เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความรักเล็ก ๆA SURA
รักเล็กๆ กับ แก้วกระดาษ
  •       ข้างบ้านผมมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งผมสีน้ำตาลเป็นลอนเหมือนคลื่นที่ผมเคยเห็นในทะเล แก้มสีชมพูกลมใสที่ใครเห็นต้องอยากหยิกดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่เผลอสบตาด้วยทีไรก็เหมือนจะมองทะลุทุกความคิดของผมทุกครั้งไป ผมเลยไม่กล้าสบตาเธอนาน ๆ สักที วันแรกที่เจอกัน เธอชวนผมคุยนั่นนี่ไม่หยุดผมเอาแต่ฟังเสียงใส ๆ ของเธอจนเพลิน เลยไม่ได้ตอบกลับสักคำ แต่วันต่อมาเธอกลับไม่คุยกับผมอีกเลย แม้จะเห็นว่าผมอยู่ใกล้ ๆ ก็ตาม

              ข้างบ้านฉันมีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผมโกนสั้นจนเห็นหนังหัวเหมือนหนังปลาสลิด ดวงตาคอยแต่จะหลบหลีกไม่ยอมสบตากันนาน ๆ หน้ามีแต่รอยเปื้อน บางครั้งก็เปื้อนดินที่แก้มซ้าย บางครั้งก็เปื้อนสีที่แก้มขวา บางครั้งก็เปื้อนคราบดำ ๆ ที่มองไม่ออกว่าเป็นคราบอะไรกันแน่ที่หน้าผาก ฉันกลัวว่าเขาจะไม่มีเพื่อนเล่น เพราะเห็นว่าสกปรก วันแรกที่เจอกันฉันเลยชวนคุย เขาก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมตอบอะไรสักคำ เขาคงไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแน่ ๆ  วันต่อมาฉันเลยไม่คุยกับเขาอีก แม้จะเห็นว่าเขาอยู่ใกล้ ๆ ก็ตาม


              เรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากคือ หน้าต่างห้องนอนของผมและของเธอ อยู่ตรงข้ามกันและใกล้กันมาก ผมเคยแอบมองแล้วเห็นว่าเธอชอบนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง วันนี้ก็เหมือนกัน เธอกำลังจับดินสอเขียนอะไรบางอย่างลงในกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจ

              แล้วนั่น! อยู่ดี ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้นจากกระดาษไม่บอกไม่กล่าว แล้วสบตาผมเข้าอย่างจัง ตาสีน้ำตาลอ่อน ๆ ที่มองตรงมาเหมือนจะเห็นทะลุทุกความคิดของผม เธอทำหน้าบึ้งแล้วลุกออกไปจากตรงนั้นทันที ทำไมนะ ผมทำอะไรให้เธอโกรธ เธอไม่คุยกับผมมาสองสัปดาห์แล้ว นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ไม่คุยก็ไม่เป็นไร แต่ผมแค่อยากเห็นหน้าเธอเท่านั้นเอง

              เรื่องตลกที่ฉันไม่ชอบเรื่องหนึ่งคือ หน้าต่างห้องนอนของฉันและของเขาอยู่ตรงข้ามกันและใกล้กันมาก ฉันเคยเหลือบตามองไปยังห้องตรงข้ามแล้วเห็นหัวกลม ๆ เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ที่ขอบหน้าต่างเป็นประจำ หลังจากที่เป็นแบบนี้อยู่สองสัปดาห์นับตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ฉันเลยแกล้งทำเป็นกำลังทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง พอเห็นหัวกลม ๆ โผล่ออกมาที่ขอบหน้าต่าง ฉันเลยเงยหน้าขึ้น แล้วจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว

    แล้วนั่นเขากลับทำหน้าเหวอ ตาโตเหมือนเห็นผี ฉันนึกฉุนขึ้นมาเลยลุกออกจากโต๊ะไป พอคนเขาอยากคุยด้วยก็หลบหน้า แต่พอคนเขาไม่คุยด้วยกลับมาแอบมองกันเสียอย่างนั้น น่าโมโหเสียจริง!


              ผ่านไปสองวันหลังจากที่ถูกจับได้ว่าแอบมองเธอ ผมก็ตัดสินใจว่า ผมต้องทำใจกล้าขึ้นอีกสักหน่อย ไม่อย่างนั้นคงทำไม่ได้แม้แต่จะแอบมอง ผมอยากคุยกับเธอเหลือเกิน แต่ใจที่กล้าขึ้นมานิดหน่อยคงยังไม่มากพอจะเข้าไปคุยกับเธอตรง ๆ ถ้าเธอไม่อยากคุยกับผมแล้วเดินหนีผมล่ะ โธ่ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงร้องไห้แน่ วันนี้ผมเลยทำโทรศัพท์แก้วกระดาษขึ้น แล้วโยนแก้วด้านหนึ่งข้ามไปยังห้องของเธอ แก้วกระดาษหล่นลงบนโต๊ะพอดิบพอดี ผมแค่ต้องรอให้เธอมาเห็นและหยิบแก้วกระดาษขึ้นแนบหู แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือผมต้องกล้าที่จะพูดออกไปด้วย

    ผ่านไปสองวันหลังจากที่จับได้ว่าเขาแอบมอง ฉันก็ตัดสินใจว่า เราคงเป็นเพื่อนกันไม่ได้แล้วแน่ ๆเขาไม่ได้มาแอบมองอีกเลยตั้งแต่วันนั้น และทุกครั้งที่เดินผ่านหน้าบ้านของเขาก่อนไปโรงเรียน และหลังกลับจากโรงเรียน พอเห็นฉันทีไรเขาก็ต้องวิ่งไปแอบหลังรั้วบ้านทุกครั้ง ทำเอาฉันเกือบร้องไห้ เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปทำอะไรให้เขาเกลียด แต่วันนี้ฉันกลับพบว่ามีสิ่งประหลาดอยู่บนโต๊ะริมหน้าต่างของฉัน เป็นแก้วกระดาษใบหนึ่งมีเชือกผูกอยู่ที่ก้นแก้ว ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่ามาจากไหน เพราะปลายเชือกโยงไปถึงหน้าต่างห้องที่อยู่ตรงข้ามนี่เอง


    ปลายเชือกกระตุกขึ้น ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าเธอหยิบแก้วกระดาษขึ้นมาแล้ว ใจผมเต้นเสียงดังตึกตัก จนผมสงสัยว่ามันจะดังจนเธอได้ยินผ่านแก้วกระดาษหรือเปล่า ผมค่อย ๆ ยกแก้วกระดาษขึ้น อ้าปากกำลังจะพูดออกไป แต่เชือกที่ผูกเชื่อมแก้วกระดาษสองใบกลับเคลื่อนไหวอีกครั้ง ผมตกใจจนลืมตัว รีบมองข้ามหน้าต่างออกไป เพราะกลัวว่าเธอจะวางแก้วกระดาษลง แล้วผมก็ได้เห็นว่า เธอแนบแก้วกระดาษที่ข้างหูและมองตรงมาเหมือนกำลังรอให้ผมพูดอย่างตั้งใจ

    ผมพูดประโยคหนึ่งออกไป เป็นประโยคที่แม้แต่ตัวเองยังอายทันทีที่พูดจบ แต่พอได้เห็นว่าเธอกำลังอมยิ้ม แก้มใส ๆ ขึ้นสีแดงเรื่อและกำลังแดงไปทั้งใบหน้า ผมก็คิดว่ามันคุ้มค่ากับความอายที่เกิดขึ้นแล้วและความจริงคงจะอายไปอีกหลายวัน แต่ความจริงอีกข้อหนึ่งคือ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอยังคงสวยเหมือนวันแรกที่ทำให้ผมมอง แล้วตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง

    ฉันลองยกแก้วกระดาษขึ้นมองอย่างชั่งใจสักพัก ดูเหมือนปลายเชือกอีกด้านหนึ่งก็กำลังยกแก้วกระดาษขึ้นเช่นกัน ฉันลองยกแก้วกระดาษขึ้นแนบหู และรอว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้น เขาลนลานโผล่หน้าขึ้นมาจากขอบหน้าต่างแล้วมองมาที่ฉันอย่างตื่น ๆ เหมือนกำลังตกใจอะไรสักอย่าง ฉันยังยืนนิ่งและมองเขาอย่างตั้งใจ หวังว่าเขาจะไม่หลบตาฉันเหมือนที่ผ่านมาแล้วเสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นในแก้วกระดาษ แทบจะพร้อม ๆ กับที่เขาขยับปากพูด

    ประโยคที่เขาพูดออกมาทำเอาฉันใจเต้นตึกตัก จนฉันสงสัยว่ามันจะดังจนเขาได้ยินผ่านแก้วกระดาษหรือเปล่า เสียงของเขายังสั่นเหมือนวันแรกที่เขาบอกชื่อกับฉันไม่มีผิด แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตกหลุมรักเข้าอย่างจัง คงเป็นนัยน์ตาสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเขายามมองมาที่ฉัน และตอนนี้เรากำลังสบตากันได้นานกว่าเดิม

    “รักเธอตั้งแต่วันแรกแล้วนะ”

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in