เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ก่อนตะวันรอนngamdokbua
นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน ตอนที่ 17 : ข้าวใหม่ปลามัน
  • นวนิยายเรื่อง: ก่อนตะวันรอน

    ตอนที่ 17 : ข้าวใหม่ปลามัน


    หลังจากที่แก๊งสามเกลอและแก๊งสาวส่าได้นัดกันกับคู่แฝดเอกและอาร์ตเพื่อคุยกันต่อเรื่องวิชาที่โรงเรียนระดับมัธยม วันนี้ก็ถึงวันนัดแล้วทั้งหมดจึงได้มารวมตัวกันที่สี่แยกหน้าวัด ขาดแสงคนเดียวที่รออยู่นาวานของพ่อเขา เพื่อช่วยงานพ่อกับแม่ที่ทุ่งนาและรอต้อนรับเพื่อน ๆ หน้าที่คนที่จะพาเพื่อน ๆ ไปนาวานก็ตกเป็นของแห้งและกบเพื่อนสนิทของแสงนั่นเอง แต่ปัญหาตอนนี้คือพวกเขามีสมาชิกที่จะเดินทางไปด้วยกันทั้งหมด 8 คน แต่ว่ามีจักรยานเพียงแค่สองคันที่เอกกับอาร์ตปั่นมาจากบ้าน ถ้าจะทิ้งจักรยานไว้ตรงนี้ก็กลัวแม่ด่า ถ้าจะเอาไปด้วยเพื่อนบางคนก็จะน้อยใจที่ไม่ได้ขี่ด้วย

    “เอาจังสิบ่ เดี๋ยวเฮาไปเอารถหยู้อยู๋เฮือนมา” เดอลาเสนอเพื่อน ๆ

    “ดีเลยหญิงเอามามัดพ่วง ไผสันใหญ่กะถีบให้หมู่ขี่” กรีนนี่ไม่บอกว่าใครแต่โบ้ยหน้าไปทางกบแทน

    “กูอีกแล้วติ”

    “เอาโลดโชว์กล้ามเพื่อน” นกแก้วยุส่ง

    “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?” อาร์ตอาสาแต่คงไม่ทันเพราะเดอลาคว้าแขนกรีนนี่ออกวิ่งไปแล้ว

    “หญิงเธอแน่ใจแล้วบ่ว่าสิพ่วงรถหยู้ บักกบสิบ่พาพวกเฮาถิ่มแข่วบ่ ?” กรีนนี่พูดไปก็ขำไปนึกภาพตัวเองและเพื่อน ๆ นั่งในรถเข็นพ่วงต่อกับจักรยานแล้วมีกบเป็นคนปั่น

    “เอ๋า! เธอคึว่าให้มันถีบจักรยานสั่น”

    “กะสันมันใหญ่ก่อนหมู่เนาะ สิให้เฮาบอกพี่เอกกับพี่อาร์ตถีบหวา จักรยานกะจักรยานคะเจ้าเกรงใจเพิ่น”

    “เอ้า ๆ ถิ่มบ่ถิ่มกะอีแหล่โสตายหล่ะพวกเฮามื้อหนิ” พูดจบสาวน้อยเดอลาและกรีนนี่ก็หัวเราะลั่นกับคำพูดของตัวเอง


    “รถหยู้มาแล้วจ้า ไผแฮงหลายกะมาผูกเชือกเด้อ”

    “มาอีเขียวกูผูกเองสันกูใหญ่”

    “อีขงอีเขียวหยังบักกบระวังปากมึงดี ๆ เด้อ”

    “โอ๊ย! บ่ทันได้ไปฮอดไสอยู๋สูสิตีกันแล้วบ่” นกแก้วเริ่มรำคาญเพื่อน ๆ

    “เอามาถะแมะเชือกคันสิให้ผูกกะดาย” กรีนนี่โยนเชือกให้กบโดยไม่ยอมมองหน้า ส่วนเอกกับอาร์ตก็ได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์ว่าจะดีกันได้สักกี่น้ำ เพราะวีรกรรมของทั้งสองแก๊งเอกกับอาร์ตก็ได้ยินมาพอสมควรจากครูสมัยผู้เป็นแม่ จึงไม่แปลกใจที่เห็นลูกศิษย์ของแม่จะพูดจากระทบกระทั่งกันตลอด

    “เดี๋ยวพี่ปั่นจักรยานพ่วงรถเข็นก่อนก็ได้ ส่วนอาร์ตก็ปั่นอีกคันตามมานะ”

    “เอาอย่างนี้ ให้ใครสักคนมานั่งกับผมรถเข็นจะได้ไม่หนักเกินไป”

    “หญิงเดอลาไปนั่งนำพี่อาร์ต ส่วนบักกบกับบักแห้งหยู้รถหยู้ก่อนค่อยขึ้นมา”

    “อิหยังวะ! นึกว่าสิได้นั่งรถหยู้สำบาย ๆ บ่แมนตั้วหนิ” กบเกาหัวแกรก ๆ

    “บ่ต้องจ่มเลยไสบอกว่าสันใหญ่หยู้หน่อยเดียวกะลงโนนแล้ว ฟ่าวมามันสิสวยเห็นบ่พี่อาร์ตเพิ่นไปแล้วหนั่น”


    ในระหว่างทางไปนาวานของตาทองสาพ่อของแสงเด็ก ๆ จะต้องผ่านโนนดอกจานที่มีต้นจานใหญ่สูงเด่นอยู่บนโนน ชาวดอนผักหวานเรียกผู้คนที่มีเถียงนาอยู่ละแวกนี้ว่า “ไทโนนจาน” ตามต้นจานใหญ่ นั่นเอง

    “ทุกคนลงก่อนนะ เดี๋ยวมาช่วยพี่เข็นรถขึ้นเนินก่อน” เอกลงจากจักรยานเพื่อที่จะเข็นขึ้นเนินไป เพราะเนินค่อนข้างสูงไม่สามารถปั่นจักรยานพ่วงทุกคนได้

    “ไหวไหมเอก? ” หนุ่มอาร์ตร้องถามคู่แฝดขณะกำลังเดินจูงจักรยานขึ้นเนินดอกจานไป โดยมีสาวน้อยเดอลาช่วยผลักอีกแรง

    “ไหวสิ เห็นไหมว่าทีมเรามีตั้งหลายคน ใช่ไหมพวกเรา? ” เอกพยักพเยิดหน้ากับน้อง ๆ ที่กำลังช่วยกันเข็นรถเข็นจนขึ้นไปถึงเนินดอกจาน

    บริเวณเนินดอกจานมีลานกว้างพอสมควร ที่ตรงนี้เป็นที่ดินสาธารณะ ชาวบ้านที่มีที่นาบริเวณใกล้เคียงมักจะนำวัวนำควายมาเลี้ยงที่นี่บ่อย ๆ ทั้งในหน้าแล้งและหน้านา เพราะบริเวณนี้มีหญ้าให้วัวให้ควายได้กินตลอด โดยเฉพาะหน้านาไม่ต้องกังวลว่าวัวควายจะไปกินข้าวในทุ่งนาให้รำคาญใจ

    “ตรงนี้สวยจังเลยร่มรื่นดีด้วย วันหลังเรามาเล่นที่นี่อีกได้ไหม” อาร์ตมองไปรอบ ๆ บริเวณเนินดอกจาน สามารถมองเห็นได้ทั้งหมู่บ้านดอนผักหวานเลย

    “ได้สิ แต่วันนี้เรารีบไปนาวานก่อนนะเดี๋ยวผู้ใหญ่จะเป็นห่วงกัน” เดอลารีบชวนเพื่อนออกเดินทางต่อ


    เมื่อทุกคนลงจากเนินดอกจานมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ได้ยินเสียงของหมอลำคำก้อนแว่วมาแต่ไกล นาวานนี้เป็นไปไม่ได้ที่หมอลำคำก้อนจะไม่มา เพราะเป็นนาวานของตาทองสาน้องชายแท้ ๆ ของหมอลำคำก้อนนั่นเอง

    “ถ้าตั้งโดนหัวแต่มาฮอดหนิบ่” แสงบ่นอุบ

    “จ่มหลายเถาะมาฮอดแล้วกะดาย ไสมีหยังให้ซ่อยแน”

    “ได้ยินเสียงหมอลำแนหล่ะไฟแรงเนาะหญิงนกแก้ว”

    “กะแน่ละเนาะฟ้า ไผสิฟังแต่เสียงพระเทศน์คือเธอ คันได้เข้าวัดหล่ะออกมาบ่เป็นเลย”

    “วันศีลวันพระกะฮู้อยู่ว่ายายเฮาพาไปจำศีลตลอด”

    “สิมาซ่อยเวียกหรือสิมาเถียงกันซูมหนิ คันสิมาซ่อยเวียกกะเอาอันนี้ไป” แสงยื่นกระติกน้ำให้ม่านฟ้าและนกแก้วคนละใบ

    “แล้วพวกพี่หล่ะครับ ช่วยอะไรได้บ้าง? ” เอกเอ่ยถามแสง หลังจากที่มองไปรอบ ๆ ตัวแล้วไม่รู้ว่าจะหยิบจะจับอะไรดี เกี่ยวข้าวก็ไม่เคยเกี่ยว

    “เดี๋ยวพวกพี่ไปเอาฟืนกับผมก็ได้ครับ เราจะไปเก็บฟืนในป่านั่นมาก่อไฟเผาปลา”

    “มีปลาด้วยเหรอแสง” อาร์ตทำสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

    “มีสิครับมีทั้งปลาในนาข้าว และปลาในสระที่พ่อผมเลี้ยงไว้ ใกล้ ๆ กับเถียงนาฝั่งโน้นครับ” แสงชี้มือไปที่สระปลาของพ่อให้เพื่อน ๆ ดู

    “มื้อนี้สิได้กินปลาแมนบ่ลูกพี่” แห้งทำหน้าดีใจเพราะชอบกินปลาเป็นพิเศษ

    “แม่นแล้วเฮาสิพาพวกโตไปเลาะเบิ่งปลาข่อนนำ เดี๋ยวแยกย้ายเฮ็ดหน้าที่จะของแล้วมาถ้ากันอยู่ใต้ต้นบักกอกนี่เด้อ” แสงบอกเพื่อน ๆ ก่อนที่จะเดินนำเอกอาร์ตแห้งและกบไปยังป่าเพื่อไปเก็บฟืนมาไว้เผาปลา

    “แล้วพวกฉันเด้นายแสง? ” นกแก้วร้องทักก่อนที่หนุ่ม ๆ จะเดินออกไปไกลกว่านี้

    “กะไปเสิร์ฟน้ำให้พวกผู้เฒ่ากับหมู่โตถะแม้ ถือไว้เฮ็ดหยังกะติกหน่ะ” แสงพูดไปหัวเราะไปก่อนที่จะออกวิ่งนำเพื่อน ๆ อีกครั้ง

    “มาทางพี้อีหล่า เอาน้ำมาให้ตากินแนฮ้องหมอลำจนคอแห้งแล้ว บักแสงมันไปใสคือบ่มาหาน้ำหาทามาให้น้อหนินอ” หมอลำคำก้อนบ่นให้แสงซึ่งเป็นหลานชายคนเดียว และตนตั้งใจอยากจะฝากวงหมอลำให้สานต่อ แต่แสงไม่เคยชอบและสนใจเลย

    “มันพาหมู่ไปเอาฟืนมาไว้เผาปลาจ้าตา เดี๋ยวหนูเอาน้ำไปให้” นกแก้วอาสาเอาน้ำไปให้ตาคำก้อน กะว่าจะเลียบ ๆ เคียง ๆ ขอเข้าไปเรียนร้องหมอลำกับตาคำก้อนด้วย

    “ไวเนาะหญิงให้เฮาไปนำ” กรีนนี่และนกแก้วหัวเราะชอบใจที่จะได้เข้าไปคุยกับหมอลำคำก้อนใกล้ ๆ

    ถึงแม้ว่าจะอยู่หมู่บ้านเดียวกันก็จริง แต่กรีนนี่และนกแก้วหาโอกาสได้เจอกับหมอลำคำก้อนยากมาก เพราะคณะหมอลำคำก้อนออกเดินทางไปแสดงตามต่างอำเภอและต่างจังหวัดบ่อย ๆ นาน ๆ ทีถึงจะกลับมาบ้าน นี่ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นนาของตาทองสาน้องชาย หมอลำคำก้อนคงพาคณะออกไปหารับงานที่อื่นกันแล้ว

    “พ่อตู้มาอยู่บ้านเฮาโดนบ่จ้างวดหนิ? ” กรีนนี่ถามหมอลำคำก้อน  หลังจากที่เสิร์ฟน้ำให้เรียบร้อยแล้ว

    “ข้าวพ่อบักแสงขึ้นเล้าแล้วหนิหล่ะ เบิ่งก่อนลางเทือกะสิถ้าบักแสงมันเรียนจบ พ่อตู้ว่าสิเอามันไปนำให้มันไปเบิ่งการเบิ่งงาน เหมิดพ่อตู้แล้วกะว่าสิฝากให้มันหนิหล่ะเบิ่งคณะต่อให้กะดาย”

    “ให้บักแสงไปนำมันสิคือบ่น้อพ่อตู้? ”

    “จั๊กอีหล่า... คือบ่คือกะสิได้ลองเบิ่งตั้ว ลำบ่เป็นมาซ่อยพ่อตู้เบิ่งคณะกะยังดี หัดให้มันแต่น้อย ๆ หนิหล่ะ”

    หมอลำคำก้อนมองไปยังแสงหลานชายที่เป็นความหวังเดียวของเขา ซึ่งตอนนี้กำลังกุลีกุจอพาเพื่อน ๆ หอบฝืนมากองไว้ข้างสระปลา


    “เสร็จแล้วเราไปกันเลยไหมพี่อยากไปหาปลาเต็มทีแล้ว” อารฺ์ตกับเอกตื่นเต้นไม่แพ้กันเลย เพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้ลงไปจับปลาด้วยตัวเอง

    “เดี๋ยวก่อนพี่เอกพี่อาร์ตมาเอาผ้าแพรไปเปลี่ยนก่อนเดี๋ยวพวกผมสอนให้ว่านุ่งยังไง” พูดจบแสงก็ยื่นผ้าขาวม้าลายสก๊อตสีน้ำเงินขาวให้กับเอกส่วนอาร์ตได้สีเขียวขาว เพื่อเอาไปเปลี่ยนแทนกางเกงขาสั้นที่ใส่มาวันนี้

    “ผ้าขาวม้านี่สวยจังเลย พวกพี่เคยเห็นคุณตาใส่บ่อย ๆ แต่พวกพี่ไม่เคยลอง” สองหนุ่มอาร์ตและเอกชื่นชมผ้าขาวม้าที่แสงนำมาให้เปลี่ยน

    “แล้วหล่ะไป๊ซุมผู้ซาย พวกฉันถ่าจนแข่วแห้งละเด้เนี่ย! มาเถิ่น”

    “ถ่าจนฮากสิงอกแล้วเนาะหญิง” นกแก้วเสริมกรีนนี่ที่ยืนเท้าสะเอวทำสีหน้าเซ็ง ๆ มาสักพักแล้ว

    “ฉันเก็บบักกอกจนสิเหมิดหม่องเก็บแล้วเธอเต็มกะต่าแล้วหนิ”

    ม่านฟ้าพูดพลางยกตะกร้ามาไว้บนสื่อที่ปูอยู่ใต้ต้นมะกอก ก่อนที่จะหย่อนตัวลงไปนั่งข้าง ๆ กรีนนี่รอเพื่อนผู้ชายที่ไปเก็บฟืนกัน

    “แล้วไป๊! เก็บบักกอกถ่าจนสิเหมิดต้นแล้วเดะหนิ” เดอลาออกโรงตะโกนเรียกพวกหนุ่ม ๆ บ้าง

    “มาแล้ว! มาแล้ว!”

    “พากันเฮ็ดหยังนั่นคือนุงผ้าเตียวเหมิด" เดอลาขมวดคิ้วถามแสง

    “นุ่งเป็นหมู่อ้ายเอกกับอ้ายอาร์ตสื่อ ๆ เพิ่นบ่มีผ้ามาเปลี่ยน อยากลองนุ่งผ้าเตียวเบิง พวกเฮากะเลยนุ่งเป็นหมู่” แสงอธิบายให้สาว ๆ ฟัง

    “ผ้าเตี่ยวหลุดมาหนิโตไผโตมันเด้อพ่อ” เดอลาพูดจบก็รีบเดินนำเพื่อน ๆ ไปยังสระน้ำทันที

    “มาทางพี่ก่อนน้องหล่า!” บ่าวเขื่อนเรียกเด็ก ๆ ให้เข้าไปหา เพื่อจะบอกตำแหน่งของปลาข่อนว่าอยู่ตรงไหนในนาข้าว

    “ให้ลงเลยบ่อ้ายเขื่อน” แสงถามเพื่อความแน่ใจ

    “เดี๋ยวอ้ายเกี่ยวหน้านี้ออกให้ก่อน ถ้าจักบึ๊ดเด้อ” ว่าแล้วบ่าวเขื่อนก็เรียกบ่าวเชิดเพื่อนเกลอมาช่วยเกี่ยวข้าวบริเวณที่มีปลาออกให้หมด เพื่อจะให้เด็ก ๆ ลงมาเก็บปลาได้

    “แล้วแล้วบานหนิ มา! ไผสิลงมา” หลังจากที่เกี่ยวข้าวเสร็จบ่าวเขื่อนก็เรียกเด็ก ๆ ให้ลงไปเก็บปลาในนาข้าว ส่วนตนและบ่าวเชิดก็ตรงไปยังหนองน้ำของตาทองสาเจ้าของนาวานเพื่อที่จะไปหว่านปลาทันที

    “พี่เอกกับพี่อาร์ตดูพวกผมก่อนนะ ว่าจับปลาในทุ่งนาทำอย่างไร เพราะถ้าจับไม่เป็นก็ทำให้เกิดอันตรายได้นะครับ”

    “อันตรายยังไง พี่เห็นพวกนายหาปลาน่าสนุกจะตาย” อาร์ตคันไม้คันมืออยากจะลงไปจับปลาด้วย

    “เอ๋า! ก็อย่างปลาเข็งถ้าจับไม่เป็นคีบมันก็ปักเอาสิครับ”

    “ปลาเข็งอิหยังของมึงบักแห้ง เขาเอิ้นปลาหมอ หึย!”

    “เอ้าติ! กูกะลืมเนาะสูเอิ้นแต่ปลาเข็ง”

    “นี่ไงได้แล้วปลาหมอ พี่เอกพี่อาร์ตมาดูนี่ เวลาจะจับปลาหมอพี่ต้องค่อย ๆ เอามือเข้าไปใกล้ ๆ หัวมันนะ กะให้รวบครีบมันด้วย พอกะระยะได้ก็ให้รีบจับให้แน่นเลย ถ้าจับไม่แน่นเวลามันดิ้นตรงที่เป็นครีบแข็ง ๆ บนสันหลังมันจะปักมือเราได้ ปวดเลยนะบางทีก็เลือดออก”

    “ขนาดนั้นเลยเหรอแสง”

    “พี่อาร์ตกลัวเหรอ? ”

    “เปล่า! พี่ไม่ได้กลัวก็แค่อยากรู้เลยถาม” เอาจริง ๆ หนุ่มอาร์ตก็แอบกลัวอยู่บ้าง แต่ใครจะไปบอกความจริงหล่ะ ยิ่งเจ้าเด็กหล่า เดอลาอะไรนี่ด้วยแล้ว ให้รู้ไม่ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นล้อไม่เลิก

    “เดี๋ยวพี่ขอลองบ้างสิแสง”

    “ได้เลยพี่เอก พี่อาร์ตก็ลองมาจับด้วยกัน ปลาเยอะแยะเลย”

    “พี่อาร์ตเขาคงไม่กล้าหรอกมั้ง” เดอลาแซวหนุ่มอาร์ต ก่อนที่จะตามเพื่อน ๆ ลงไปจับปลาในทุ่งนา

    “ได้จั๊กโตหล่ะแสง? ” ตาทองสาถามแสงลูกชายขณะถือข่องเดินตรงไปยังสระน้ำเพื่อนำไปใส่ปลาที่บ่าวเขื่อนและบ่าวเชิดโยนไว้ข้าง ๆ คันนา

    “หลายยุพ่อ มีแต่ปลาเข็งหลายพอดีแซบเลย”

    “เดี๋ยวพวกเฮาไปดังไฟถ่าเด้อ” เดอลารีบจูงมือม่านฟ้าวิ่งไปล้างตัวที่สระน้ำก่อนที่จะไปจุดไฟต่อ

    “แสงเดี๋ยวพี่ไปดูน้อง ๆ เขาก่อไฟก่อนนะ พี่อยากลองก่อไฟบ้าง”

    “อาร์ตไปก่อนเลยนะเดี๋ยวเราอยู่จับปลากับแสงต่อ กำลังสนุกเลย” พูดจบเอกก็ยกปลาช่อนในมือโชว์ทุกคน ยิ้มพอใจในผลงานของตัวเอง

    “โอ้ว พี่เอกเลาคึเก่งแท้วะ”

    “คาแต่ย้องผู้อื่นมึงได้จักโตแล้วบักแห้งรึว่าแห้งสมซื่อ? ” กบหัวเราะก้ากที่ได้แซวเพื่อน

    “บ่เด้อ! ในข่องว่าแมนมีแต่ฝีมือแห้งทั้งนั้นเด้อขอรับ”

    “ให้สูพากันเล่นกันหัวอยู่นั่น พู้น! ไปลงสระนำบักเขื่อนบักเชิดพู้น เขาได้ปลาข่อมีแต่โตสำแข้งพู้น สูมางมหยังกับปลาซิวปลาส่อยอยู่หนิ”

    “แมนบ่ลุงคำก้อน? ”

    “ฟ่าวไปหนั่นกูสิมาตั้วสูเฮ็ดหยัง” พูดจบหมอลำคำก้อนก็เดินนำเด็ก ๆ ไปยังริมสระที่มีหนุ่ม ๆ สาว ๆ ใช้แหและยอหาปลากันอยู่


    ข้าง ๆ สระแก๊งสาวส่ากำลังเร่งก่อไฟเอาไว้เผาปลาด้วย โดยมีเดอลาผู้ชำนาญการก่อไฟเป็นคนลงมือ ส่วนอาร์ตก็ได้เรียนรู้ไปด้วยว่าก่อไฟกลางป่าแบบนี้ต้องใช้อะไรบ้าง

    “พี่อาร์ตไปช่วยกรีนนี่ยกก้อนหินหน่อยซิ” เดอลาชี้มือบอกว่าต้องเอาก้อนไหนบ้าง มาวางตรงไหนบ้างเพื่อใช้ทำเป็นเตาไฟ

    “เตาแบบนี้เราเรียกว่าก้อนเส้านะ ส่วนมากเราก็จะใช้หินที่หาได้แถว ๆ นี้นี่แหละมาทำมันสะดวกดี ถ้าพี่ไปดูตามเถียงนาก็จะเห็นเตาแบบนี้เลย ใช้แค่ก้อนหินไม่ต้องไปซื้อให้เสียเงิน” เดอลาอธิบายให้อาร์ตฟัง เพราะเพื่อน ๆ เธอรู้จักและทำเป็นกันหมดแล้ว

    “ง่ายไหมพี่อาร์ต? ”

    “ดูเพื่อนน้องทำแล้วมันก็ง่ายนะน้องฟ้า แต่ที่จะยากก็ตรงก่อไฟนี่แหละ”

    “โอ๊ย! อันนั้นไม่ยากเลยค่ะพี่อาร์ตขาเดี๋ยวกรีนนี่มีของดีจะให้ดู” พูดจบกรีนนี่ก็คว้ากระบองขี้ไต้จากถุงที่แสงเตรียมไว้ให้ก่อไฟมาให้อาร์ตดูทันที

    “อ้อ! พี่จำได้แล้วตอนงานเอิ้นขวัญก็ใช้ขี้ไต้นี้เยอะเลย เออ ใช่ ๆ จำได้แล้ว”

    “เมื่อก่อนบ้านดอนผักหวานเรายังไม่มีไฟฟ้าใช้ ส่วนมากก็ใช้ขี้ไต้และตะเกียงน้ำมันก๊าดกันเยอะนะคะ แต่ตอนนี้มีไฟฟ้าใช้แล้ว ขี้ไต้หรือที่บ้านดอนผักหวานเราเรียกกันขี้ตกเนี่ยจะใช้เป็นเชื้อไฟมากกว่า นี่มาดูวิธีการก่อไฟค่ะ ต่อไปพี่อาร์ตจะได้ก่อไฟเป็น”

    เดอลาเริ่มเป็นมิตรกับอาร์ตมากขึ้น หลังจากที่เขาไม่มีท่าทีขี้เก้กและชอบแกล้งเธอเหมือนเมื่อก่อน สงสัยอยากจะเป็นเพื่อนกับพวกเธอจริง ๆ

    “ไผสิบั่นฟืนให้เฮา? ” เดอลาหันหน้ามองเพื่อน ๆ เผื่อใครอยากอาสาช่วยตัดฟืนให้

    “เดี๋ยวพี่ช่วยเอง” อาร์ตอยากลองบ้าง

    “ถ้าไหวก็ลองดูค่ะ” เดอลายื่นมีดโต้ให้อาร์ตจัดการผ่าฟืน ส่วนเธอก็ไปหยิบมีดอีกอันมาผ่าฟืนท่อนเล็ก ๆ เพื่อใช้ทำเสี้ยนไฟ ในระหว่างนั้นเอกกับแก๊งสามเกลอก็พากันไปช่วยบรรดาผู้ใหญ่ที่กำลังจับปลากันในสระ


    ทุกคนสนุกสนานกับการเกี่ยวข้าวและจับปลาในวันนี้มาก โดยเฉพาะเอกกับอาร์ตที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในแบบที่ไม่เคยลอง โชคดีที่พวกเขาขอพ่อกับแม่ตามมาที่บ้านสวนด้วยไม่อย่างนั้นคงพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้

    “ไผว่างกะไปหาหม่าข้าวหม่าน้ำไว้เด้อ สิได้ทันหนึ่งใส่สวยพอดี ข้าวใหม่บ่ได้หม่าโดนดอก” นางพาแม่ของแสงวางหาบข้าวสารใหม่ลงที่หน้าเถียงนา

    “เดี๋ยวหนูเอาไปหม่าให้แม่ หม่าเหมิดนี้แมนบ่จ้า” นกแก้วเข้าไปดูข้าวสารในคุถังที่นางพาเพิ่งวางลงเมื่อสักครู่

    “หม่าเหมิดหนั่นหล่ะลูก ก๋าว่าจักชั่วโมงกะพากันเอามานึ่งโลดเด้อข้าวใหม่หม่าบ่โดนดอก” นางพากำชับนกแก้วก่อนที่จะเดินไปดูปลาเพื่อเอามาทำเป็นอาหารเลี้ยงทุกคน

    “เดี๋ยวพี่มานะไปดูเอกกับน้อง ๆ ผู้ชายทางโน้นก่อนเผื่อจะได้ช่วยอะไรเขาได้” อาร์ตแยกตัวออกมาจากกลุ่มสาว ๆ หลังจากติดตามไปดูวิธีก่อไฟและการแช่ข้าวใหม่ก่อนจะนึ่งเรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญเขาอยากไปเล่นน้ำกับหนุ่ม ๆ ด้วย ได้ยินเสียงกระโดดน้ำตุ้มต้ามท่าทางสนุกไม่เบาเลย

    “พี่อาร์ตลงมาเล่นน้ำกัน” แสงร้องเรียกอาร์ตให้ไปเล่นน้ำกับพวกตนด้วยหลังจากที่รอมาสักพักใหญ่แล้ว รอว่าพวกผู้ใหญ่จะจับปลาพอเสียก่อนพวกตนถึงจะลงไปเล่นน้ำได้

    “เล่นสมหัวสมควรแล้วกะขึ้นมาปูสาดปูเสื่อไว้กินข้าวกินน้ำเด้อลูกหล่า” นางพาร้องเรียกแสงให้พาเพื่อน ๆ ขึ้นจากสระน้ำเพราะเห็นว่าใกล้จะได้เวลากินข้าวแล้ว

    ส่วนแก๊งสาวส่าเดอลากรีนนี่นกแก้วและม่านฟ้าก็ช่วยบรรดาแม่บ้านนึ่งข้าวและสับมะละกอไว้ตำกับมะกอก ที่พวกเธอเก็บใส่ตะกร้าไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเช้านี้ สำหรับเมนูที่ตาทองสาและนางพาเตรียมไว้ให้ทุกคนกินก็คือ ลาบปลาต้มปลาปลาเผาและส้มตำ

    “แนวอยากแนวกินแล้วไป๊น้อผู้เฒ่าหิวข้าวแล้วเด้อ”ตาน้อยที่กำลังเกี่ยวข้าวอยู่กลางทุ่งนาร้องขึ้นมาถามทางฝั่งแม่ครัว

    “แล้วพอดีน้าน้อยมาพากันขึ้นมา” นางพารีบจัดแจงสำรับให้เด็ก ๆ นำไปวางไว้บนสื่อเพื่อให้ทุกคนได้กินกัน

    “โอ้ว ได้กินข้าวใหม่คักแท้ ๆ โว้ยนาเฒ่าสาหนิ กินยามได๋กะแซบยามนั้นหอมฮวย ๆ ยุ” ตาน้อยปั้นก้อนข้าวเหนียวใหม่ที่เพิ่งเก็บเกี่ยวผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ขึ้นมาดม ก่อนจะเอาไปคุ้ยลาบปลาและส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

    “แห่งย้านสีมาบ่ทันนาวานยุน้าน้อย” นางพายิ้มแป้นตอบด้วยความพอใจ ที่ได้ข้าวใหม่มาเลี้ยงทุกคนที่มาช่วยงานนาวานเกี่ยวข้าวใหญ่ของตน

    “ข้าวใหม่ก็คือข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ ๆ ไม่นานใช่ไหมทุกคน? ” เอกเอ่ยถามกลางวงกับข้าว ขณะปั้นก้อนข้าวเหนียวให้ได้เหมือนเพื่อน ๆ แก๊งสามเกลอและสาวส่า

    “แม่นแล้ว! พี่เอกชอบไหมครับ” แสงยิ้มไม่หุบเลยที่เพื่อน ๆ ชอบ โดยเฉพาะเอกกับอาร์ตสมาชิกใหม่ที่ได้มากินข้าวอร่อย ๆ หอม ๆ ที่ตนเพิ่งเอาไปสีมาหลังจากเกี่ยวได้ไม่นาน

    “แล้วแบบนี้ก็เรียกว่าพวกเรากำลังกินข้าวใหม่และปลามันกันอยู่หน่ะสิ” ทุกคนหัวเราะพอใจกับคำพูดของอาร์ตและท่าทางยกคำข้าวและปิ้งปลาหมอตัวใหญ่ ๆ เหลือง ๆ ชูให้ทุกคนดู

    “เออนี่พี่เอกกับพี่อาร์ตสัญญาว่าจะเล่าเรื่องการเรียนให้ฟังยังไม่ได้เล่าเลยนะ” สาวน้อยเดอลาทวง

    สัญญาจากสองหนุ่มในระหว่างนั่งกินข้าว

    “นั่นซิพวกเราอยากฟังต่อกำลังมันเลยครับ”

    “ที่โรงเรียนมัธยมมันจะเริ่มปูพื้นฐานวิชาที่เราอยากจะเรียนอาชีพที่เราสนใจอยากทำในอนาคต อย่างแสงอยากทำอะไรหล่ะ? ”

    “ผมอยากเป็นช่างครับพี่เอก”

    “แล้วคนอื่น ๆ หล่ะอยากเป็นอะไร? ”

    “ผมอยากเป็นหมอครับ” แห้งชิงตอบก่อนใครเพื่อน

    “โอ๊ย! อย่างมึงหน่ะเป็นหมอผีคือยุบักแห้ง” กบหัวเราะเพื่อนที่อยากเป็นหมอ

    “เฮ้ย! เป็นได้นะถ้าขยันเรียนขยันอ่านหนังสือ แต่ถ้าอยากเรียนเพื่อจะเป็นหมอจริง ๆ ต้องเรียนสายสามัญที่เน้นคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์อะไรพวกนี้ ส่วนใครที่สนใจงานช่างก็จะมีสาขาช่างแยกย่อยไปให้อีก เรียนจบมัธยมต้นแล้วสามารถต่อยอดได้เลยนะ หรือถ้าไม่อยากเรียนต่อก็สามารถไปทำงานช่างได้”

    “เราเห็นรุ่นพี่บางคนเขาเรียนทำขนมเรียนตัดผ้าด้วยนะ”

    “น้องนกแก้วอยากเรียนงานบ้านงานเรือนเหรอครับ”

    “ไม่เท่าไหร่ค่ะพี่อาร์ต แต่นกแก้วเห็นพี่ ๆ ผู้หญิงที่บ้านเขาชอบเรียนกัน”

    “อ้าว! ถ้านกแก้วไม่ชอบแล้วจะไปเรียนตามคนอื่นทำไมครับ ก็เลือกเรียนที่เราชอบและถนัดสิไม่อย่างนั้นเราต้องตามคนอื่นตลอดนะเสียเวลาด้วย”

    “ใช่ ๆ อย่างพี่กับอาร์ตถึงเราจะเป็นคู่แฝด อยู่บ้านเดียวกันแต่เราไม่ได้อยากเรียนเหมือนกันนะครับ พี่อยากเป็นหมอส่วนนายอาร์ตอยากเป็นสถาปนิก”

    “ดีจังเลยเนาะ นี่ถ้าไม่ได้คุยกับพี่เอกพี่อาร์ตพวกเราก็ไม่รู้เนาะว่าจะต้องเรียนอะไรยังไง” เดอลาเปรยกับเพื่อน ๆ

    “หญิงฟ้า! เงียบเลย หญิงอยากเรียนอิหยัง? ” เดอลาถามเพื่อนสาวเพราะเห็นเงียบไปสักพักแล้ว

    “ยังบ่รู้เลยหญิง บ่แน่เฮาอาจสิบ่ได้เรียนต่อกะได้” ม่านฟ้าพูดเสียงเศร้า เพราะเธอรู้ว่าโอกาสที่จะได้เรียนต่อน้อยมาก

    “อ้าว ๆ กิน ๆ ตำบักหุงจืดเหมิดละ ปิ้งปลามัน ๆ กะเสร็จนายกบนายแห้งเหมิดหล่ะ เรียนบ่เรียน

    มีเวลาอีกโดนยุเดี๋ยวค่อยว่ากัน” กรีนนี่ตัดบทเพราะเห็นสีหน้าของม่านฟ้าเริ่มไม่สู้ดีนัก ถึงเธอจะไม่ค่อยพูด แต่เพื่อน ๆ พอจะรู้ถึงปัญหาทางครอบครัวของเธออยู่บ้าง ว่ายายที่เธออาศัยอยู่ด้วยนั้นไม่อยากจะให้เธอออกมาสุงสิงกับใครเท่าใดนัก

    หลังจากกินข้าวเที่ยงบรรดาผู้ใหญ่ก็ได้ช่วยกันเกี่ยวข้าวของนาตาทองสายายพาจนแล้วเสร็จ ส่วนพวกเด็กก็อาสาเก็บกวาดพื้นที่และล้างถ้วยล้างชามและเก็บเข้าที่เรียบร้อย ก่อนที่จะพากันขอตัวลากลับบ้านก่อน เพราะอยากจะไปส่งเอกกับอาร์ตที่บ้านสวนครูสมัยด้วย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กว่าจะได้เจอกันอีก


    จบตอน  แล้วพบกันใหม่นะคะ

    ด้วยฮัก  งามดอกบัว

    สงวนลิขสิทธิ์

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in