ว่าจะเขียนถึงการนั่งรถไฟเที่ยวบนเกาะคิวชูมาซักพักใหญ่แล้ว ก็ไม่ได้ฤกษ์ซะที จนวันนี้พึ่งได้ฟังข่าวแบบเต็มๆ เกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่เมืองคุมาโมโตะ เมืองต้นกำเนิดหมีดำแก้มแดงสองข้าง เลยอดที่จะคิดถึงและเขียนถึง วันที่เราเคยได้ไปอยู่ในที่แห่งนั้นไม่ได้,
ในวันนั้น เรามีโอกาสขึ้นไปบนจุดขึ้นกระเช้าไปดูปากปล่องภูเขาไฟ แต่ด้วยความไม่รู้ว่า ตอนนั้นเขามีการแจ้งเตือนระดับ 1 (คือสามารถขึ้นไปได้ แต่ได้แค่ที่ฐานด้านล่างเท่านั้น และปัจจุบันคือห้ามขึ้นเลย และเขตอะโซะได้มีการประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติด้วย) เราเลยต้องนั่งรอรถบัสเที่ยวต่อไปอีกเกือบชั่วโมง ไม่รู้จะทำอะไร เลยเข้าไปซื้อของที่ระลึกตามสไตล์และก็ได้ข้าวโพดต้มมา 2 ฝัก แถมก่อนออกจากร้านมา คุณลุงกับคุณป้าคนขายใจดี แกให้ปฏิทินมา2-3อัน แกบอกแจกฟรีๆ ด้านในเป็นรูปวาดสีน้ำเมืองคุมาโมโตะและเขตอะโซะ เราก็ขอบคุณแกยกใหญ่
จากนั้น ก็มานั่งรอรถบัสพร้อมแทะข้าวโพด ฆ่าเวลากับแม่เราสองคนตรงลานจอดรถ พร้อมดูควันที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟเป็นระลอกๆ เรายังพูดกับแม่อยู่เลยว่า นี่เป็นประสบการณ์ที่สุดจะวิเศษมานั่งกินข้าวโพดร้อนๆ ในอากาศหนาวๆ พร้อมดูวิวควันภูเขาไฟ สุดยอดไปเลย!!
นอกจากเขตภูเขาไฟอะโซะ เมืองอื่นๆที่อยู่ในเกาะคิวชู ก็ล้วนเต็มไปด้วยความเป็นธรรมชาติแบบที่เราชื่นชอบ ถ้ามีใครมาถามเราว่า นอกจากเมืองสุดฮอตที่นักท่องเที่ยวชอบไปกัน มีที่ไหนน่าไปอีกในญี่ปุ่น ที่แรกๆที่เราจะแนะนำว่าให้มาเที่ยวก็คือ เกาะคิวชู เนี่ยแหละ แม้ตัวเราเองยังไปไม่ทั่วเกาะ แต่เรารู้สึกชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ
จนมาวันนี้ วันที่ธรรมชาติแปรปรวน เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวทั่วเกาะ เราเองแม้จะเป็นแค่นักท่องเที่ยวแต่ก็อดใจหายไม่ได้ ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และขอให้ทุกคนปลอดภัย
รวมถึงคุณลุงคุณป้าขอให้ทั้งคู่ปลอดภัยด้วยเถอะ.
#PrayForKumamoto #PrayForAso #ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in