เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
GO ALONE HONG KONGSor Winchester
008 : วิ่งในต่างประเทศเป็นครั้งแรก
  • 5.30 AM Garmin ที่อยู่บนข้อมือซ้ายทั้งสั่นและส่งเสียงร้อง

    ฉันลืมตาแล้วดีดตัวลุกขึ้นด้วยความเคยชิน  เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาฉันตื่น 5.00 AM ไปวิ่งที่สวนรถไฟเป็นประจำสัปดาห์ละ3 ครั้ง

    เดิมทีเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทริปคิวชูฉันก็ตั้งใจว่าจะไปวิ่งที่สวนสาธารณะท่ามกลางอากาศไม่เกิน 20องศาเซลเซียส แต่ด้วยอาการเจ็บเข่าเลยทำให้ต้องพับโครงการไป

    เพราะฉะนั้นในทริปนี้ฉันจึงมุ่งมั่นมาก

    ฉันลุกจากเตียงโดยไม่อิดออดเลยแม้แต่น้อย  ล้างหน้าแปรงฟัน  ดื่มน้ำ แกะเจลพลังงานกินเพราะไม่อยากโหลดคาร์บหรือกินอย่างอื่น  โบกกันแดดให้ทั่วตัว แล้วหยิบขวดน้ำขนาดเล็กที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

    จังหวะที่ก้มลงใส่ถุงเท้าฉันก็วางขวดน้ำลงบนโต๊ะ  และก็ลืมหยิบออกจากห้องไปในที่สุด

    แต่ไม่เป็นไร  เมื่อวานสำรวจดูแล้วตรงอ่าวมีตู้กดน้ำ  ยังไงก็น่าจะไหวอยู่แล้ว

    ฉันออกจากโรงแรมแล้วเลี้ยวขวาเพื่อเดินวอร์มก่อนจะเริ่มกดนาฬิกาแล้ววิ่ง  จากการสำรวจเมื่อวานที่เห็นว่าถนนเส้นนี้มีไฟแดงค่อนข้างถี่  เลยทำให้ต้องหยุดบ่อยกว่าที่คิด  แต่ฉันก็พยายามคิดว่า  เราไม่ได้เน้นสถิตินะวันนี้  เราแค่ลองวิ่งหาประสบการณ์

    ฉันวิ่งเหยาะ ๆ ไปตามสปีดของตัวเอง  ไม่เร่งจนเกินไปนัก  เพราะรู้สึกว่าความชื้นในอากาศสูง  หายใจค่อนข้างลำบาก  ตามพื้นก็ยังเปียก  ท่าทางเมื่อคืนฝนจะตกล่ะมั้ง

    วิ่งมาเรื่อย ๆจนเริ่มเห็นอ่าววิคตอเรีย ร่างกายเริ่มต้องการน้ำพอดี ฉันเลยวิ่งตรงไปที่ตู้กดน้ำ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมและน้ำหวาน  ไม่มีน้ำเปล่า แต่ยังมีเครื่องดื่มประเภทเกลือแร่ให้เลือกแม้ราคาจะสูงกว่ามาก

    ฉันหยิบ Octopus ขึ้นมาเตรียมแปะลงบนเครื่องอ่าน  มืออีกข้างกดเลือกน้ำแต่ตู้ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆจึงลองกดซ้ำทว่ายังเป็นเช่นเดิม  เมื่อลองเพ่งมองดูอีกที  เอ๊ะ... มีตัวหนังสือสีแดง หรือคำนี้มันจะแปลว่าหมดนะ



    พอดูเครื่องดื่มชนิดอื่น  เออ... สงสัยจะหมดจริง ๆ

    แต่ไม่เป็นไร  ไม่ไกลกันนักยังมีอีกตู้  ฉันเลยวิ่งต่อไปอีกนิด  และชะตากรรมของเจ้าตู้นี้ก็ไม่ต่างกัน

    มีขายทุกอย่างยกเว้นน้ำเกลือแร่


    ฉันยืนเกาหัว  เอาไงดีวะเนี่ย  เริ่มคอแห้งเพราะกระหายน้ำ  ไม่อยากจะฝืนตัวเองมากไป  เดี๋ยวเป็นลมขึ้นมาจะยุ่ง  เลยวิ่งช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ จนสายตาเหลือบไปเห็น7-11 ฝั่งตรงข้ามถนน 

    เฮ้ย  รอดแล้ว


                   ฉันวิ่งข้ามสะพานลอยแต่ก็ไม่วายแวะถ่ายรูปรายทาง  จนมาถึง 7-11แวบแรกคิดว่าร้านปิดเพราะดูเหมือนประตูปิดเข้ามาครึ่งหนึ่ง  แต่พบว่ามันน่าจะเป็นดีไซน์มากกว่า  ฉันคว้าน้ำเปล่าเย็นเจี๊ยบขึ้นมา 1ขวดแล้วชำระเงิน ก่อนจะกระดกให้พอชื่นใจแล้วออกวิ่งต่อ


                   ฉันวิ่งไปตามทางที่ไม่ได้เดินผ่านเมื่อวาน  ถนนเส้นนี้ดูจากแผนที่แล้วน่าจะขนานไปกับ Nathan Road แต่ก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงเสียทีเดียว  ฉันเลยวิ่ง ๆ หยุด ๆ ดูแผนที่ไปด้วยเพราะกลัวหลงไปไกลแล้วไม่มีแรงวิ่งกลับ  ระหว่างทางก็เริ่มเห็นพ่อแม่จูงลูกเตรียมไปส่งที่โรงเรียน  เห็นเด็กสองคนพี่น้องเดินจูงมือกันข้ามถนน เห็นผู้คนในชุดทำงานเตรียมตัวออกไปเริ่มต้นวันจันทร์

                   ถ้าฉันอยู่กรุงเทพป่านนี้ก็คงอาบน้ำแต่งตัว  เตรียมออกไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ ที่เห็นอยู่ตอนนี้


                   ในที่สุดฉันก็วิ่งกลับมาเจอNathan Road จึงวิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนสายตาเริ่มเห็นป้ายโรงแรม เมื่อพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาพร้อมคำนวณในหัวว่าถ้าข้ามถนนไปตอนนี้เลยน่าจะไม่ครบ5K เลยวิ่งต่ออีกสักหน่อยจนครบ

                   พอเห็นเลข5 ขึ้นบนหน้าปัดกลม ๆ ก็รู้สึกดีกับตัวเองว่าวันนี้เราทำสำเร็จไปแล้ว 1 อย่าง


                   ฉันขึ้นลิฟต์กลับมายังชั้น5 แล้วเข้าห้องพัก  ดูนาฬิกาอีกทียังไม่ 8โมงเลย  Mido Café ที่เล็งเอาไว้ว่าจะไปกินอาหารเช้าก็เปิดตั้ง9 โมง

                   ฉันเลยอาบน้ำแต่งตัวอย่างเอื่อยเฉื่อย  รู้สึกผิดเล็กน้อยที่ใช้เวลาสิ้นเปลือง  แต่ก็ไม่รู้จะรีบไปทำไม  ก็เรามาพักผ่อนนี่นา

                   พอใกล้9 โมง ฉันก็ออกจากห้องพักแล้วเดินทอดน่องไปยังด้านหลังของโรงแรม  มองเห็น MidoCafé เปิดประตูรอลูกค้าซึ่งแตกต่างจากเมื่อวาน  ฉันเดินตรงขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง  มองเห็นลูกค้าที่นั่งอยู่ก่อน 2 โต๊ะ  ท่าทางหนึ่งในนั้นจะเป็นกลุ่มคนไทยแต่ก็คุยกันเงียบๆ ตามปกติ  ส่วนอีกโต๊ะดูแล้วน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย

                                             NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN

               ฉันเลือกโต๊ะริมหน้าต่างตรงมุมของร้าน  เลือกอาหารเช้าแบบเบสิคสุด ๆคือแซนวิชกับชาร้อน นั่งรออยู่ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ ขนมปังปิ้งกรอบ ๆ ร่วน ๆ หล่นลงเต็มกางเกง ส่วนชาเป็นชานมแบบที่ไม่หวาน ฉันว่าอร่อยดี

                   แต่ก็มีความรู้สึกว่าไม่ได้อร่อยถึงขนาดที่ว่าห้ามพลาด

                                               NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN

                   ท้องอิ่มแล้ว  ฉันก็ลงไปจ่ายเงินชั้นล่าง แต่ก่อนจะลงบันไดก็เห็นชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นสองคนเดินขึ้นมานั่ง  นักท่องเที่ยวก็มีมาเรื่อย ๆแต่ก็ไม่ได้มากมายอย่างที่เคยเห็นในรีวิวของคนอื่น

                   ไม่รู้ว่ายังเช้าเกินไป  หรือเพราะสถานการณ์ที่ไม่ปกติกันนะ

                   ระหว่างทางที่จะเดินกลับไปยังสถานีMTR  สายตาพลันเหลือบไปเห็นแมวตัวหนึ่งกำลังพยายามไล่จับลูกโป่งสีเหลืองที่กระดอนไปตามถนน  สองขาของฉันจึงเลี้ยวเข้ามาในซอยโดยอัตโนมัติก่อนจะกดชัตเตอร์ถ่ายและพยายามจะคุยกับมัน

                   ฉันรู้สึกถึงสายตาจากฝั่งตรงข้ามเลยหันไปมอง เห็นหญิงชาวฮ่องกงคนหนึ่งส่งยิ้มมาพร้อมกับชี้ไปทางลูกโป่งสีเหลืองใบนั้น น่าจะพยายามสื่อสารกับฉันว่าเจ้าแมวตัวนี้กำลังไล่จับลูกโป่ง  ฉันพยักหน้าแล้วส่งยิ้มตอบพลางหัวเราะที่แม้เราจะคุยกันคนละภาษาแต่ก็สื่อสารกันได้(เพราะแมว!!)

                   เจ้าแมวตัวนั้นมองตามลูกโป่งแต่ไม่ได้ขยับตัววิ่งตามแต่อย่างใด  มันมองอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเลิกสนใจแล้วเดินมาพันแข้งพันขาก่อนจะเดินตรงไปยังชามอาหารที่วางอยู่หน้าร้านอาหาร

                   แปลว่าขอข้าวหรือเปล่านะ

                   แต่ดูจากร่องรอยที่อยู่ในชาม  มื้อเช้าของเจ้าแมวน่าจะจบลงแล้วล่ะมั้ง

                                                 NIKON FE + FUJI COLOR 400 JAPAN


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in