เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
นิทานจิ้งจอกจิ้งจอกกำลังพิมพ์..☽
นิทานจิ้งจอก ตอนที่ ๒ : เรื่องร้ายในคืนฝนตก
  • เรื่องร้ายในคืนฝนตก

    ในราตรีที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด สายฝนกระหน่ำเทลงมา สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงคำรามดังสนั่นจนพื้นดินสั่นไหว จิ้งจอกวิ่งเข้าไปหลบใต้รากไม้ใหญ่ด้วยเนื้อตัวเปียกปอนพลางหอบเหนื่อย

    "ฉันรู้นะว่าเธออยู่ไหน จิ้งจอกน้อย" น้ำเสียงของไฮยีน่าคำรามปนกับเสียงฟ้าผ่า เลือนลั่น กราดเกรี้ยว "เธอคิดว่าฉันจะหาเธอไม่เจอเหรอ เธอหนีฉันไปไม่พ้นหรอก" 

    จิ้งจอกทำได้เพียงขดตัวในโพรงใต้ดินที่ฉ่ำแฉะ ผืนดินทรุดตัวอ่อนนุ่มจนเหลว แข้งขาสีน้ำตาลของจิ้งจอกเปื้อนเปรอะไปด้วยดินเลนเปียกๆ มันพยายามหายใจช้าๆ และแผ่วเบาที่สุด ทั้งที่หัวใจของมันเต้นรัวจนจะทะลุออกมาอยู่นอกอก ความกลัวแล่นจับหัวใจ จิ้งจอกไม่มีทางอื่นใดนอกจากพยายามซ่อนตัวให้มิด และเงียบเท่าที่จะเป็นไปได้

    "เธอไม่มีสิทธิหนีฉันมาแบบนี้" เสียงกราดเกรี้ยวที่น่ารังเกียจจากปากแหลมหน้าขนสกปรกมอมแมมของไฮยีน่ายังกู่ก้องอยู่ในเสียงฝน "เธอก็รู้ดีว่าฉันจะทำยังไงกับเธอ ถ้าฉันจับเธอได้"

    จิ้งจอกเหลือบมองรอยแผลเป็นที่ลำคอซึ่งพาดยาวลงมาจนถึงหน้าอกจากการถูกเขี้ยวของไฮยีน่าฝังลึกและครูดกระชากจนมันเป็นแผลเหวอะหวะเมื่อหลายปีก่อน แผลเป็นนั้นยังอยู่ มันยังคงอยู่ และย้ำเตือนจิ้งจอกเสมอถึงคำคืนที่เลวร้าย

    "ออกมาเถอะจิ้งจอกน้อย ไม่มีใครรักเธอเท่าฉันแล้ว อย่าคิดหนีจากฉันไปอีกเลย"

    ความรู้สึกอยากจะสำรอกแล่นพุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ จิ้งจอกพยายามอย่างหนักที่จะขย้อนกลืนเอาความรู้สึกขยะแขยงนี้ลงคอไป ภาพทุกอย่างวนเวียนอยู่ในหัวจนน้ำตาคลอหน่วย มันอยากร้องไห้ อยากกรีดร้อง อยากระบายความชิงชัง และความทรงจำโสมมที่ติดหนึบอยู่ในใจนี่ออกไปเสียที

    "สิ่งที่เธอตามหามันไม่มีจริงหรอกจิ้งจอก จริงที่สุดก็อยู่ที่ฉันนี่ มาอยู่กับฉัน กลับมา กลับมาหาฉัน เธอก็รู้ดีว่าเธอไปไหนไม่รอดหรอก ชีวิตขาดวิ่นของเธอจะเป็นที่ยอมรับจากใครได้นอกจากฉัน ออกมาเถอะจิ้งจอก" น้ำเสียงกราดเกรี้ยวค่อยๆอ่อนลงจนเหมือนเป็นการเว้าวอนที่ลอดผ่านเสียงฝนกระหน่ำ จิ้งจอกยังไม่วางใจ มันยังคงนั่งขดตัวนิ่งเงียบใต้รากไม้ใหญ่ 

    แต่แล้วไฮยีน่าก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น จิ้งจอกจิกกรงเล็บลงไปในพื้นดินฉ่ำแฉะใต้อุ้งเท้า มันเกลียดเสียงหัวเราะนี้ เกลียดทุกอย่างที่ทำให้มันนึกถึงความโหดร้ายที่มันเคยได้รับ

    ไฮยีน่าหัวเราะร่วน มันเป็นเสียงหัวเราะแห่งความอำมหิตที่ผิดธรรมชาติ

     มันเดินวนเวียนรอบโคนต้นไม้อยู่หลายรอบพลางทำจมุดฟุดฟิดเพื่อดมหากลิ่นของจิ้งจอก ซึ่งเวลานี้สายฝน และไอดินก็คงทำหน้าที่ชะล้างและกลบกลิ่นของมันไปจนสิ้นแล้ว 

    "เธอหนีจากฉันไปได้ ฉันก็ตามเธอไปจนเจออยู่ดี จำเอาไว้นะ" เสียงของไฮยีน่าทิ้งท้ายไว้ก่อนจะตามด้วยเสียงฝีเท้าเยียบย่ำไกลออกไป และแผ่วเบาลง แผ่วเบาลง จิ้งจอกถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยการหนีคืนนี้ก็ไม่ได้ล้มเหลว เลวร้ายน่ะใช่ แต่ไม่ล้มเหลว เมื่อคิดได้อย่างนั้นมันก็ค่อยๆคลายความกังวล ก่อนจะยิ้มให้กับตัวเองอย่างอ่อนล้า มันวิ่งมาไกลเหลือเกิน ฝ่าดงหนามมากมาย และเสียงฟ้าผ่าที่มันแสนหวาดกลัว 

    "เฮอะ ชีวิตขาดวิ่นอะไรกัน แกยังไม่รู้ต่างหากว่าฉันทำอะไรได้บ้าง" จิ้งจอกพึมพำราวกับต้องการขากเอาความเกลียดชังรสชมฝาดในใจออกมา แต่ยังไม่ทันที่มันจะได้อิ่มเอมใจกับความสำเร็จก็มีอุ้งมือพร้อมกรงเล็บเกี่ยวตะปบลากคอจิ้งจอกออกมาจากโพรงด้วยความเร็วโดยที่จิ้งจอกไม่ทันได้ตั้งตัว มันทั้งกรีดร้องและดิ้นหนีตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด

    "นังตัวดี แกมันโง่เง่าเสียยิ่งกว่าอะไร นังเศษชีวิตที่น่าสมเพศ แกคิดว่าจะมีใครรักแกได้อย่างฉันเหรอ อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย แกเป็นของฉัน ของฉันเท่านั้น" เจ้าของกรงเล็บบัดนี้ยืนคร่อมอยู่บนตัวจิ้งจอก แสยะคมเขี้ยวสกปรกพ่นสบถคำมากมายนานับไม่ถ้วนด้วยความโกรธ กลิ่นลมหายใจเหม็นหืนปะทเข้ากับใบหน้า หัวใจจิ้งจอกหล่นวูบเมื่อได้เห็นปลายจมูกแหลมยื่มยาวและปากสีมอม ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความโกรธแค้น 

    "ฉันรักเธอจนฉันอยากฆ่าเธอซะให้รู้แล้วรู้รอดเลย รู้ไหมจิ้งจอก" ฉับพลันเสียงกราดเกรี้ยวก็อ่อนนุ่มลงจนเหมือนมีคนกดปรับสวิตช์ รอยยิ้มอ่อนโยนแบบประหลาดผุดขึ้นบนหน้า แต่กลิ่นเหม็นหืนยังไม่จางไป คมเล็บของไฮยีน่าถูกขูดขีดรอบกรอบหน้าของจิ้งจอก เชื่องช้า แผ่วเบา น้ำเสียงนุ่มนวลแบบประดิษฐ์นั้นทำให้มันขนลุก จิ้งจอกหลับตาปี๋ ตัวเกร็งจนแทบหยุดหายใจ มันไม่แม้แต่อยากลืมตามองเห็นใบหน้านี้อีก

    ชั่วแวบนึงที่จิ้งจอกคิดภาพสัตว์สี่ขารูปร่างสง่างาม ซึ่งอาจเป็นอะไรซักอย่าง อาจจะเป็นจิ้งจอกก็ได้ แต่เป็นจิ้งจอกอีกตัวที่สง่างามกว่า แข็งแรงกว่า วิ่งห้อมา และใช้อุ้งมือตะปบไฮยีน่าจนล้มลง ก่อนฉีกกระชากร่างที่น่าเกลียดออกเป็นชิ้นๆ แต่ขนจิ้งจอกอัศวินนั้นจะต้องเปื้อนเลือดสกปรกๆของเศษสวะแบบนั้น มันเองคงยอมไม่ได้ ถ้าจะมีใครซักคนเป็นคนที่ฉีกร่างไฮยีน่าเป็นชิ้นๆ คนๆนั้นจะต้องเป็นจิ้งจอก มันยอมให้อุ้งมือเล็กๆชุ่มโชกไปด้วยเลือดของไฮยีน่าอย่างเต็มใจ ท่ามกลางราตรีกาลที่ท้องฟ้าวิปริตบ้าคลั่งไม่ต่างจากจิตใจอันพิกลพิการของไฮยีน่า เสียงคำรามข่มขู่ปะปมไปกับเสียงฟ้าผ่า จิ้งจอกกำลังรวบรวมความกล้าจากใต้การกดข่มนี้

    "รักมากนัก ก็ฆ่าฉันเลยสิ หากฉันต้องทนอยู่กับชีวิตโสมมของแกอีกแม้แต่วินาทีเดียว ฉันก็ยอมตายดีกว่า" ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววกร้าว จิ้งจอกรวบรวมความกล้าจ้องมองไฮยีน่ากลับไปพร้อมกับคำพูดที่ราวกับการจุดชนวนระเบิด สายฟ้าฟาดลั่นพาดผ่านท้องฟ้าเหนือหัวไฮยีน่า ดวงตาสีแดงก่ำของไฮยีน่าเบิกกว้าง รอยยิ้มแสยะกว้างออก คมเขี้ยวมัจจุราชเรียงตัวอยู่ต่อหน้าจิ้งจอกแล้ว มันทำได้เพียงแค่รอเวลา

    หากการยินยอมเดินเข้าสู่อ้อมแขนของความตายจะทำให้ความตายน่ากลัวน้อยลง มันก็ยินดี

    จิ้งจอกหลับตาลงเมื่อเห็นปากของไฮยีน่าอ้ากว้างขึ้น คมเขี้ยวที่จะใช้ปลิดชีพของมันจ่อรออยู่ที่ลำคออ่อนนุ่มนั้น มันพร้อมแล้ว กับการถูกโอบกอดจากมัจจุราช พร้อมแล้วสำหรับการหนีครั้งสุดท้ายที่มันจะไม่ต้องหนีจากอะไรอีก

    คมเขี้ยวถูกฝังลงในเนื้ออุ่นอ่อนนุ่มใต้ขนแผงคอ ของเหลวสีแดงข้นไหลทะลักออกมาจากรอยเขี้ยวแสนสกปรก ดวงตาของจิ้งจอกเบิกโพลง ไร้เสียงกรีดร้อง ความเจ็บปวดแล่นทะลุถึงขั้วหัวใจ มันดีดดิ้นทุรนทุราย ไม่ใช่เพื่อให้หลุดพ้นจากการถูกกัดขย้ำ แต่เพื่อให้ทุกอย่างจบโดยเร็วเพื่อจะไม่ต้องพานพบความเจ็บปวดมากมายก่อนฉากทุกอย่างจะถูกทาด้วยสีดำตลอดกาล 

    ของเหลวสีแดงข้นหนืดไหลรินจากร่างของจิ้งจอก คละเคล้าไปกับหยาดน้ำฝน กลิ่นคาวของเลือดและความกลัวปะปนไปในอากาศ ลมหายใจของจิ้งจอกรวยริน ดวงตาเลื่อนลอยจับจ้องบนท้องฟ้า หยาดฝนหล่นเปาะแปะลงดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องค้างอยู่เช่นนั้น เสียงท้องฟ้าคำรามอย่างบ้าคลั่งแทรกด้วยสายฟ้าลั่นแลบจนทุกอย่างสว่างวาบ ร่างสีน้ำตาลนอนนิ่งอยู่บนพื้นดินฉ่ำแฉะ ผืนดินที่ทรุดตัวอ่อนนุ่มจนเหลวรองรับร่างของจิ้งจอกเอาไว้

    ไม่มีแล้วการหลบหนี ไม่มีแล้วความกลัว
    มีเพียงอิสระ และฉากสีดำ ที่มีสายฝน และเสียงท้องฟ้าคำรามเป็นพื้นหลัง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in