เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Europe Chapter 2KanSiri
บทที่ 16 เอเธนส์ เมืองกรีกและเพื่อนเก่า
  •            ก่อนวีซ่าจะหมดผมคิดว่าผมควรไปที่ไหนซักแห่งแหละ เอาจริงๆคือการขอวีซ่าไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสุดๆ ประจวบเหมาะกับการที่ผมเรียนจบแล้ว ว่างๆถ้าใครได้ติดตามมาตั้งแต่การเดินทางยุโรปรอบก่อนของผมก็คงจะจำได้ว่าผมมีเพื่อนคนนึง มาจากกรีก ชื่อ มาริน่า ใช่แล้วครับคราวนี้แหละผมจะบินไปกรีก นอกจากจะได้เที่ยวเอเธนส์แล้ว ก็ได้เจอเพื่อนซี้ไปด้วยยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

                เดือนกันยายนในทวีปยุโรปเหมือนเป็นฤดูร้อนเข้าฤดูใบไม่ร่วงอากาศก็จะไม่ร้อนเกินไป การเดินทางโดยการบินจากเอดินบาระ ใช้เวลา 4 ชั่วโมงโดยประมาณ เมื่อมาถึงสนามบินก็ใช้รถไฟในการเดินทางเข้าเมือง จริงๆสิ่งที่ยากที่สุดในการเที่ยวกรีกก็คือการอ่านภาษากรีกนี่แหละ เพราะตัวอักษรหลายๆตัวมันก็ไม่ได้เหมือนภาษาอังกฤษไงอ่านชื่อสถานีทีไรก็งงไปหมด

                มาริน่าไม่สามารถลางานได้ จึงได้มีโอกาสเจอมาริน่าในช่วงเย็นของแต่ละวันเท่านั้น ผมพักติดสถานีรถไฟใต้ดินตามเคย ใจกลางเมืองหน่อยๆ ที่นี่การเดินทางสะดวก เที่ยวรอบๆเมืองโดยรถไฟใต้ดินกับรถรางก็ดูไม่ได้เป็นปัญหาอะไรอาหารก็ใช้ได้ ถือว่าออกแนวคล้ายๆอิตาเลี่ยน สเปนๆ น่าจะถูกปากคนไทยอยู่ไม่น้อย จะว่าไปนี่น่าจะเป็นครั้งที่ 3 แล้วแหละที่เจอมาริน่า ครั้งแรกที่โปแลนด์ ครั้งที่สองในไทยและตอนนี้คือกรีก สลับกันไปมาหาสู่

                ส่วนที่เที่ยวหลักๆผมไปที่วิหาร Parthenon ราคาค่าเข้าก็จะประมาณ 18-30 ยูโร ถ้าซื้อตั๋วที่รวมเข้าเที่ยวที่อื่นด้วยก็จะราคา 30 ยูโร นั่นแหละ เข้าไปในเว็บไซต์หลักได้เลย ตั๋วรวมก็จะรวมค่าเข้าวิหาร AcropolisSlopes, Ancient Agora, Handrian’s Library, Kerameikos, Aristotle’s School, Olympieion และ Roman Agora ถ้ามีเวลา 3วันขึ้นไปก็น่าจะเก็บครบหมดทุกที่เพราะแต่ละที่บางทีก็ไม่ไกลกันมาก บวกกับใช้รถไฟเดินทางถือว่าสะดวกมากๆ วิหาร Parthenon หรือที่เรียก Acropolis นี่ควรจองไม่ช่วงเช้าก็ช่วงเย็นๆเลยแสงจะดีมาก

                ตกเย็นๆก็สามารถขึ้นเนินเขาไปอีกฝั่งของวิหารได้ ก็จะเจอวิวของวิหารสวยๆ ยิ่งมาตอนไฟเปิดช่วงเย็นๆด้วยแล้วนี่แบบสุดยอดมากๆ ให้ฟีลแบบการ์ตูนเฮอร์คิวลิส

                ผมใช้เวลาพูดคุยเยอะมากและเที่ยวเล็กน้อยขณะที่อยู่กับมาริน่าการไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามา 4-5 ปีเป็นอะไรที่ดีใจอยู่ไม่น้อยนอก จากนี้ยังมีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณยายจากสวิสเซอร์แลนด์ อายุยายเยอะ 70 ได้ แต่ก็ยังเที่ยวไม่หยุด ยายบอกว่า ยายต้องเที่ยวทุกปีนะใกล้ไกลต้องไปให้ได้ ถือว่าเป็นการเปิดโลกเรื่อยๆมีบทสนทนาหลายอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่า ชาวสวิสถูกปลูกฝังมาให้วางแผนพักร้อนพักผ่อนทุกปีให้ได้ แม้จะแก่แล้วก็ตามแต่การเรียนรู้มันทำได้ตลอดชีวิตไง บวกกับประเทศสวิสน่าจะเป็นประเทศที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษาพยาบาลและตอนเกษียณการประหยัดเพื่อสิ่งเหล่านี้มันเลยดูไม่ค่อยจำเป็นมากเท่าไหร่เอาเงินมาเที่ยวดีกว่าเนอะ

                วันที่สามผมได้มีโอกาสเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆกับวิหารชื่อ Acropolis Museum แน่นอนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าประมาณ 10-15 ยูโร (ยังไงก็ลองเช็คกับเว็บไซต์อีกทีนะ) แนะนำเลยว่าถ้ารักประวัติศาสตร์ ต้องเข้านะ ต่อให้ไม่รักก็ถือว่าคุ้มสำหรับการเข้าชมอยู่ดี เข้าไปเราจะได้เห็นรูปปั้นสิ่งก่อสร้างต่างๆ บางอันเป็นตัวจริงที่เขาย้ายเข้ามาเก็บรักษาไว้อันเนื่องมาจากของจริงที่ตากแดดตากฝนนั้นแทบจะร่อยหรอไปหมดแล้วตามกาลเวลา ประวัติศาสตร์โลกที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กยุคกรีก มันเหมือนมากองอยู่ตรงหน้าเราแบบบางอันมีมาก่อนปีคริสต์ศักราชด้วยซ้ำ เก่ากว่ากรุงศรี กรุงสุโขทัยไปอีก

                การเดินทางที่นี่สบายมีตั๋ววันสำหรับรถไฟใต้ดิน รถราง การเดินเท้าก็ไม่แย่ ย่านของกินก็เยอะ อาหารก็ใช้ได้อากาศไม่ร้อนเกินไป (แต่ก็ร้อนแหละ ฮ่าๆ) ราคาก็ไม่แพงมากเที่ยวกับยุโรปตะวันตกถือว่าเป็นอีกหนึ่งทริปที่น่าประทับใจและคิดว่าน่าจะมีโอกาศได้กลับมาอีก

                สุดท้ายงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราหลังจบทริปเอเธนส์จึงได้มุ่งหน้าต่อไปยัง บูดาเปสท์ (Budapest) เมืองหลวงของฮังการีเป็นการเก็บตกเมืองที่อยากเที่ยวตั้งแต่คราวก่อนที่มายุโรปแล้ว
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in