Makers
Store
Log in
You don't have any notification yet.
See All
My Wallet
null
Library
Settings
Logout
เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ
นโยบายความเป็นส่วนตัว
เพื่อใช้บริการเว็บไซต์
ยอมรับ
ไม่ยอมรับ
I’m all ears.
–
thime_ss
มีอะไรอยากพูดกับฉันไหม?
ชีวิตที่ผ่านมาช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ปี 2 เอกภาษาญี่ปุ่น จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากมัธยมปลายแบบหลายๆคน แต่ก็พยายามอย่างมากจนเป็นที่คาดหวังของอาจารย์ .. มันน่าภูมิใจใช่ไหม?
เปล่าเลย มันกดดันเสียมากกว่านะ
เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วที่ฉันเริ่มรู้สึกเหนื่อย
เริ่มรู้สึกว่า ‘ไม่ไหวแล้ว’ ฉันรู้สึกเหมือนว่าหันไปทางไหนก็พบแต่ความผิดหวังที่รอให้ฉันไปเผชิญซะหมด
ฉันเป็นนักศึกษาที่กระตือรือร้น เรียนฉันก็ไม่ได้เรียนแย่ อยู่ในระดับที่ฉันคิดว่ามันโอเคนะสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานอย่างฉัน กิจกรรมฉันก็ช่วยเหลือสาขามาเสมอ เรียกได้ว่าเป็นมือขวาทำงานของอาจารย์หลายคนเลย .. เหมือนฮีโร่ชะมัด
แต่เปล่าหนิ .. ฉันแค่ปฏิเสธไม่เก่ง
หรือกับอาจารย์บางคนที่ต่อให้ปฏิเสธแล้ว ก็ยังขอให้ฉันทำ
วันหนึ่งที่ฉันเริ่มอยากหันหลังให้ทุกอย่าง
ชีวิตมหาลัยของฉันไม่ได้สวยงามนัก ‘ฉันไม่เคยมีเพื่อน’
แบบที่เป็นเพื่อนจริงๆเลยสักครั้ง ..
ชีวิตของฉันตอนนี้มีแค่ ‘แฟน’ เท่านั้นที่อยู่ข้างๆ
คอยดูแลเรื่องต่างๆ เราคบกันมา 3 ปีแล้วและพ่อแม่รับรู้
แฟนฉันอายุ 25 ปีแล้ว เขาทำงานแล้วนะ
พ่อแม่ของฉันหย่ากันด้วยเหตุผลที่เห็นได้ทั่วไป ‘นอกใจ’
ตั้งแต่ฉันอยู่ม.3 พ่อก็ยังไม่สามารถจัดการให้ได้
ถึงแม้จะบอกฉันไว้ว่า ‘พ่อจัดการได้ มันไม่มีอะไรนะ’
โอเค ฉันเชื่อพ่อสนิทใจ
อาจเป็นเพราะฉันไม่ถูกกับแม่มาตั้งแต่เด็ก
เราทะเลาะกันบ่อย ฉันมักจะมีปากเสียงกับแม่มาตลอด
แต่ถามว่ารักไหม? ตอบได้เลยว่า ‘รักสิ’
พอถึงคราวที่ครั้งนี้พ่อเป็นคนทำผิด ทำให้ครอบครัวเราแทบจะไม่เหมือนเดิม แม่ฉันเริ่มเป็นคนอารมณ์ร้อน ทำทุกอย่างให้พ่อกลับมา แม้จะบุกไปอาละวาดที่ไหนก็ตาม
จนวันหนึ่งที่แม่เข้าหาธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรมบ่อยๆ
จนถึงช่วงที่ฉันอยู่ม.5 กำลังจะขึ้นม.6
ตอนนั้นแม่ของฉันตัดสินใจจะตัดขาดจากพ่อเสียที
คำบอกกล่าวของพ่อที่เคยให้กับฉันไว้เป็นเรื่อง ‘โกหก’
พ่อเลือกชีวิตใหม่ของเขา
แต่พ่อก็ไม่ทิ้งฉันกับพี่ของฉันนะ แค่ไม่มีแม่เท่านั้น
อืม ใช่แล้ว .. ฉันมีพี่สาวหนึ่งคน อายุห่างจากฉันแค่ 1 ปี
พี่ฉันกำลังวุ่นวายกับช่วงเข้ามหาลัย
บางครั้งพ่อก็คะยั้นคะยอให้เรียนแถวชลบุรีสิ อยู่ใกล้ๆพ่อ
แต่พี่ฉันเป็นคนติดแม่นะ
ถ้าจะบอกว่าพี่เป็นลูกแม่ ฉันเป็นลูกพ่อก็คงพอนึกภาพออก
สุดท้ายที่แม่ตั้งใจจะตัดขาดจากพ่อ
แม่ตัดสินใจย้ายไปอยู่สุโขทัย บ้านเกิดของแม่
และให้พี่ของฉันแอดมิชชั่นเข้ามหาลัยแถวพิษณุโลก
แล้วฉันล่ะ? ใช่ ฉันยังต้องเรียนม.6 อีก 1 ปี
ฉันอยู่คนเดียวในบ้านแถวรังสิต ปทุมธานีตลอด 1 ปีนั้น
เป็นช่วงที่ฉันคบกับแฟนคนนี้
ชีวิตช่วงนี้เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนมากๆ
ฟอร์นิเจอร์เกือบทั้งหมดถูกขนย้ายออกจากบ้านไปยังสุโขทัย
เท่าที่จำได้ เหลือแค่ตู้เย็น โต๊ะยาว เก้าอี้ ฟูกนอน และกระทะไฟฟ้า เทียบกับบ้านทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นแล้วนั้น ..
มันว่างเปล่ามากๆ ..
ฉันเป็นเด็กเรียนรู้ง่ายนะ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น
แต่เพราะฉันไม่ใช่คนมีความฝัน ฉันไม่รู้ว่าเรียนไปเพื่ออะไร?
หรือเรียนไปทำไม? อยากเรียนอะไร? ฉันไม่มีคำตอบ
ผลการเรียนที่ผ่านมาของฉันมันก้ำกึ่งความห่วยแตก
แต่เพราะฉันคบกับแฟนคนนี้ในช่วงนั้น
ฉันก็ตั้งใจเรียนขึ้นมาก การบ้านมีคนช่วยเตือน ช่วยทำ
ทุกวันศุกร์ หลังจากกลับมาถึงบ้านฉันจะเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ชุดนักเรียนที่ใส่แล้ว แล้วนั่งรถไปบ้านของแฟนที่อยู่ในกทม.
เสื้อนักเรียน .. แฟนเป็นคนซักให้ จัดกระเป๋าสำหรับเดินทางกลับให้ วันอาทิตย์ตอน 1 ทุ่มฉันก็จะกลับไปเตรียมตัวทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ชีวิตวนเวียนอยู่แบบนี้ ..
ค่าใช้จ่ายของฉัน พ่อจะเป็นคนโอนเงินรายอาทิตย์มาให้ฉันเสมอ รวมถึงค่ารถ ค่าเทอมต่างๆ .. ลูกพ่ออย่างสมบูรณ์ 5555
ชีวิตฉันดิ่งอยู่ช่วงหนึ่ง ..
ช่วงที่ฉันรู้สึกว่าตังเองพยายามอย่างหนัก
เพื่อให้ผลการเรียนจากที่ไม่ถึง 3 สักเทอมเดียวมันดีขึ้น
ฉันตื่นมาอ่านหนังสือทุกเช้าตอนตี 4
ก่อนสอบตื่นมาสรุปเนื้อหาอีกครั้งตอนตี 3 ทบทวนเสมอ
จนถึงวันสอบที่ต้องมารับรู้ว่าคนไม่ได้อ่านได้คะแนนเกือบเต็มเพราะถ่ายรูปข้อสอบส่งให้กันในแชทไลน์กลุ่ม ..
ฉันหัวเสียไปหมด
ฉันตัดสินใจเดินไปบอกอาจารย์ โดยปรึกษาเพื่อนในกลุ่มตอนนั้นแล้วว่าควรจะบอกดีไหม .. เพื่อนๆฉันเห็นด้วย
และหลังจากนั้นชีวิตในโรงเรียนก็เปลี่ยนไป
กลุ่มใหญ่ของเพื่อนที่ทุจริตในการสอบครั้งนั้นเริ่มแบนฉันทันทีที่รู้ว่าฉันเป็นต้นเหตุ สารพัดคำจะกระแนะกระแหนฉัน
เดินผ่านกันกี่ครั้งก็มีแต่คำพวกนี้เต็มไปหมด
เพื่อนในกลุ่มของฉันเริ่มอึดอัด ..
หลังจากนั้นพวกเขาก็เหมือนจะหันหลังให้ฉันไปทีละคนๆ
เหมือนว่าฉันจะเป็นต้นเหตุให้กลุ่มใหญ่นั้นไม่เป็นมิตรกับพวกเขาไปด้วย .. โอเคฉันผิดเองก็ได้
ช่วงนั้นฉันโดนคนที่ทุจริตข้อสอบเดินมาต่อย 1 ครั้ง
ก่อนหน้านั้นเหมือนมีสงครามประสาทกันในห้อง
พวกเขาทั้งแซะ ทั้งด่า จนลามไปถึง ‘พ่อมึงตายอ่อวะ’
ไม่โอเค ..
ฉันตัวสั่นไปหมดอยากเดินไปกระชากเสื้อแล้วบอกให้พวกเขารู้ว่าพ่อของฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเขา แต่ก็ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ
จนฝั่งนั้นทนไม่ไหวแล้วเดินมาต่อยฉันนั่นแหละนะ
ฉันแจ้งความทันทีเพราะโรงเรียนคงคิดแต่จะเจรจา
พ่อฉันขึ้นมากรุงเทพเพื่อมาจัดการปัญหาเรื่องนี้ให้เสร็จ
ตอนที่อยู่โรงพักมันช่างน่าผิดหวัง ..
อาจารย์ประจำชั้นของฉันไม่เข้าข้างฉันด้วยซ้ำ ..
สารพัดคำปกป้อง บลัฟฉันไม่หยุดหย่อน บอกทุกคนว่ามันเรื่องเล็กน้อยมากๆ สองมาตรฐานชัดๆ ..
กลายเป็นฉันเสียเองที่ร้องไห้ออกมา
ฉันอึดอัดอย่างทนไม่ไหว สุดท้ายก็แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าทุกคน ทั้งๆที่ตัวเองที่กำชับกับพ่อไว้เองแท้ๆ
‘ห้ามยอมความนะ ต้องใจแข็งนะ’
ฉันตัดสินใจยอมความให้เรื่องมันจบๆไป
ฉันรู้สึกอยากออกไปจากตรงนั้นเต็มที ทั้งอึดอัด ทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจ คำถามมากมายอยู่เต็มหัว ..
ฉันเป็นคนผิดหรอ?
หลังจากเหตุการณ์นั้นฉันเริ่มห่างจากเพื่อนในกลุ่ม
ฉันไม่ให้ใจกับใครมากเกินไป รักษาระยะอย่างพอดี
ชีวิตตอนนั้นเหมือนมีแค่แฟนที่เข้าใจเท่านั้น ฉันยังคงโฟกัสที่การเรียนเช่นเดิม
จนถึงวันที่ต้องเริ่มนึกถึงอนาคต ..
ฉันไม่รู้ว่าอยากเรียนอะไร
ฉันมีพรสวรรค์ด้านศิลปะ แต่แน่นอนว่าฉันก็นึกไปถึงว่า จบมาจะทำงานอะไรนะ? ต้องอดหลับอดนอนแค่ไหน?
ตอนนั้นฉันอยากเรียนสถาปัตย์
แต่เหมือนโดนกลั่นแกล้งยังไงอย่างงั้น
ฉันไม่ได่เรียนจบวิทย์-คณิตมา
มันทำใจยากนะ
แต่ฉันก็กลั่นแกล้งตัวฉันเองนั่นแหละ
ตอนม.ต้นฉันอยู่ในห้องควีน
ห้องที่เหมือนคัดไว้ว่าม.ปลายต้องได้อยู่วิทย์-คณิตแน่นอน
แต่เพราะฉันรู้สึกว่ามันไม่สำคัญขนาดนั้น
ฉันเรียนตามเพื่อนสนิทที่สุดของฉันที่เรียนอยู่ห้องธรรมดา
เขามาขอให้เรียนศิลป์-คำนวณด้วยกันสิ
เรียนด้วยกันนะ ช่วยกันเรียน .. โอเค ฉันตกลง
ถามว่าตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้ว?
ใช่แล้ว .. ฉันกับเขาไม่ได้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ขึ้นม.6 มาสักพัก
ลับหลังฉันสารพัดที่ฉันพึ่งจะรับรู้มาว่าเขาทำอะไรบ้าง
ซึ่งฉันไม่ใช่คนที่อดทนเท่าไหร่นัก .. ฉันตัดขาดจากเขาทันที
มันคือเหตุผลที่ฉันไม่ได้เรียนวิทย์-คณิตมาถึงวันนี้
แต่ฉันไม่โทษเขานะ ถ้าฉันมีความฝันเป็นของตัวเองสักหน่อย
ฉันคงไม่ต้องโดนจูงไปไหนง่ายๆแบบนี้
สุดท้ายฉันตัดสินใจเรียนตามแฟนของฉัน
‘ภาษาญี่ปุ่น’
ฉันคิดไว้ว่าอาจจะเรียนภาษา เพราะภาษาอังกฤษของฉันไม่ได้แย่มาก ออกจากค่อนไปทางดีด้วยซ้ำ พอรู้ว่าแฟนของฉันเรียนภาษาที่สามมา ฉันก็ตื่นเต้นไปหมด
มันดูเท่มากๆในสายตาฉัน
ฉันบอกเขาว่าฉันสนใจนะ แต่ฉันไม่มีพื้นฐาน
เขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เขามีหนังสือเรียนของเขาเยอะมาก ไม่ต้องซื้อเลย ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้นะ เขาจะช่วยสอนให้อีกแรง ใจฉันมันชื้นไปหมด รู้สึกมีความหวัง
แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตฉันตอนนี้นี่แหละ
thime_ss
Report
Views
I’m all ears.
–
thime_ss
View Story
subscribe
Next
Comments
()
Facebook
(
0
)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in
ยืนยันการซื้อ ?
เหรียญที่มีตอนนี้: null
มีเหรียญไม่พอซื้อแล้ว เติมเหรียญกันหน่อย
เหรียญที่มีตอนนี้ : null
Please Wait ...
ซื้อเหรียญเรียบร้อย
เลือกแพ็คเกจเติมเหรียญ
เลือกวิธีการชำระเงิน
Credit Card
Cash @Counter
Line Pay
ระบบจะนำคุณไปสู่หน้าจ่ายเงินของผู้ให้บริการ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in