เราเลือกชีวิตของเราได้แค่ไหน ถ้านี่เป็นเพียงคำถามถึงวิถีดำเนินชีวิตประจำวันทั่วไปก็คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาที่จะหาคำตอบ เรากำหนดได้ว่าพรุ่งนี้ตัวเราจะไปอยู่ที่ตรงไหน เราสามารถกำหนดตารางการทำงานในแต่ละวันตามระดับความขยัน เราเลือกกินข้าวผัดกะเพราในตอนเที่ยง(แม้จะสิ้นคิดแต่ก็ยังถือว่าได้เลือก) กาแฟแคปปุชิโน่ร้อนไม่ใส่ไซรัปกับครัวซองต์เป็นของว่างตอนบ่าย ตกเย็นนัดกับเพื่อนนั่งสังสรรค์ที่ร้านอาหารเปิดใหม่ หรือรีบกลับบ้านดูละครเรื่องโปรด
อาจโต้แย้งว่านี่มันควบคุมได้ที่ไหนกัน น่าเหนื่อยหน่ายต่างหาก แง่หนึ่งเหมือนถูกบังคับให้ต้องเลือกใช้ชีวิตรูปแบบนี้ อีกแง่หนึ่งคือเพียงปล่อยชีวิตเลื่อนไหลก็มีเส้นทางของมันเองแล้ว เปล่าเลือกเสียหน่อย ก็คงจะจริงอย่างที่ว่า
แต่ถ้าพรุ่งนี้เรากำลังจะตายล่ะ
เราจะเลือกปล่อยชีวิตดำเนินไปเช่นปกติเช่นทุกวัน
หรือจะลิสต์สิบอย่างที่อยากทำก่อนตาย : กระโดดบันจี้จัมพ์, ดำน้ำทะเลลึก, ขี่หลังปลาวาฬ, ปั่นจักรยานพิชิตยอดเขา กระทั่งเข้าป่าล่าเสือดำหรือยืมนาฬิกาเพื่อนมาซัก 25 เรือน อะไรทำนองนั้น คล้ายจะดูเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตที่น่าจดจำ
แต่ใช่สิ่งที่เราอยากเลือกจริงหรือเปล่า
ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว (If Cats Disappeared from the World : 世界から猫が消えたなら)
ดูจากปกหน้าที่มีรูปเจ้าแมวเหมียวนัยน์ตามีเลศนัย อาจจะนึกว่าเป็นแค่หนังสือสำหรับทาสแมวทั่วไปที่จะนำเสนอชีวิตประจำวันของคนกับแมวในรูปแบบน่ารักมุ้งมิ้ง ออดอ้อน เย่อหยิ่ง เย็นชา ว่างเปล่าและมึนงงตามนิสัยของแมว หรือแม้แต่ตอนที่อ่านเรื่องย่อปกหลังก็ยังไม่ได้คิดว่าพล็อตเรื่องแปลกใหม่หรือน่าสนใจ เหมือนเพียงแค่การตั้งคำถามยอดนิยมของมนุษย์บนโลกว่าคุณอยากทำอะไรก่อนตาย
และเรื่องสุดเหลือเชื่อก็บังเกิด เมื่อ ‘ปิศาจ’ ตนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นด้วยรูปลักษณ์ที่ธรรมดาๆ เหมือนตัวเขาเอง โดยปิศาจได้ยื่นข้อเสนอให้เขายอมแลกสิ่งต่างๆ ในชีวิตทีละอย่างที่จะหายจากโลกนี้ไปอย่างถาวร กับการต่อลมหายใจให้กับเขาเพิ่มไปทีละวัน แม้จะเป็นข้อเสนอที่สุดเพี้ยน แต่เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อ หนุ่มไปรษณีย์จึงยอมตกลง
แต่เหมือนเขาจะลืมนึกไปว่า สิ่งสุดท้ายที่เขาอาจต้องยอมสูญเสียเพื่อที่จะอยู่รอดต่อบนโลกใบนี้ ก็คือเจ้า ‘กะหล่ำ’ นั่นเอง…
โลกที่ปราศจากแมวจะเป็นเช่นใด?
ชีวิตจะเหลืออะไรถ้าสิ่งต่างๆ ที่สำคัญล้วนสูญสลายไปหมดแล้ว?
แล้วผมก็หยิบหนังสือ ‘ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว’ เล่มนี้ไปจ่ายเงินอย่างมึนงงสงสัย หรือผมจะมีจิตวิญญาณความเป็นทาสแมวอยู่ในตัว
แต่ผมประเมินหนังสือเล่มนี้ผิดไป ปกหน้าไม่ได้บอกเรื่องราวทุกอย่างในหนังสือ ปกหลังก็เช่นกัน
แม้เรื่องราวจะมีความแฟนตาซีเกินจริงอยู่ แต่วิธีการเล่าเรื่องกับภาษาที่เรียบง่ายเหมือนภาษาสนทนาของมนุษย์ปุถุชน ทำให้เผลอคิดไปได้ว่านี่คือเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนจริง ๆ เรียบง่ายแต่ก็ไม่ธรรมดา กลับนำทางผ่านหลายความคิดและห้วงอารมณ์ที่หลายครั้งเหมือนจะถาโถมแต่บางคราวกลับเนิบนาบ เผลอไปอาจถูกดึงเข้าไปสู่ห้วงลึกของจิตใจได้อย่างไม่รู้ตัว เลยผลักดันอารมณ์ให้เอ่อท้นออกมาอย่างไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
หากการตั้งคำถามถึงการตายและความหมายของการมีชีวิตอยู่มันจะดูหนักอึ้ง แต่การตั้งคำถามว่าเราจะยอมลบอะไรทิ้งไปจากโลกนี้เพื่อแลกกับการให้เราได้มีชีวิตต่อไป นี่กลับท้าทายอารมณ์หนักหน่วงยิ่งกว่า
“จะได้อะไรมาสักอย่าง ก็ต้องเสียอะไรสักอย่างไป”
หรือเอาเข้าจริง ๆ แล้วสิ่งที่มนุษย์ควรทำก่อนตาย มันก็แค่การกลับไปแก้ไขปมที่มัดเกลียวแน่นในใจซักอย่าง ปมที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเราที่ยึดถือเอาไว้ แต่ยังผูกโยงกับคนที่เราผูกพันธ์หรือเคยผูกพันธ์ แต่เขายังต้องมีชีวิตอยู่หลังจากที่เราหายไปจากโลกนี้แล้ว
และก่อนตายผมคิดว่าหนึ่งในสิ่งที่อยากจะทำคือการกลับมาอ่านหนังสือ ‘ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว’ อีกสักรอบ
ข้อมูลหนังสือ
ถ้าโลกนี้ไม่มีแมว
แปลจากหนังสือ: If Cats Disappeared from the World — 世界から猫が消えたなら
ผู้เขียน: Genki Kawamura
ผู้แปล: ดนัย คงสุวรรณ์
สำนักพิมพ์: Maxx Publishing
จำนวนหน้า: 208 หน้า ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ 2 — ธันวาคม 2559
ISBN: 9786163710499
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in