและถือโอกาสพลิกสถานการณ์ให้เข้าข้างฝ่ายตนเอง นายทหารหน่วยข่าวกรองจึงติดต่อเรียกตัวเอ็ดมันด์ อาร์เชอร์ พี่ชายที่เป็นโอเมก้าของเซบาสเตียนเข้าทำงานด้านคอมพิวเตอร์ในหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคง และให้ข้อมูลว่าฝ่ายที่ไม่สนับสนุนการส่งกำลังพลเพิ่มเข้าไปในอาฟกานิสถานอย่างทิม ฟอล์กเนอร์ 


    อย่างไรก็ตาม เอ็ดมันด์ อาร์เชอร์ไม่ใช่คนประเภทที่จะหลอกได้ง่ายนัก ความใกล้ชิดสนิทสนมและความคล้ายคลึงจนแทบจะเหมือนเป็นฝาแฝดทั้งที่เกิดคนละปีกันกับเซบาสเตียนทำให้โอเมก้าหนุ่มอาศัยโอกาสดังกล่าวแสวงหาข้อมูลเบื้องหลังความตายของน้องชายที่เป็นอัลฟ่าของตัวเอง และสิ่งที่เขาได้ก็ตรงข้ามกับที่โกลด์เบิร์กเคยให้ข้อมูลกับเขาเอาไว้ 


    ความพยายามที่จะบอกใบ้และติดต่อกับโทบี้ ฟอล์กเนอร์ ซึ่งเป็นคนกลางระหว่างทิม ฟอล์กเนอร์และเซบาสเตียน ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย และกลายเป็นที่มาของคดีฆาตกรรมฮันนาห์ วัตกิ้นส์ นกต่อที่ชักนำให้เขาเข้าสู่วงวิวาทที่มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ก่อนที่จะเสียชีวิตจากอาการตกเลือดที่รีเจนท์สพาร์กในวันที่เขานัดอดีตคู่หมั้นของน้องชายออกมาพบ ส่วนฮันนาห์ก็ถูกฆ่าปิดปากในคืนที่มีเขาถูกบาร์เทิลบี้ที่ปิดบังความเป็นอัลฟ่าของตัวเองเอาไว้ทำร้ายนั่นเอง และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้คดีทั้งสองเกิดขึ้นห่างกันจนเหมือนเป็นคนละเรื่องกันทั้งที่จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในวันเดียวกันนั่นเอง 


    แม้จะสารภาพทุกอย่างเอาไว้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ร้อยโทแม็กซิมิเลียน บาร์เทิลบี้ไม่ได้พูด คือ ความจงรักและภักดีของเขาที่มีต่อออกัสต์ โกลด์เบิร์ก


    “เพราะความสัมพันธ์ระหว่างอัลฟ่ากับอัลฟ่าเป็นสิ่งต้องห้ามในกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคง สำหรับคนในนั้น มันผิดยิ่งกว่าคุณบีบให้ผู้ต้องสงสัยสารภาพแล้วทำเขาตายไปเสียอีก เพราะพวกเขาถือว่า อัลฟ่าที่ยอมลดตัวลงมาเล่นบทโอเมก้าบนเตียงไม่มีศักดิ์ศรีและอาจยอมทำทุกทางเพื่อตัวเอง ความเชื่อและกฎคร่ำครึนั่นยังมีผลมาจนถึงทุกวันนี้” โทบี้เอ่ยระหว่างที่เรายืนอยู่หน้าหลุมฝังอัฐิของแม็กซิมิเลียน บาร์เทิลบี้หลังพิธีฝังศพของเอ็ดมันด์ อาร์เชอร์ในสุสานแห่งเดียวกัน “ที่โกลด์เบิร์กตัดสินใจจะกำจัดเขาอาจเป็นเพราะเหตุผลนี้...” 


    “แม้จะรู้ดีว่าบาร์เทิลบี้จะไม่มีวันเปิดเผยความสัมพันธ์ที่ว่า” ผมกล่าวต่อ


    “เพราะเขาไม่เคยไว้ใจใครนอกจากตัวเอง นั่นเป็นข้อดีและเป็นข้อเสียในตัวโกลด์เบิร์ก มันทำให้เขาไม่ใส่ใจความเจ็บปวดของคนอื่นหรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง” 


    อีกเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลังของเรา และเมื่อหันหลังกลับไป เราก็พบกับทิโมธี ฟอล์กเนอร์ในสูทและเนคไทสีเข้มตัดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวเรียบกริบตามแบบแผนของเขา เหมือนคราวที่ผมได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรก


    ทิมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการเก็บกวาดและจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่กระจัดกระจายให้เข้าที่เข้าทาง


    “นายคงไม่เห็นด้วยกับการที่เรื่องจบแบบนี้ใช่ไหม โทบี้” 


    คำถามของเขาทำให้น้องชายคนเล็กที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองเขาอยู่โดยไม่พูดอะไรทำเสียงหึในลำคอออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดตอบโต้อะไรกับข้อสังเกตเหมือนเดาใจนั้นของอีกฝ่าย


    “พี่คิดถูกแล้ว ผมไม่ชอบที่มันจบแบบนี้” โทบี้เอ่ยออกมา และผมเห็นทิมหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ทั้งที่เขาเป็นคนคิดและพูดในสิ่งที่น้องชายของเขาพูดเอง 


    ผมเข้าใจเหตุผลที่โทบี้ ฟอล์กเนอร์ขอให้ผมอยู่ด้วยในเวลาที่เขาต้องพบและพูดกับพี่ชายคนโตของตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพี่น้องคู่นี้รักกัน แต่มีกำแพงบางอย่างที่ขวางพวกเขาเอาไว้จนทำให้ไม่สามารถพูดจากันด้วยดีได้สักเท่าไรนัก เพราะฉะนั้น การมีใครสักคนที่เป็นคน ‘คนนอก’ อยู่ด้วยจะทำให้การสนทนาระหว่างพวกเขาเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น และมีใครสักคนที่หยุดพวกเขาได้ ถ้าจำเป็น 


    “แต่...” ผมเอ่ยแทรกขึ้น “ผมคิดว่าคุณมีคำว่า ‘แต่’ ในประโยคนั้นด้วยใช่ไหม”


    แพทย์นิติเวชหันมามองผม ก่อนจะหันไปทางพี่ชายของตัวเอง “อย่างที่ไมเคิลบอก... ผมไม่ชอบที่มันจบแบบนี้ แต่ผมรู้ว่าพี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้มันจบแบบนี้ และมันเป็นทางออกที่เหมาะสมที่สุดและหลีกเลี่ยงไม่ได้” 


    “โทบี้” 


    ดวงตาสีเขียวของทิม ฟอล์กเนอร์กะพริบเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน แต่เมื่อสบตากับดวงตาที่มีสีเดียวกันของน้องชาย เขาจึงค่อยยิ้มออกมาได้ 


    “ผมยังไม่เคยบอกพี่ใช่ไหมว่า ขอบคุณที่พี่ให้โอกาสโอเมก้าแบบผมทำในสิ่งที่โอเมก้าน้อยคนจะได้ทำ และการที่ผมไปเสี่ยงอันตรายที่อาฟกานิสถาน มันไม่ใช่ความผิดของพี่” เสียงของโทบี้ราบเรียบก็จริง แต่ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน และเชื่อว่าทิมเองก็คงรับรู้ “พี่เลิกโทษตัวเองได้แล้วว่า เป็นพี่ชายที่ไม่เอาไหน ทั้งเรื่องที่ช่วยผมจากเอ็ดเวิร์ด สแตนตันไม่ทันและเรื่องที่เซบาสเตียนต้องตายต่อหน้าผม เพราะมันไม่ใช่ความผิดของพี่ ตรงกันข้ามเสียอีก ถ้าไม่มีพี่สักคน ผมอาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้และไม่มีโอกาสที่จะพิสูจน์ให้คนอื่นได้เห็นว่า การเป็นโอเมก้าก็ทำในสิ่งที่อัลฟ่าและเบต้าคนอื่นทำได้เหมือนกัน และบางที อาจใช้สิ่งที่เป็นจุดด้อยในสายตาหลายคนให้เป็นประโยชน์ได้” 


    นี่คงเป็นครั้งแรกที่โทบี้เอ่ยความในใจของเขาที่มีต่อทิมออกมา เพราะนี่เป็นสิ่งที่ยาวที่สุดที่ผมได้ฟังจากปากเขา ไม่นับเรื่องที่เขารายงานผลการชันสูตรหรือพูดในเรื่องที่ตนเองสนใจศึกษา และเมื่อพูดจบ ผมเห็นใบหน้าของเขาแดงขึ้นด้วยความขัดเขิน ในขณะที่ทิมนิ่งอึ้งและหน้าแดงขึ้นจนถึงหู กับความจริงที่เพิ่งได้รู้จากปากน้องชาย สำหรับทิมแล้ว เขาอาจเขินอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ผมคิดว่าเขาดีใจมากกว่าที่ได้รับการยอมรับจากน้องชายที่อาจเคยมีท่าทีเย็นชา ปากหนักในเรื่องความรู้สึกเสียที


    “ทิม... ขอบคุณพี่มากนะ สำหรับเรื่องของเซบาสเตียน เอ็ดมันด์ แล้วก็แม็กซ์ด้วย” 


    มือที่ยื่นออกไปแตะต้นแขนของคนอายุมากกว่าดูเก้ ๆ กัง ๆ จนน่าเอ็นดู แต่ในที่สุดแล้ว ทิมก็เป็นฝ่ายดึงตัวของคนอายุน้อยกว่าเข้าไปกอด ในขณะที่โทบี้กอดตอบเขาโดยไม่ลังเลใจ


    ผมมองพวกเขาเงียบ ๆ และอดยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดว่า ความวุ่นวายที่ผ่านมาคงจะจบลงด้วยดีเสียที 






    ส่งท้าย


    “แล้วเรื่องที่หนังสือพิมพ์กับคอลัมน์ซุบซิบเรื่องสังคมที่เอาเรื่องความสัมพันธ์ของเราไปลงล่ะ” ผมออกปาก หลังจากแยกกับทิมที่สุสาน และคืนนี้เป็นคืนที่ผมจะไปนอนค้างที่บ้านของโทบี้หลังจากไม่ได้ใช้เวลาช่วงกลางคืนด้วยกันมานานร่วมสัปดาห์ “คุณคิดว่าเป็นฝีมือของใครกัน”


    “ไม่ใช่ทิมแน่ ๆ” แพทย์นิติเวชบอก ขณะเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินในสุสานที่สองข้างเป็นสวนป่าเล็ก ๆ มีป้ายหลุมศพแกะสลักแทรกแซมอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่ “ผมคิดว่าเป็นฝีมือของโกลด์เบิร์กมากกว่า”


    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”


    “คุณเจอพี่ผมแล้วน่าจะเดาได้นะ” โทบี้หัวเราะเบา ๆ มีแววของความโล่งใจและความสุขสะท้อยอยู่ในดวงตาหลังแว่นสายตาของเขาแจ่มชัด เขาคล้องแขนกับข้อศอกของผม และสอดมือเข้าในกระเป๋าเสื้อสูทของตัวเอง 


    “นั่นสินะ” ผมอดหัวเราะตามไปไม่ได้ เมื่อนึกถึงพี่ชายที่ทั้งรักทั้งหวงน้องชายคนเล็กของตัวเองกว่าอะไรทั้งหมด แต่พยายามไม่แสดงออกต่อหน้าคนที่ควรจะได้รับรู้ถึงความรักและห่วงใยนั้นมากที่สุด หวงและห่วงถึงขนาดมายืนขวางหน้ารถของคนที่มีข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับน้องชายของตัวเองกันเลยทีเดียว


    “โกลด์เบิร์กคงคิดว่า การมีความสัมพันธ์กับคนที่เกี่ยวข้องในคดีจะทำให้คนที่กัดไม่ปล่อยอย่างคุณวางมือ”


    “เขาทำสำเร็จนะ ผมยอมรับ” ผมว่า


    “แต่เขาลืมไปว่า ฉายาหมาล่าเนื้อของสก็อตแลนด์ยาร์ดของคุณไม่ใช่ชื่อที่นักข่าวตั้งให้เล่น ๆ”


    “อย่าพูดแบบนั้น ผมเขินจะแย่อยู่แล้ว” ผมท้วง ในขณะที่โทบี้หัวเราะเบา ๆ “มันน่ารำคาญ แต่มันก็มีข้อดี”


    คนข้างตัวผมเลิกคิ้วน้อย ๆ 


    “เราจะได้บอกทุกคนได้ว่า เราคบกันอย่างจริงจังได้เสียที ถ้าคุณอนุญาต”


    โทบี้หยุดเดิน และหันหน้ามามองผม ก่อนริมฝีปากของเขาจะขยับเป็นรอยยิ้ม


    “มีเหรอที่ผมจะไม่อนุญาต” 


    ถึงสุสานจะไม่ใช่ที่ที่ดูโรแมนติกสักเท่าไหร่สำหรับคนสองคนใช้เป็นสถานที่จูบกัน แต่ใครแคร์กันล่ะ 



    THE END

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
ชอบที่ทั้งสองมีความสุขด้วยกันที่สุดแล้วค่ะ เค้าก็โตกันแล้ว พอมีซีนเขินๆกันประปรายดูน่ารักมากเลย;-;
piyarak_s (@piyarak_s)
@salmonrism ขอบคุณที่อ่านยาวๆ มาจนถึงตอนจบเลยค่ะ ><
สำหรับสองคนนี้ ความสัมพันธ์ยังเพิ่งจะเริ่มต้นแค่นั้น แต่ก็ถือว่าแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ