เวลาเราจะเดินทางไกล การเช็คสภาพเครื่องยนต์เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ
การบริจาคอวัยวะก็เช่นกัน
เดือนกุมภาพันธ์ 2558 /เดือนแห่งความรัก / เดือนที่ต้องต่อสู้กับความกลัว
ถ้าถามว่ากลัวอะไรที่สุดในชีวิตและตัดตัวเลือกจิ้งจกออกไป ก็คงเป็น“เข็มฉีดยา” นี่แหละ
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ามันก็ต้องสู้ สู้ดิวะ
“เบามือหน่อยนะคะคุณพยาบาล พอดีกลัวเข็มมาก” บอกไปแบบตรงๆ เผื่อเขาจะเห็นใจ
หลังจากเขียนใบสมัครผู้บริจาคและยื่นเอกสารแบบไทยๆเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่ขั้นตอนเช็คสภาพร่างกายแบบคอมโบ หมายถึง เช็คแบบครั้งใหญ่สุดในชีวิต (มากกว่า “หายใจเข้าและกลั้นใจอึ๊บ” แน่นอน) ใช้เวลายาวนานเพราะคิวโรงพยาบาลแน่นยิ่งกว่าเครปป้าเฉื่อย กว่าจะเช็คครบก็ปาเข้าไป 6 เดือน แถมยังต้องเจอกับเข็มฉีดยาที่ไม่ค่อยจะญาติดีกันเท่าไหร่ สิ่งที่เราเจอในเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะมี
1. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจ หาความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ พยาบาลจะสั่งให้เรานอนนิ่งๆ ห้ามพูดแล้วก็เอาขั้วไฟฟ้ามาติดตรงช่วงหน้าอก ไม่มีความเจ็บปวดจากการตรวจนี้
ผลการตรวจ ผ่าน
2. เอกซเรย์ทรวงอก ก็เช็คสภาพปอดตามปกติ วิธีการคือ หายใจเข้าและกลั้นใจอึ๊บอยู่หน้าเครื่องเอกซเรย์ ใช้เวลาตรวจสั้นกว่าตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าและนั่งรอตรวจ
ผลการตรวจ ผ่าน
3. ตรวจเลือด เดือนนี้เก็บเลือดไป 4 หลอด เพื่อตรวจหาเชื้อ HIV ไวรัสตับอักเสบ และอื่นๆ (จำไม่ได้แล้วว่าตรวจหาอะไรบ้าง) เป็นการเจาะเลือดแบบจริงจังครั้งแรก การคาเข็มไว้แล้วเปลี่ยนหลอดสุญญากาศ 4 ครั้ง สำหรับคนที่กลัวเข็มขึ้นสมองเป็นอะไรที่อธิบายได้ยาก มันจะมีจังหวะเอาหลอดออกและดันหลอดเข้า ปลายเข็มก็จะจึ๊กๆ อยู่ในแขน แต่ด้วยพลังการขอร้องที่บอกไปข้างบน จึงไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
ผลการตรวจ ผ่าน
4. ตรวจโปรตีนในปัสสาวะ 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจดูโปรตีนที่ออกมากับปัสสาวะและเช็คความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นการตรวจที่เพิ่งเคยพบเคยเห็น งงมากตอนที่เจ้าหน้าที่ยื่นแกลลอนจุ 1 ลิตรมาให้ พร้อมกำชับว่า “เก็บฉี่ใส่ในนี้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตื่นมาฉี่ทิ้งไปก่อนครั้งนึง อย่าลืมเขียนด้วยว่ากี่โมงบ้าง แล้วเอามาส่งตรงวันนัดนะ” (ในแกลลอนจะมีน้ำยาป้องกันปัสสาวะบูดด้วย กลิ่นฉุนๆ) ซึ่งเราได้ 2 แกลลอน เท่ากับต้องเก็บ 2 วัน ถ้าผู้ชายมันก็ง่ายอ่ะเนอะ เลยต้องหานวัตกรรมการเก็บกรอกเอาเอง (ละไว้ให้จินตนาการเองแล้วกัน)
ผลการตรวจ ผ่าน
5. ตรวจสภาพจิต เพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้บกพร่องทางจิต มีทัศนคติที่ดีต่อการบริจาค ไม่ได้ถูกบังคับหรือกดดัน ก่อนพบจิตแพทย์ จะมีแบบสอบถามเกี่ยวกับทัศนคติ ความเครียด ชีวิตประจำวัน และอื่นๆ ทั้งแบบตัวเลือกและเขียนตอบ พอถึงวันนัดก็เอามาส่งและเข้าพบหมอ หมอก็จะชวนคุยเรื่องชีวิตประจำวัน ความเครียด นิสัยการดื่ม (ก็ตอบแบบอ้อมแอ้ม เพราะดื่มบ้างเวลาครึ้ม) ทัศนคติเกี่ยวกับการบริจาค ซึ่งการตรวจสภาพจิตทั้งผู้รับและผู้บริจาคควรจะมาตรวจพร้อมกันและพบหมอคนเดียวกัน จะทำให้ซักถามและประเมินได้ง่ายขึ้น
ผลการตรวจ ผ่าน
การเช็คสภาพผ่านไปครึ่งทาง ยังเหลืออีกครึ่งทางที่ต้องทำให้ผลการตรวจ ผ่าน! ผ่าน! ผ่าน!
ปล. วิธีขจัดความกลัวเข็มฉีดยาของเรา คือ มองมันซะ จะได้รู้ว่ามันกำลังจะเข้าไปในแขนเราแล้วนะ เลือดกำลังจะถูกดูดขึ้นมาแล้ว พยาบาลกำลังจะเอาเข็มออกแล้วโว้ย มันให้ผลดีกว่าหลับตาแล้วจินตนาการมากๆ จริงๆก็ยังกลัวอยู่แหละแต่ไม่มากเท่าเดิม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in