หลายวันมานี้ คงไม่มีใครไม่รู้เรื่องราวที่มาของ hashtag #เราก็เพอร์เฟคประมาณนึง 

และ #ต่ำตมไม่หยุด ที่กำลังฮิตติดกระแสไปกับแทบจะทุกคอนเทนต์บนโลกออนไลน์  

เราคงจะไม่เท้าความเล่าเรื่องราวเม้ามอยของดารา นักร้อง ที่ถูกกล่าวถึง 

แต่สิ่งที่อยากพูดถึงมากกว่าใครผิด ใครถูก คงเป็น "การวางตัวของสื่อ ?" 

หลังจากเรื่องราวยืดเยื้อจนเกิดเป็นกระแส hashtag ตามต้นเรื่อง 

นอกจากชาวเน็ตจะตั้งทีม ตามฝ่ายที่ตัวเองเชื่อ และชื่นชอบแล้ว 

ที่ดูจะสนุกสนานไปกว่าชาวเน็ตทั้งหลาย ก็คงจะเป็นสื่อ social media เจ้าต่างๆ

ที่ออกมาเกาะกระแสกันอย่างสนุกสนาน ค่ายเก่า ค่ายใหม่ เครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า

หรือแม้แต่ รายการต้นเรื่องเอง....

ที่ดูจะสนุกปากไปกว่าคนอื่นเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดว่า 

"เฮ้ย สนุกมั้ยพวกแกรร ฉันหาดราม่ามาให้" 

"และฉันไม่สนว่ามีใครจะได้รับผลกระทบ หรือ รู้สึกแย่กับเรื่องนี้บ้าง"

........

ทั้งที่สิ่งที่รายการได้สื่อออกไป เป็นเพียงการบอกเล่าของฝ่ายเดียว 

สิ่งที่ผู้ฟังได้รับก็มาจากทางเดียว ลองนึกกลับกันถ้าหากเป็นอีกฝ่าย

ออกมาพูด จะกลายเป็นหนังอีกม้วนหรือไม่ ที่น่าแปลกใจคือคอมเม้นต่างๆ 

ที่พูดถึงบุคคลที่สาม ที่ถูกดึงมาเกี่ยวข้อง 

พร้อมกับคอมเม้นประเภท 

- สวยตรงไหน เทียบอะไรกับเขาได้บ้าง 

- คบไปเดี๋ยวผู้ชายก็นอกใจแบบนี้

- ถ้าไม่ได้เรื่องตลก มีดีอะไรบ้าง หน้าตาก็สู้ไม่ได้ 

- ต่ำเหมือนกัน คงสมพงษ์กัน 

- เหี้* กับ เหี้*  เกิดมาคู่กันจริงๆ 

และอีกหลากหลายคอมเม้นที่หยาบคายและเอาสนุก 

ทั้งที่หลายคนต่างยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงเป็นอย่างไรบ้าง 

สรุปแล้วเรื่องนี้มีคนอยู่ 4 ประเภท 

1. สื่อและแบรนด์ผู้ได้ผลประโยชน์แบบเต็มๆ (โดยไม่สนว่าใครจะโดนด่า)

2. ดารา เซเลป ที่ได้กระแสกลับมาจากความเงียบ (เปลืองตัวโดนด่าเล็กน้อย)

3. บุคคลที่ 3 ที่ถูกก่นด่า ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง(จนต้องถาม เอ๊ะ กูผิดไร?)

4. ชาวเน็ตแบบเราๆ ที่พร้อมเผือกไม่ลืมหูลืมตา (เผือกทุกเรื่อง ด่าแล้วลืม คือเรา)

แล้วเราเป็นคนแบบไหนดีหละ ? ข้อ 5 ดีไหม ?

#แฟร์อินัฟ