เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Double Death (DTOL OMEGAVERSE AU)piyarak_s
Chapter 17: Case Closed?
  • ไม่รอด... ไม่ว่าผมหรือใครก็ตามที่อยู่ ณ ที่นั้นจะพยายามแยกพวกเขาออกจากกันหรือไม่ก็ตาม


    พันเอกออกัสต์ โกลด์เบิร์กตาย 

    ร้อยโทแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ไม่ตายก็เหมือนตาย


    คมเขี้ยวและกรงเล็บของแมวป่าลิงซ์ซึ่งเป็นร่างสัตว์ของนายทหารหนุ่มโจมตีจุดตายอย่างแม่นยำ
    คนตายไปแล้วไม่น่าห่วงอะไร แต่ผมเป็นห่วงคนที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า โดยเฉพาะคนที่คืนร่างมนุษย์และก้มลงหยิบปืนที่หลุดจากมือของโกลด์เบิร์กไปตกอยู่มุมหนึ่งของห้อง

    ผมที่ยังอยู่ในร่างสุนัขพุ่งกระโจนเข้าหาบาร์เทิลบี้ ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือถึงอาวุธบนพื้น 

    ผมไม่ได้กลัวเขาจะทำร้ายใครก็ตาม ไม่ว่าผม โทบี้ หรือวิล ผมกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเองด้วยปืนกระบอกนั้น 

    แม็กซ์ บาร์เทิลบี้ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไปแล้ว... 

    ความทรมานของเขาเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่การไถ่บาปด้วยชีวิตของตัวเองไม่มีประโยชน์กับใคร ผมต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป โทบี้เองก็เหมือนกัน ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ตะโกนบอกให้ผมช่วยบาร์เทิลบี้ให้รอดจากกระสุนนัดนั้นตั้งแต่แรก 

    ร่างของผมพุ่งกระแทกอกหรือท้องของเขาผมไม่แน่ใจนัก แต่การกระโดดทำให้เลือดจากบาดแผลที่ขาหน้าที่เกิดจากคมเขี้ยวของเขาไหลออกมาอีก และทำให้ผมไม่สามารถลุกยืนขึ้นได้ทันทีที่ล้มกลิ้งไปกับพื้นห้อง ส่วนเขาเสียหลักล้มไปชนกับโซฟาและสามารถคว้าพนักที่นั่งนั้นไว้เพื่อทรงตัวทัน 

    ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดของผมออก บาร์เทิลบี้ใช้เท้าเตะขาหน้าของผมที่เขากัดเมื่ออยู่ในร่างของแมวป่าเต็มแรงจนผมทรุดลงไปกับพื้น ผมได้ยินเสียงตัวเองคำรามและรีบผุดลุกขึ้นก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป แต่มีคนที่ไวกว่าผม

    “คุณหมอ!!! อย่า!!!” 

    รวดเร็วยิ่งกว่าวิล มัสเกรฟส์ที่เป็นตำรวจและได้แต่ร้องห้ามเจ้าของชื่อ โทเบียส ฟอล์กเนอร์ โอเมก้าคนเดียวในที่นั่นกระโจนเข้ามาในห้องทั้งที่อยู่ในร่างมนุษย์ พุ่งตัวเข้าหาและผลักแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ให้หงายหลังลงไป ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จัดการได้ง่ายนัก เพราะเขาไม่ยอมล้มไปเพียงคนเดียว แต่คว้าเสื้อที่โทบี้สวมแล้วใช้เข่ายันแพทย์นิติเวชข้ามตัวเขาไป เคราะห์ดีที่สัญชาตญาณของแมวป่าในตัวของคนที่พลาดท่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาจึงลงสู่พื้นด้วยท่าที่ค่อนข้างปลอดภัย แม้ว่าจะล้มลุกคลุกคลานพอตัว

    เขาเลือดร้อนและมุทะลุกว่าที่ผมคิดเอาไว้มาก ความเป็นนักสู้สูงกว่าอัลฟ่าโดยกำเนิดบางคนหลายเท่า ผมยอมรับว่ายังคงทึ่งกึ่งเป็นห่วงเขาอยู่ไม่หาย ถึงแม้ว่าเคยเห็นสัญชาตญาณการช่วยชีวิตคนที่แรงกล้าของเขาตอนที่ช่วยคนตกน้ำที่รีเจนท์สพาร์คมาหนหนึ่งแล้วก็ตาม

    กว่าเราสองคนจะตั้งตัวติด ปืนก็ตกอยู่ในมือของบาร์เทิลบี้และปลายกระบอกปืนหันมาทางเราทั้งสองคน เพียงแค่เขาเบี่ยงมือไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ใครก็ใครก็อาจถูกยิงได้ทั้งสิ้น 

    “สารวัตรเฟย์ โทบี้ อย่าพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมมอบตัวเลย มันสายเกินไปแล้ว” 

    เสียงของเขาขาดห้วงไปนิดหนึ่งเมื่อเหลือบไปเห็นศพยับเยินของออกัสต์ โกลด์เบิร์ก รอยเขี้ยวและเล็บบนร่างกายของนายทหารหน่วยข่าวกรองไม่ต่างจากบาดแผลที่พบบนศพของฮันนาห์ วัตกิ้นส์ที่มิทร์สแควร์ และคดีของเธอก็มาบรรจบกับคดีฆาตกรรมเอ็ดมันด์และเซบาสเตียน อาร์เชอร์จนได้

    “สิ่งที่เคยเกิดขึ้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่คุณเริ่มต้นใหม่ได้นะ แม็กซ์” แพทย์นิติเวชเอ่ย ค่อย ๆ ขยับเข้าหาผม โอบกอดผมในร่างสุนัขเอาไว้ ผมอยากคืนร่างมนุษย์ แต่ยังไม่สบโอกาสและไม่อยากทำให้เขาหวาดระแวง

    “เหมือนที่คุณเริ่มต้นใหม่กับสารวัตรเฟย์หลังจากเซบาสเตียนตายไปแล้วได้งั้นเหรอ”

    “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” 

    “คุณยังจำวันตายของเซบาสเตียน อาร์เชอร์ได้ไหม หรือว่าลืมไปแล้ว”

    โทบี้เหมือนชะงักไปนิดหนึ่ง แขนของเขาที่กอดผมเอาไว้ขยับเหมือนคำถามนั้นจี้ใจของเขาอยู่ไม่น้อย
    “ผมจำวันที่เขาตายต่อหน้าผมได้ไม่เคยลืม” เขาสบตากับอีกฝ่าย “คุณใช่ไหมที่ยิงเขา”

    “ใช่” บาร์เทิลบี้ยอมรับง่าย ๆ “มันเป็นหน้าที่ของผม และจะไม่ขอร้องให้คุณให้อภัยผมที่ฆ่าคู่หมั้นของคุณ”

    “ต่อให้ผมไม่ให้อภัย แต่คุณควรได้รับโอกาสที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง”

    “ผมเข้าใจความหมายของคุณ โทบี้ ขอบคุณมาก ผมไม่เสียใจที่ได้รู้จักคุณกับเซ็บ แต่คุณอาจเสียใจที่พวกเราได้เจอกัน เพื่อนไม่ควรหักหลังเพื่อน แต่ผมทำให้พวกคุณต้องผิดหวัง” รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากเปื้อนเลือดของแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ฝาดเฝื่อน ดวงตาของเขาไหวระริก แม้โดยภาพรวมแล้วเขาจะยังอยู่ในอาการสงบก็ตาม แต่นั่นก็อาจเป็นความสงบก่อนคลื่นโหมก็ได้ “และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กรณีของผม ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว”

    นายร้อยโทที่เคยอยู่ร่วมสมรภูมิตะวันออกกลางยังคงเล็งปืนมาที่โทบี้และผม ในขณะที่มืออีกข้างของเขาหยิบเอาคริปเท็กซ์ หลอดโลหะเข้ารหัสชุดหนึ่งที่ใส่สิ่งที่เป็นความลับไว้ภายในออกมาจากซอกโซฟา
    “โทบี้... เรื่องที่ผมเสียใจที่สุด คือ การฆ่าเซบาสเตียน อาร์เชอร์ ผมไม่เคยลืมวันที่เขาตายเลย”

    เขาโยนคริปเท็กซ์ให้นายแพทย์นิติเวช และเป็นเสี้ยวนาทีนั้นเองที่เขายกปืนจ่อขมับและเหนี่ยวไก
    สิ่งเดียวที่ผมทำได้คือ รีบคืนร่างมนุษย์ดึงตัวของโทบี้เข้ามากอดไว้กับอก ใช้มือปิดตาของเขาไม่ให้เห็นวินาทีแห่งความสูญเสียอย่างที่เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน มีเสียงร่างมนุษย์ล้มลงกระทบพื้น ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบงัน



    ----------------------------- 



    หลังเหตุการณ์ที่โรงแรมเบเวอร์ลีย์จบลงด้วยความตายของออกัสต์ โกลด์เบิร์กและแม็กซ์ บาร์เทิลบี้ คนชองหน่วยข่าวกรองทางการทหาร เหตุการณ์นั้นจึงต้องมีคนของหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษเข้ามาร่วมดำเนินการ ผมเห็นทิม ฟอล์กเนอร์แวบหนึ่งตอนที่เดินไปห้องแพทย์ประจำโรงแรมเพื่อปฐมพยาบาลบาดแผล เขาเห็นผมเช่นเดียวกัน แต่เราต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรกัน ทว่าสายตาของเขาที่มองมายังผมบอกว่า มีเรื่องที่จะต้องพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวหลังจากนี้ แต่เมื่อใดและที่ไหน เอาไว้ติดต่อกันภายหลัง

    เท่าที่ผมรู้ โทบี้มอบคริปเท็กซ์ให้ทิม ฟอล์กเนอร์เก็บรักษาไว้โดยที่ยังไม่เฉลยรหัส
      
    โทบี้ วิล และผมใช้เวลาไปกับการให้ปากคำตำรวจทีมอื่นและตำรวจท้องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่หลายชั่วโมง และเสียเวลารออยู่ที่เอแอนด์อี หรือห้องฉุกเฉินและอุบัติเหตุของโรงพยาบาลเพื่อรอตกแต่งบาดแผลจากการถูกกัดและรอยถากของกระสุน และฉีดยาป้องกันบาดทะยัก รับยาแก้ปวดกลับมากินที่บ้าน ระหว่างที่รอนั้นไม่น่าเบื่อสักเท่าไหร่ ในเมื่อผมต้องคอยตอบคำถามของญาติมิตรอย่างฟรานเซสหรือแฟนนี่ น้องสาวของผมและโลเวลล์ หลานชายคนโปรดของผม รวมถึงเบนเน็ตต์ที่ดูโล่งใจมากขึ้นที่ผมบอกว่า ผมจะนอนค้างที่บ้านของโทบี้ เพราะเบนเน็ตต์ไปทำงานต่างเมืองกว่าจะกลับก็อีกสามวันข้างหน้า และเขาคงรู้สึกผิดมากที่ช่วยหรือดูแลเพื่อนสนิทอย่างผมอย่างที่ควรทำไม่ได้ 


    กว่าจะถึงบ้านของโทบี้ก็เลยเวลาอาหารค่ำไปเรียบร้อยแล้ว และเราต่างคนต่างเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไร ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งวันโดยเฉพาะช่วงที่เกิดเหตุในโรงแรมเบเวอร์ลีย์ที่ไนท์สบริดจ์ แขนขวาของผมระบมจนไม่อยากจับส้อมมีด มื้อค่ำของเราจึงลงเอยด้วยคอร์นเฟลกกับนมคนละถ้วย น้ำชาแบบไม่มีคาเฟอีกกาหนึ่ง แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันไปใช้ห้องน้ำ บ้านมีเราแค่สองคน เพราะอัลเฟรด คอร์ตนีย์เพื่อนร่วมแฟลตของเขายังทำงานอยู่ในสำนักงานของกองบรรณธิการ อาจกลับดึกหรือนอนบ้านเพื่อนอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กว่า


    ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน โทบี้กับผมต่างมองหน้ากัน เราไม่มีคำพูดอะไรต่อกันมากนัก เพราะมีเรื่องให้พูดมากเกินไปจนไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน ในที่สุดแล้ว เราต่างตัดสินใจเข้านอน ทว่ายังไม่มีใครหลับตาลง


    โทบี้นอนอิงอยู่กับท่อนแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บของผมเหมือนในวันที่เรานอนอ่านจดหมายจากเอ็ดมันด์ที่กล่าวอ้างว่าตัวเองเป็นเซบาสเตียนและนัดเขาให้ไปรอที่รีเจนท์สพาร์ค


    ผมเกลี่ยปลายนิ้วท่ามกลางกลุ่มผมสีทรายอ่อนนุ่มของเขา เราต่างไม่ได้พูดอะไรกัน แต่เมื่อต่างคนต่างมองตาเราก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในใจและความกังวลที่มีต่ออีกฝ่ายเป็นเรื่องเดียวกัน


    ผมเป็นห่วงความรู้สึกของเขา และเขาเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของผม

    “คุณโอเคนะ โทบี้”

    “ผมโอเค ไมเคิล แต่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยครับ” โทบี้ทาบหลังมือของเขาลงเหนือหน้าผากของผม “พักก่อนเถอะ”

    ผมมองหน้าของเขา กุมมือข้างที่เลื่อนลงมาวัดความร้อนที่แก้มและซอกคอของผมเอาไว้

    “ผมจะนอนอยู่ข้าง ๆ คุณนี่แหละ” เขาบอก พลางเอนตัวลงบนที่นอนฟากที่ว่างอยู่ แล้วนอนตะแคงข้าง หันหน้ามาทางผม ใช้ปลายนิ้วสางเส้นผมบริเวณขมับของผม และยิ้มน้อย ๆ ให้ ก่อนขยับเข้ามาจูบผมที่หน้าผาก

    เป็นความอบอุ่น นุ่มนวลที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงได้อย่างบอกไม่ถูก

    ผมมองใบหน้าของเขา ทำเช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติกับผม เกลี่ยเส้นผมสีทรายนั้นออกไปจากหน้าผากของเขา แล้วขยับเข้าไปจูบเขาที่ริมฝีปาก

    เขาหลับตา ไม่ได้หันหน้าหนี แต่ใช้มือประคองใบหน้าของผมเอาไว้และลูบตอบเบา ๆ เมื่อผมถอนริมฝีปากออกไป เขาขยับปากเหมือนอยากเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา 

    ถึงจะไม่พูด แต่ผมก็พอจะรู้ว่า คำที่อยู่ในใจของเราสองคนตรงกัน มันเป็นคำง่าย ๆ ที่พูดออกมาได้ยากเหลือเกิน

    “ผมดีใจที่มีคุณอยู่กับผม โทบี้” ผมเอ่ยกับเขาในที่สุด “ผมดีใจที่มีคุณ” 

    ไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ ยามปกติหรือยามเจ็บป่วย

    เขายิ้มให้ผม แล้วโน้มศีรษะของผมมากอดแนบกับอกของเขา ระมัดระวังไม่ให้ถูกแผลที่แก้มของผม
    “ขอบคุณที่คุณไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง ถ้าเสียคุณไปอีกคน”




    To be continued.... 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
แง อย่าหงอยกันเลยนะคะ