เมื่อเราถามหาบุคคลที่ไม่เคยสูญเสีย ก็อาจจะไม่ใช่ฐานะที่เป็นไปได้ ก็เพราะในโลกใบนี้มีสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปอยู่ร่ำไป คงไม่มีใครไม่เคยพบเจอการพลัดพราก และสูญเสียสิ่งที่รักไป กระนั้น ชีวิตก็ไม่ได้มาบอกกับเราว่าให้เราท้อแท้ และท้อถอยตลอดเวลา หากเรานำสิ่งที่เราเสียใจนำกลับมาปรับใช้กับชีวิตได้ เมื่อนั้นเราจะพบเจอทางออกของความสูญเสียนั้น บางครั้งการสูญเสียสิ่งนึงเพื่อพบเจออีกสิ่งนึง นั่นก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านของบางสิ่งก็เท่านั้นเอง.
ความสูญเสียที่สูญเปล่า
จิตใจของผู้คนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังอยู่ตลอดเวลา หากเราไม่สามารถบังคับความคาดหวังของเราได้ เราก็จะไม่สามารถประคับประคองสติให้ผ่านพ้นไปได้เช่นกัน เปรียบเสมือนทุกสิ่งล้วนหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา แต่เรากลับต้องพยายามดิ้นรนแสวงหาความมั่นคงในชีวิต เรากลับกลายเป็นคนที่ไม่ยอมรับความจริงของธรรมชาติว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาเอามาก ๆ ที่วันหนึ่งมี แล้ววันหนึ่งก็ไม่มี การจะใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าคือการปล่อยเวลาทิ้งไปกับความยึดมั่นถือมั่นกับทุกสรรพสิ่งที่เราพานพบ เรากลับไม่ปล่อยมันไปไหนเลยแม้กระทั่งคนที่เรารักมากที่สุด ดังเช่นตัวของเราเอง ความปล่อยวางจึงเป็นทางออกของชีวิตที่สูญเปล่านี้.
หมั่นใส่ใจตัวเองให้มากเข้าไว้ บางครั้งชีวิตคือการเรียนรู้ว่าเราควรจะปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา มิใช่เป็นการไปตะโกนด่าทอโชคชะตา หรือว่าอ้อนวอนและวิงวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเหลือเรา
การกระทำที่เป็นประโยชน์คือทำสิ่งใดก็ตามแต่ ในสิ่งที่เราสามารถทำได้จริง ๆ และจงหลีกเลี่ยงในการทำสิ่งใดก็ตามแต่ ในสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขได้จริง ๆ หากวันนี้เรารู้ชัดแล้วว่าอะไรบ้างที่ทำให้เรามีคุณค่าขึ้น เราจงหมั่นทำสิ่งนั้นอยู่เนือง ๆ อย่าละทิ้งความพยายามใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วสักวันหนึ่งคุณจะพบเจอคำตอบของชีวิตที่เฝ้ารอมานานแสนนานว่าทำไมการสูญเสียจึงทำให้คุณดีขึ้นได้เช่นเดียวกัน.
ความสูญเสียที่มีคุณค่า
สำหรับคนที่ฝึกจิตฝึกใจมาแล้วนั้น จะมองความทุกข์และความสูญเสียเหมือนดังฟ้าประทานของขวัญอันล้ำค่ามาให้ ก็แน่นอนว่ามันอาจจะยากไปสักนิดนึงที่เราจะมองความทุกข์เป็นความเข้าใจ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่มันก็อยู่ในฐานะที่เราพอจะทำได้อยู่บ้าง แต่มีข้อแม้ว่าต้องฝึกใจมาพอสมควรก็เท่านั้นเอง
การมองทุกอย่างตามความเป็นจริงนั่นคือหนทางแห่งความดี มันคือทางที่เราจะไม่ผลักดันปัญหาออกไปจากชีวิตของเรา และมันคือการที่เราเริ่มโอบกอดเหตุการณ์ที่เราพานพบ ไม่ผลักไสและไล่ส่งสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่ดีและไม่ดีออกไปจากชีวิต ก็แค่อยู่กับมันไป ดื่มด่ำ ณ เหตุการณ์นั้นอย่างที่มันเป็น.
ความเป็นจริงก็คือความสูญเสียไม่ได้นำอะไรออกไปจากตัวเราเลย หากเพียงแต่สิ่งที่เราเคยยึดถือนั้นได้แปรเปลี่ยนไปตามสภาวะ กาลเวลา และธาตุต่าง ๆ ที่หลอมรวมกันอยู่ก็เท่านั้น มองสิ่งของและสิ่งมีชีวิตอย่างเข้าใจ คนรักเราจะจากเราไป ก็เพราะเขามีเหตุผลอะไรบางอย่าง สัตว์เลี้ยงที่ตายจากเราไปเพราะเขาหมดอายุขัยไปแล้ว หรือดอกมะลิที่เราซื้อมาจากตลาดได้แห้งเหี่ยวภายในไม่กี่วัน ก็เพราะมันไม่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงที่ทำให้มันอยู่ได้เลย สิ่งเหล่านี้ล้วนมาบอกกับเราว่า ให้เราเข้าใจว่าไม่ใช่เพราะเราไม่ดีพอ แต่เพราะทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ เราทุกคนล้วนแต่บ่ายหน้าไปยังสิ่งที่เรามุ่งหวังกันทั้งนั้น ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น มันเป็นของมันแบบนั้นเอง.
ไม่มีอะไรได้มาจริงก็เลยไม่สูญเสียไปจริง
หากว่าเรากำลังเข้าใจผิดอะไรบางอย่างอยู่ล่ะ ถ้าจริง ๆ แล้วสิ่งที่เราเห็นนั้นเป็นเพียงแค่ภาพจำภาพหนึ่ง ที่วันหนึ่งมันเข้ามาหาเราแล้วมันก็จากเราไป มันไม่ได้หลงเหลืออะไรไว้ดูต่างหน้าเลย นอกจากทิ้งความทรงจำที่ค่อย ๆ จางหายไปทีละวัน จริง ๆ แล้วเรากลับยึดถือความทรงจำเสียมากกว่ายึดถือความสูญเสีย เราอยากจะย้อนเวลากลับไปมีความสุข ณ ช่วงเวลานั้น เราพยายามทำทุกวิถีทางให้ชีวิตกลับไปให้ได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียสิ่งใดไปก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สุขภาพ และเวลาอันมีค่า เราก็ยอมเพื่อสิ่ง ๆ นั้น หากเราพิจารณามันมากพอเราจะพบว่า เราสูญเสียทุกสิ่งเพื่อให้ได้สิ่ง ๆ นึงไม่ได้หรอกนะ มันไม่ใช่ไม่คุ้มค่าแต่มันไม่สามารถกลับมาได้ต่างหาก.
เมื่อไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก มันก็เลยไม่จางหายไป นี่เป็นเรื่องสามัญของโลกใบนี้ เราไม่ยึดถือสิ่งใด เราก็จะไม่ทุกข์กับสิ่งนั้น การสูญเสียเกิดขึ้นเพราะเราเอาใจเข้าไปยึดมั่นถือมั่นจนเป็นตัวกู ของกูกันอย่างจริงจัง
เหมือนเราอินกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมาก เราคิดว่านี่คือชีวิตของเราจริง ๆ เรากำลังรับบทเป็นตัวเอกของเรื่อง แต่ในความเป็นจริงแล้วเราก็ถูกกำกับให้เล่นไม่ใช่เราเล่นเพราะอยากเล่น นี่คือความเป็นจริง เราจงออกมาเป็นผู้ดูและผู้มองให้ได้ ถ้าเราอินมากไปชีวิตเราจะจมอยู่กับบทละครที่เราติดใจกับมัน แล้วเราจะไม่สามารถเขียนบทละครเรื่องใหม่ที่เราอยากจะเป็นได้เลย ให้ฝึกสติในการสังเกตชีวิตของตัวเอง แล้วความพอดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด.
การหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง
สิ่งนี้มีสิ่งนั้นจึงมี สิ่งนี้ไม่มีสิ่งนั้นจึงไม่มี ธรรมชาติเป็นของคู่โลกเกิดพร้อมโลกและดับไปพร้อมโลก โลกนี้เป็นสิ่งที่เรียกว่าภาพมายา เมื่อมีการได้มาย่อมมีการสูญเสียไปเป็นธรรมดา หากเราเอาใจไปคาดหวังกับสิ่งที่เราพอใจ เมื่อนั้นเราจะประสบความทุกข์แสนสาหัส
มันคงจะง่ายกว่ากันไหมที่เราพยายามที่จะไม่เอาอะไรมาผูกมัดกับชีวิตไว้มาก แต่ถ้าเราผูกมัดแล้วก็ต้องประกอบด้วย สติ สมาธิ และปัญญาควบคู่กันไปด้วย เพื่อไม่ให้ชีวิตติดกับดับความสูญเสียไปมากกว่านี้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นของธรรมดา การสูญเสียสิ่งภายนอกก็ไม่เท่าการสูญเสียสิ่งภายใน และการสูญเสียคนรักก็ไม่เท่าการสูญเสียการรักตัวเอง.
อย่าเอาใจไปผูกมัดกับสิ่งใด 100% จงเผื่อใจเอาไว้บ้างอย่างน้อย 70/30 ไม่ก็ 60/40 ก็ยังดี การถลำตัวเข้าไปลึกเกิน แน่นอนล่ะ มันยากที่จะถอนตัวออกมา แต่ให้ลองเริ่มจากการที่เราเริ่มแสวงหาสิ่งใดก็ตามแต่ ให้ลองสังเกตดูว่าใจเราจะเข้าไปยึดเกาะสิ่ง ๆ นั้นอยู่เสมอ มีสติระลึกรู้ให้ได้ว่าการไปยึดสิ่งนั้นมาก มันจะทำให้เราทุกข์มากนะ ถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้ทั้งหมด ฝึกรู้แบบนี้บ่อย ๆ ใจจะเริ่มปล่อยวางและเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้าเข้าไปเป็นผู้เล่นแล้วก็มีต้องมีจุดยืนแห่งความดีให้ได้ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเข้ามาเยือน เมื่อนั้นเราก็จะต้องยืนหยัดให้ได้ ไม่ต้องกลัวว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างล้วนผ่านมาและผ่านไปเป็นเรื่องปกติ.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in