เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Review Books by LILYlilyingarden
-รีวิว- ขอให้แมวโอบกอดคุณ ด้วยแมว 7 ตัวกับ 7 เรื่องเล่า
  • เพราะแมวสีส้มบนรูปปกและชื่อเรื่องที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เราจึงซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน แล้วก็พบว่ามันไม่ใช่หนังสือที่ปลอบประโลมจิตใจของคนอ่านเสียทีเดียว แต่เป็นหนังสือที่สะท้อนชีวิตของมนุษย์ที่เรียบง่ายและจับต้องได้ (โดยที่มีแมวเป็นองค์ประกอบหลัก!!)

    หนังสือเรื่องนี้ประกอบไปด้วยเรื่องสั้นทั้งหมด 7 เรื่องของแมวทั้งหมด 7 ตัวจากร้าน 'แบล็งเก็ตแคตส์' หรือที่แปลว่า แมวผ้าห่ม ซึ่งเป็นร้านให้เช่าแมวเป็นเวลาสามวันสองคืน โดยมีกฎจิปาถะเล็กน้อย อย่างเช่นว่า แมวจะต้องมีผ้าห่มประจำตัวซึ่งห้ามทำหายหรือเอาไปซักเด็ดขาด เพราะผ้าห่มจะมีกลิ่นประจำตัวแมวที่ทำให้พวกมันรู้สึกสบายใจ หรือกฎที่บอกว่าห้ามเช่าแมวตัวเดิมซ้ำภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน 


    ความรู้สึกหลังอ่าน+เรื่องย่อ

    ตอนแรกที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมามีความคาดหวังว่ามันจะเป็นหนังสือที่ช่วยปลอบประโลมเรา เพราะว่าโดยส่วนตัวเราชอบอ่านแนวฟีลกู๊ด อบอุ่นหัวใจ แต่ว่าหนังสือเล่มนี้เสนอเรื่องราวที่หนักหน่วง แสดงให้เห็นถึงปัญหาความสัมพันธ์ของครอบครัวต่างๆ เป็นเรื่องราวที่ชวนเหงา เศร้าและสะท้อนภาพสังคมญี่ปุ่นได้ดีเลยทีเดียว เรามองว่าเป็นหนังสือที่คนชอบเสพงานญี่ปุ่นน่าจะชื่นชอบเลยทีเดียว แม้ว่าเราจะผิดหวังกับโทนเรื่อง (เพราะว่าโดนภาพปกกับชื่อเรื่องหลอกเอานั่นแหละ555) แต่ด้านการนำเสนอเนื้อหานั้น เรารู้สึกถูกใจมาก เพราะว่าผู้เขียนเสนอเรื่องราวที่จับต้องได้ นั่นก็คือปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์นั่นเอง 
    เรื่องสั้นตอนแรกพูดถึงเรื่องราวของสองสามีภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีโดยที่ไม่มีลูก ก่อนจะตัดสินใจเช่าแมว 'สามสี' มาเลี้ยง 
    เรื่องราวของ 'แมวดำ' วัยเกษียณ กับผู้หญิงวัยกลางคนที่เดินทางออกไปท่องเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย พออ่านมาถึงเรื่องนี้เรารู้สึกประหลาดใจกับวิธีเล่าที่เปลี่ยนไป เพราะว่าผู้เขียนได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบเหนือจริงผสมเข้ามาด้วย ทำให้เรามีความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน
    เรื่องสั้นของ 'แมงซ์ไร้หาง' ที่ถูกเช่าโดยเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีความเกี่ยวพันกับการบูลลี่ในโรงเรียน ตอนนี้ก็เป็นตอนที่ชอบมากเช่นกัน เพราะว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใกล้ตัวเราพอสมควร แม้ว่าจะมีจุดหักมุมเล็กๆแต่ก็เดาได้ไม่ยากนัก
    'อเมริกันชอร์ตแฮร์' ที่ถูกเช่าไปโดยครอบครัวหนึ่งเพราะว่าต้องการให้เป็นตัวแทนของแมวที่ตายไปแล้ว เราคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าปวดใจพอสมควร ยิ่งถ้าใครมีคนสูงอายุอยู่ในครอบครัวน่าจะยิ่งอินกับเรื่องสั้นนี้
    เรื่องของ 'แมวพันธุ์ผสม' ที่ถูกเจ้าของหอเช่าเพื่อเอาไปตรวจหาสัตว์เลี้ยงในหอพัก จนกระทั่งมีคู่รักคู่หนึ่งตัดสินใจเช่าแมวพันธุ์ผสมตัวนั้นตัดหน้าเพราะพวกเขาต้องการเลี้ยงแมวจรจัด เป็นเรื่องราวที่ทั้งน่ารักและเหงาปนๆกันไป
    เรื่องราวของ 'แท็บบี' แมวพันธุ์อเมริกันชอร์ตแฮร์ที่ตัดสินใจเดินทางตามหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง โดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้ที่สุด เพราะว่ามันฟีลกู๊ดที่สุดแล้ว555 แอบแฟนตาซีนิดๆ แต่น่ารักอบอุ่นอย่าบอกใคร เป็นเรื่องเดียวที่แมวเป็นตัวละครหลักโดยแท้จริง 
    และสุดท้ายคือ เรื่องของ 'รัสเซียนบลู' ที่ถูกเช่าให้มาอยู่ในครอบครัวที่มีคุณพ่อตกงานและต้องขายบ้านใช้หนี้ธนาคาร

    ทุกเรื่องราวสะท้อนชีวิตของมนุษย์โดยเล่าในมุมมองที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนและหลากหลาย แม้ว่าเรื่องสั้นทั้งหมดนี้จะจบลงแบบปลายเปิดให้คนอ่านไปคาดเดาว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้ แต่ว่าทุกเรื่องสั้นก็ดูจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ผู้เขียนนำแมวใส่เข้ามาในเรื่องเพื่อเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้ทุกตัวละครก้าวผ่านอุปสรรคหรือเปลี่ยนแปลงไปสู่บางสิ่งบางอย่าง และบางครั้งก็ตั้งคำถามเพื่อให้เราได้ขบคิดกับตัวเองโดยไม่ทิ้งคำตอบตายตัว

    สุดท้ายอ่านไปอ่านมา หนังสือเล่มนี้ก็ฮีลเราทีละเล็กละน้อย

         ปล.โดยส่วนตัวเราสนใจร้านแบล็งเก็ตแคทส์นี้มากๆ อยากลองเช่าแมวมาสักตัว (ถึงจะรู้ว่าไม่มีอยู่จริงก็เถอะ555) อีกหนึ่งตัวละครที่ดูลึกลับและน่าสนใจก็คือพนักงานของร้านที่ดูไม่ค่อยมีที่มาที่ไปเท่าไหร่ น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่ได้ขยายความเพิ่มเติม



    วิเคราะห์เรื่องสั้นและตัวละคร

    * หลังจากนี้ขอเตือนว่ามีการสปอยล์เนื้อเรื่องแน่นอน ถ้าใครยังไม่อ่านเราไม่แนะนำ ข้ามไปอ่านตอนท้ายได้เลย แต่ถ้าใครชอบสปอยล์ เชิญอ่านได้เลย
    * ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์ตามความเห็นส่วนตัวของเราเอง อาจจะมีถูกบ้างผิดบ้าง พิจารณาเสมอเมื่ออ่านนะคะ










    - เรื่องสั้นตอนแรกของเจ้าแมวสามสี เป็นเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่ฝ่ายชายมีปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์ ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้ ดังนั้นทั้งสองคนจึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวแม้ว่าจะอยู่ด้วยกัน ด้วยระยะห่างบางอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มไม่เหมือนคนรักกันมากขึ้นทุกที แต่เมื่อฝ่ายชายเป็นคนเช่าแมวมา โลกของทั้งคู่ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากที่ชีวิตดูจืดจางและนิ่งสงบก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวและมีสีสันมากขึ้น (จากใจคนเลี้ยงแมว แมวทำให้บ้านมีชีวิตชีวามากขึ้นเยอะจริงๆ) ในช่วงท้ายเรื่องก็จะเห็นได้ถึงสัญญาณความผูกพันธ์ระหว่างทั้งสองคนที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นและดูสดใสกว่าเดิม เป็นตอนที่สะท้อนภาพของความเป็นคนญี่ปุ่นถึงภาพลักษณ์ของความเกรงใจ ความสุภาพและไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวแม้กระทั่งกับคนที่สนิทสนมด้วย จนบางครั้งมันกลายเป็นข้อเสีย เพราะหัวใจของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถสื่อถึงกันได้อย่างตรงไปตรงมาจริงๆ 
    แมวสามสีในตอนนี้ยังสื่อถึงฝ่ายชายที่มีความไม่ผิดปกติ เพราะแมวสามสีส่วนมากเป็นตัวเมียเนื่องจากโอกาสที่ยีนสีส้มและสีดำสามารถส่งต่อผ่านโครโมโซม XX ได้มากกว่า ทำให้แมวสามสีตัวผู้มีโอกาสพบเห็นน้อยมาก (เสิร์ชกูเกิลได้หากไม่เข้าใจ) 


    - ตอนที่สอง เป็นเรื่องราวของคุโระ แมวแมนคูนสีดำวัยปลดเกษียณทีู่ถูกหญิงวัยกลางคนชื่อทาเอโกะเช่ามาเพื่อเดินทางร่วมกับเธอ เราจะได้เห็นถึงชีวิตที่น่าเศร้าของผู้หญิงคนนี้ เธออายุประมาณห้าสิบกว่าปีแล้ว แต่งงานมาสี่ครั้งแต่ว่าเกิดเหตุให้ต้องเลิกราทุกครั้ง ทำให้เธอนิยามตัวเองว่าเป็นความโชคร้าย และเชื่อว่าแมวดำอันเป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้ายก็เป็นสิ่งที่คู่ควรกับคนอย่างเธออยู่แล้ว เธอจึงเช่าแมวดำตัวเดิมมาตลอด ในเรื่องยังเปิดเผยว่าเธอยักยอกเงินของบริษัทที่เธอทำงานอยู่มาหลายสิบปีเป็นมูลค่ากว่าสามสิบล้านเยน (ประมาณแปดล้านกว่าบาท) แม้เธอจะอธิบายว่าทุกคนในบริษัทนั้นเป็นคนดีมาก ทุกคนดีกับเธอมาตลอดและเธอก็ยังสนิทกับครอบครัวที่เป็นเจ้าของบริษัทเสียด้วย แต่ว่าเหตุใดเธอถึงทรยศพวกเขาล่ะ? แม้เรื่องสั้นจะไม่ได้ให้คำตอบกับเราชัดเจน แต่ว่าเราคาดเดาว่าเธอรู้สึกอิจฉาอยู่ลึกๆเกี่ยวกับชีวิตดีๆของพวกเขา ซึ่งแตกต่างกับเธอโดยสิ้นเชิง พวกเขามีครอบครัวที่แสนสุข เต็มไปด้วยลูกหลาน ในขณะที่ทาเอโกะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ประกอบกับเธอเป็นโรคมะเร็ง เธอจึงคิดว่าตัวเองน่าจะต้องตายโดยไม่มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง และรู้สึกเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง ดังนั้นเธอจึงอยากฝากร่องรอยหรือผลงานอะไรสักอย่างทิ้งไว้ เพื่อให้คนอื่นรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับเธอ นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจโกงเงินบริษัท
    นอกจากนี้ผู้เขียนยังใส่บรรยากาศของความเหนือจริงลงไป เพื่อให้เราเห็นได้ถึงสภาพจิตใจของทาเอโกะที่เปราะบาง เธอหวาดกลัวต่อความผิดของตัวเองและความตายที่เข้ามาใกล้อย่างชัดเจน 
    ในตอนสุดท้ายเธอตัดสินใจว่าฆ่าตัวตายพร้อมกับเจ้าแมวดำคุโระ แต่ว่าเจ้าแมวกลับกระโจนลงไปในทะเลก่อนเธอ มันว่ายน้ำไปเรื่อยๆราวกับพยายามจะฆ่าตัวตาย หลังจากที่ทาเอโกะช่วยชีวิตคุโระได้สำเร็จ เธอก็สัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่เฉียดใกล้ความตายของจริง นั่นทำให้เธอเห็นถึงคุณค่าของชีวิตตัวเอง

    - ตอนที่สาม เจ้าแมวพันธุ์แมงซ์ซึ่งเป็นแมวไร้หางที่ถูกเช่าโดยเด็กชายที่เป็นหัวโจกของการบูลลี่เพื่อนร่วมห้อง เปิดเรื่องมาเราจะเห็นว่าเด็กผู้ชายที่ชื่อ โคจิ ดูเป็นผู้ชายที่ไม่สู้คน อ่อนแอและไม่กล้าแสดงออก แต่ว่าเขากลับเป็นตัวตั้งต้นในการรังแกเพื่อนร่วมห้องที่ชื่อว่า ยามะชู จนอีกฝ่ายพยายามจะฆ่าตัวตาย
    นี่เป็นผลพวงจากความเก็บกดของโคจิ สังคมของญี่ปุ่นเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความเครียด ผู้คนไม่สามารถแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาได้ โคจิก็ได้รับอิทธิพลมาจากสังคม รวมถึงคุณพ่อที่เข้มงวดและมีอารมณ์ร้าย ทำให้เขาเก็บทุกอย่างเอาไว้ข้างในจนไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาอย่างชัดเจน สุดท้ายเขาก็เอาทุกอย่างไปลงกับเพื่อนร่วมชั้น แม้กระทั่งในตอนที่เขาต้องการจะพูดทุกอย่างให้พ่อแม่ฟัง เขาก็ยังไม่สามารถพูดทุกอย่างออกมาได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังมีแมวเช่าที่ชื่อ โคจิ เป็นเสมือนตัวตนของเขา เป็นพื้นที่ให้เขาได้ระบายและเปิดเผยความในใจของตัวเองออกมาโดยทำเสมือนว่าตัวเองเป็นคนอื่น แต่โคจิ(แมว)เป็นตัวตนของเขาเอง ในตอนท้ายเราจะเริ่มเห็นพัฒนาการของโคจิว่าเขาเริ่มแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาแม้จะเล็กน้อยมากก็ตาม

    - ตอนที่สี่ แมวสายพันธุ์อเมริกันชอร์ตแฮร์ที่ถูกเช่ามาเป็นตัวแทนแมวที่เสียไปของคุณย่าซึ่งมีอายุเยอะมากแล้ว แถมอีกไม่นานคุณย่าก็จะต้องถูกส่งตัวไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์ ในเรื่องจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครอยากจะดูแลแม่ของตัวเองในยามแก่เฒ่า ทุกคนต่างก็อยากผลักภาระให้พ้นตัวกันทั้งนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ในสังคมทั่วไปมากๆ เราจะเห็นว่าทุกคนในครอบครัวนี้พยายามทำตัวเองให้ดูมีความสุขต่อหน้าคุณย่า แต่ว่าตัวละครที่เป็นผู้บรรยายหรือ ฮิโรมิ จะมีความรู้สึกขัดแย้งในใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับการกระทำของทุกคนในบ้าน นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มของเธอที่ไม่รู้จะลงเอยไปในทิศทางไหน ทุกอย่างในเรื่องดูเหมือนจะหาจุดลงตัวไม่ได้เลย การที่พาคุณย่าไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์มันเป็นเรื่องถูกต้องหรือเปล่า จริงๆแล้วคุณย่าอยากไปหรือเปล่านะ...แต่หลังจากที่คุณย่าพูดขอบคุณทุกคนออกมาด้วยความจริงใจ ทุกคนในบ้านก็ดูจะโล่งอกขึ้นมาที่ความพยายามทั้งหมดของตัวเองได้รับการตอบรับ และในตอนที่คุณย่าร้องเพลงขึ้นมาก็ดูเหมือนจะเป็นการปลอบโยนฮิโรมิและทุกคนว่า ชีวิตมันก็เป็นอย่างนี้แหละ มีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายปนกันไป มาลองพยายามดูก่อนเถอะ ในตอนนั้นเองที่เรารู้สึกว่าชีวิตมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ บางครั้งมนุษย์เราก็กลัวทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำ เหมือนกับตอนที่ฮิโรมิรู้สึกกลัวการแต่งงานที่ยังมาไม่ถึง แต่ว่าถ้าไม่ลองคุย ลองทำความเข้าใจแล้วมัวแต่กลัวไปเอง มันก็เท่ากับย่ำอยู่กับที่ แล้วสุดท้ายอาจจะกลัวจนล้มเลิกไปก็ได้

    - ตอนที่ห้า เรื่องราวของแมวพันธุ์ผสมที่ถูกคุณลุงเจ้าของหอพักเช่ามาตรวจตราผู้พักอาศัยที่แอบเลี้ยงสัตว์ แต่ว่าดันมีคู่รักหัวใสที่อยากเลี้ยงแมวตัดสินใจเช่าแมวตัวนั้นตัดหน้าเจ้าของหอ แล้วทั้งคู่ก็ได้ค้นพบความลับและเรื่องราวของเจ้าของหอและแมวตัวนั้นโดยไม่รู้ตัว เรื่องสั้นนี้แสดงให้เราเห็นว่าคนบางคนตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้ เจ้าของหอที่มักจะพูดจาขวานผ่าซากและไร้อัธยาศัย แต่แท้จริงแล้วเขาเคยเผชิญเรื่องราวเลวร้ายในอดีตทำให้ต้องอยู่ตัวคนเดียว ซึ่งจริงๆแล้วคุณลุงก็ไม่ใช่คนเลวร้ายแต่อย่างใด เขาไม่ได้โกรธเคืองแมวที่ทำให้เขาสูญเสียครอบครัวเลยด้วยซ้ำ แมวพันธุ์ผสมที่ถูกเช่ามาก็เป็นเหมือนตัวแทนของคุณลุงเจ้าของหอ คือดูไม่เป็นมิตร ดุร้าย แต่ข้างในมีบาดแผลและอารมณ์อ่อนไหวซ่อนอยู่
    ในขณะที่ทัคคุงหรือผู้บรรยายก็เป็นเหมือนตัวแทนของคนที่ไม่มีอะไรเลย ทำงานจิปาถะ ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อย แต่ว่าแมวเข้ามากลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเริ่มตั้งเป้าหมายที่จะใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม

    - ตอนที่หก แท็บบี เจ้าแมวพันธุ์อเมริกันชอร์ตแฮร์ที่ตัดสินใจหนีออกจากร้านแมวผ้าห่มเพราะได้ยินเสียงดังขึ้นในหัวของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่เราชอบมากที่สุดและเป็นเรื่องที่เน้นบทหลักไปที่แมว (เรียกว่าเป็นพระเอกของเรื่องก็ว่าได้) การเดินทางของแมวที่ได้ยินเสียงบรรพบุรุษในหัวของตัวเอง ทำให้แท็บบีมีจุดมุ่งหมายเป็นของตัวเองต่างจากแมวตัวอื่นๆในร้านเช่าแมว เป็นตอนที่อ่านแล้วยิ้มอย่างสุขใจ ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแต่ประทับใจ แฝงไปด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกัน แต่ลูกกลับเคว้งคว้างไร้ที่พึ่ง เพราะพ่อกับแม่ต่างก็ไปมีครอบครัวใหม่ การจะเข้าใจและดูแลจิตใจของเด็กๆเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างละเอียดละอ่อนจริงๆ เพราะถ้ามีบาดแผลทางจิตใจตั้งแต่เด็กก็จะจำฝังใจไปจนโต

    - ตอนสุดท้าย เรื่องราวของแมวพันธุ์รัสเซียนบลูที่ถูกเช่ามาในครอบครัวที่กำลังเผชิญปัญหาเรื่องหนี้สิน พ่อตกงาน ต้องขายบ้านใช้หนี้ และลูกๆทั้งสองคนก็ต้องย้ายโรงเรียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเป็นพ่อจึงทำทุกวิธีทางเพื่อสร้างความทรงจำที่สวยงามกับทุกคนโดยการเช่าแมวมาเลี้ยงและถ่ายรูปกับวิดีโอเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่แค่เริ่มต้นก็ถูกขัดขวางโดยภรรยาของตัวเองเสียแล้ว เราจะได้เห็นภาพของคุณพ่อที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แต่ก็พยายามจะสร้างความสุขให้แก่ทุกคน อีกทั้งยังถูกลูกสาวคนโตที่ชื่อมิยุกิโกรธและขัดขวางทุกวิธีทาง จนพูดจาทำร้ายความรู้สึกทุกคนด้วยความโมโห หนำซ้ำยังเอาผ้าห่มของแมวเช่าไปทิ้งอีก ในเหตุการณ์นี้ทุกคนต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากสูญเสียสิ่งสำคัญของตัวเอง ทั้งเพื่อนสนิท บ้านหรือการงาน ชีวิตอาจเผชิญเส้นทางที่ขรุขระและยากลำบากแบบนี้ในสักวัน แต่คุณแม่ก็ปลอบใจว่าถึงจะสูญเสียสิ่งสำคัญไป แต่มนุษย์เราก็สามารถแสวงหาสิ่งใหม่มาทดแทนได้เสมอ น่าเสียดายที่บทนี้แมวไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญนักจนกระทั่งถึงช่วงท้ายของเรื่อง


    หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร

    แนะนำมากๆสำหรับคนรักแมว ชอบเสพงานเขียนญี่ปุ่น ชอบบรรยากาศเหงาๆปนซึ้ง และถ้าหากคุณชอบงานเขียนที่จบแบบปลายเปิด และเปิดโอกาสให้คุณได้ขบคิดต่อ หนังสือเล่มนี้ดีทีเดียว

    คะแนน ส่วนตัวให้ 8/10 ว่างๆหยิบมาอ่านได้เพราะเป็นตอนสั้นๆ ถึงบางตอนจะเนื้อหาหนักก็เถอะ555 ผู้แปลก็แปลออกมาได้ลื่นไหลมากจริงๆ เข้ากับบริบทและสร้างอรรถรสในการอ่านได้ดีมากเลย 
    ปล.ที่คั่นหนังสือน่ารักมากกก


    รายละเอียดหนังสือ
    ชื่อหนังสือ ขอให้แมวโอบกอดคุณ
    ผู้เขียน ชิเงมัตสึ คิโยชิ
    ผู้แปล ปาวัน การสมใจ
    สำนักพิมพ์ piccolo
    จำนวนหน้า 352
    ราคา 355




    ปล. สุดท้ายแล้วจริงๆ เราใช้เวลาเขียนนานมากค่ะ หมดพลังแล้ว
    หากใครมีปัญหากับคนอื่น ไม่ว่าจะครอบครัว คนรักหรือเพื่อน เราขอให้ทุกอย่างคลี่คลายไปด้วยดี

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in