เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
sheisphere: Annapurna Base Camp trekkingmiddlmidch
Day 1: BKK - Kathmandu
  • ตาม Itinerary ที่ Agency ให้กับเรามาเป็นแผนดังนี้


    Outline itinerary for Annapurna Base Camp (ABC) via Poonhill

    Day 1 : Arrival in Kathmandu. Pick up and hotel transfer (Thamel)
    Day 2 : Drive to Pokhara by Tourist bus (Driving time: 7-8 hrs). Pick up and hotel transfer (Lakeside)
    Day 3 : Drive to Birethanti by private vehicle (Driving time: 2.5 hrs). Hike to Ulleri. (Walking time: 5 hrs)
    Day 4 : Hike to Ghorepani (2750m) (Walking time: 6 hrs)
    Day 5 : Trek to Poonhill (for sunrise view). Later trek to Tadapani (2700m) or Chiule (2200m) (Walking time:6 hrs)
    Day 6 : Trek to Sinuwa (2340m) (Walking time:5-6 hrs)
    Day 7 : Trek to Deurali (3230m) (Walking time:5-6 hrs)
    Day 8 : Trek to Annapurna Base Camp (4130m) (Walking time:5-6 hrs)
    Day 9 : Trek to Sinuwa (2340m) (Walking time : 6 hrs)
    Day 10 : Trek to Jhinu danda (1780m) or Seewai (Walking time : 6-7 hrs). Drive back to Pokhara by private jeep (2.5 hrs)
    Day 11 : Drive back to Kathmandu by Tourist bus (7-8 hrs drive)
    Day 12 : Final Departure.

    (กัปตันบอกว่า Everest แต่เราไม่แน่ใจว่า peak ไหน ดูจากทรงแล้วก็น่าจะน้องทางซ้ายมือเนอะ)

    เราเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบิน Thai smile ใช้เวลา 3 ชั่วโมงถึงสนามบิน Tribhuvan ประมาณเที่ยง จากนั้นก็ไปเส่ียเวลาประมาณเกิือบ 2 ชั่วโมงเพื่อซื้อซิม NCell ซึ่งมีหลาย package ให้เลือกสรรว่าสะดวกแบบใด ทางเราเลือกแบบ 15 วัน ได้ 4G 25 GB โทรในประเทศ 40 นาที (เกินพอมาก เพราะอยู่บนเขาแทบไม่มีสัญญาณ 4G เลย ได้ใช้ wifi ที่พักแทน) ราคาเคาะที่ 700 NPR จัดการเปลี่ยนซิมเสร็จก็เดินออกมาหาเอเจนซี่ที่รอหน้าสนามบิน

    จริงๆแล้วเราสามารถเลือกซื้อซิมสำหรับต่างประเทศเช่น sim2fly มาก่อนได้ ก็จะทำให้เราสามารถติดต่อกับเอเจนซี่ได้เร็วขึ้น เนื่องจากว่าในสนามบิน Tribhuvan จะสามารถใช้ wifi ฟรีได้กรณีที่เรามีเบอร์โทรศัพท์เนปาล เราซึ่งรอซื้อซิม NCell จึงต้องรอให้ได้เบอร์ก่อนถึงจะเริ่มติดต่อกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง ในช่วง 2 ชั่วโมงที่กำลังวุ่นวายซื้อซิมเลยทำให้ขาดการติดต่อกับเอเจนซี่ไป ค่อนข้างวุ่นวายมากพอสมควร

    เมื่อใส่ซิมปุ๊บ ข้อความเอเจนซี่ก็เด้งรัวๆ เราก็ขอโทษขอโพยไปแล้วรีบออกไปพบตัวแทน (คุณราม) ที่มารอรับหน้าสนามบิน คุณรามบ่นเล็กน้อยว่า 'ไอมารอยู 2.5 ชม. ไม่เห็นยูออกมาเลย' เราก็ได้แต่ขอโทษขอโพยอีกครั้ง ปฏิบัติตนเป็นลูกทัวร์ที่ดี ไหว้อย่างสาวไทย ขออภัยหลายๆ ข้อยไปต่อแถวซื้อซิมมา โดนแซงคิวหลายรอบ กำลัง culture shock อยู่จ้า

    ตามธรรมเนียมเมื่อไปถึงเนปาล ก็ได้ดาวเรืองมาห้อยคอเพื่อเป็นศิริมงคลและสัญลักษณ์ว่า Welcome to Nepal เจ้าพร้อมหรือยังสำหรับการผจญภัยในเขาแห่งนี้ ชอบมาก รู้สึกว่าตัวเองมีความนักการเมืองสาว

    คุณรามพาเราไปโรงแรมชื่อ Kathmandu Garden Home เป็นโรงแรมอยู่ในซอยเล็กๆแถวย่าน Thamel ย่านชื่อดังที่คึกคักสุดๆ แต่วันที่เราไปเป็นเทศกาล Dashain คนกลับไปบ้านกัน บรรยากาศเงียบมาก ร้านรวงแทบไม่เปิด เรานำสัมภาระไปเก็บที่ห้อง สักพักคุณนาบินที่เราติดต่อด้วยตลอดก็มาพบเพื่อพูดคุยรายละเอียดการเดินทางทั้งหมด พร้อมกับชำระค่าใช้จ่ายที่เหลือ อีกทั้งแนะนำการเดินทางไปย่านขายของใน Thamel เพื่อซื้อของที่เหลือที่เรายังมีไม่ครบ


    ที่ Thamel เป็นแหล่งการค้าที่ขายเครื่องทองเหลือง อุปกรณ์กีฬา ผ้าแคชเมียร์ งานปัก รวมทุกอย่างที่จะมีได้ ถ้าเราขาดเหลืออุปกรณ์เดินป่าใดก็สามารถมาเลือกซื้อได้จากย่านนี้ จะมีทั้งร้านที่ขายของแท้กับของก๊อป ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพก็ต่างกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ก็ขึ้นกับว่างบประมาณและเรารับได้ที่คุณภาพประมาณไหน ทางเรายังขาดไม้ trekking poles เลยซื้อจากตรงนี้มา 1 คู่ราคาประมาณ 600 บาท คุณภาพใช้ได้ ใช้เดินตลอดที่อยู่บน ABC ไม่งอแง ไม่หัก ไม่บิ่น กระแทกหิน ลงดินก็ยังไม่หวั่น ไม่ทำให้ล้ม ไว้ใจได้ ถ้าเป็นมือใหม่แบบเรา ไม่อยากลงทุนมากก็แนะนำมาลองเลือกดูที่ Thamel ได้ มีหลายราคาให้เลือกสรรเลย

    อีกส่วนหนึ่งที่เรากรี๊ดมากคือ ถุงเท้า ถุงมือ และหมวกบุผ้า fleece ซึ่งลายน่ารักมาก ราคาอย่างละ 800 NPR ราคาดีมาก อุ่นจัด เหมาะกับอากาศหนาวเย็นสุดๆ ถ้าซื้อจากไทยอาจจะราคาสูงหน่อย มาซื้อที่นี่ก็ได้เช่นกัน

    ส่วนราคานี่สามารถต่อรองได้นะ ขึ้นกับความสามารถของแต่ละบุคคุลด้วย เท่าที่เราลองก็จะได้ประมาณ 10-30% จากราคาตั้งต้น ถ้าเราซื้อเยอะหน่อยก็อาจจะต่อรองได้มากกว่านี้ ใครมีทักษะโน้มน้าวเก่ง อยากจะลองทดสอบความสามารถ ก็สามารถมาฝึกปรือฝีปากที่จุดนี้ได้ค่า

    เมื่อได้ของที่คิดว่าจำเป็นทุกอย่างแล้วเราก็จัดการแพ็คของลงใน duffle bag ที่ลูกหาบจะเป็นคนหาบขึ้นเขาให้ เราใช้ถุงสุญญากาศเพื่อช่วยให้ใช้พื้นที่น้อยลง ก็เลยจัดได้เป็นระเบียบเลย ลูกหาบ 1 คน จะขนของได้ไม่เกิน 25 กิโลกรัม ดังนั้นควรระมัดระวังเรื่องน้ำหนักด้วย เพราะถึงถุงสุญญากาศจะช่วยเรื่องประหยัดพื้นที่ได้แต่น้ำหนักยังเท่าเดิม

    เอาล่ะ เตรียมของเสร็จแล้วต้องรีบนอน เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นตีห้าเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถบัสเพื่อไปเมือง Pokhara แล้ว


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in