เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Europe Chapter 2KanSiri
บทที่ 14 ฝรั่งเศสรอบที่สอง
  •            อันที่จริงไม่ใช่คนอินฝรั่งเศสและไม่คิดด้วยว่าจะได้มาที่นี่รอบที่ 2 แต่ก็นะ เนื่องจากสมัครวีซ่าที่สถานทูตฝรั่งเศสไว้เลยจำใจที่จะต้องมาที่ปารีส หลังจากที่มาถึงสถานีรถไฟ King’s Cross เราก็มุ่งหน้าตรงผ่านตรวจคนเข้าเมืองไปที่สถานี การเดินทางใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงโดยประมาณรถไฟจากที่ลอนดอนไปปารีส ก็คือวิ่งลอดอุโมงค์ใต้ทะเล วิวก็จะมืดๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

                การมาถึงสถานีรถไฟที่ปารีสครั้งที่ 2 ในรอบ 7 ปีเป็นอะไรที่ตื่นเต้นไม่น้อยกลิ่น ความรู้สึก มันกลับคืนมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนผมไหมแต่ผมรู้สึกว่า “กลิ่น” ของยุโรป มันไม่เหมือนกับกลิ่นที่ UK เลย กลิ่นของสภาพแวดล้อม อากาศ ไม่นับรวมกลิ่นตุๆจากถังขยะนะ ฮ่าๆ

                                                                    (แม่น้ำ Rhone ในลียง)

                จะว่าไปก่อนมาผมติดต่อกับเพื่อนที่อาศัยในปารีสไว้ ชื่อมาร์โก้เป็นคนเปรูแต่ย้ายมาอยู่ปารีสได้หลายปีดีดักละ ผมรู้จักมาโก้ที่ประเทศไทยตอนแอบทำทัวร์ฟรีฝึกภาษาให้กับคนต่างชาติที่มาเที่ยวกรุงเทพ ผมมาถึงปารีสประมาณ 4 ทุ่มกว่าจะได้เจอมาร์โก้ก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มการนัดเจอกันในรอบ 5 ปี มันก็เป็นอะไรที่ปริ่มใจไม่น้อยความรู้สึกที่ว่า คนเรามาจากคนละมุมโลก เจอกันครั้งนึงก็ถือว่ามหัศจรรย์แล้วแต่การมาเจอรอบที่ 2 ในสถานที่ประเทศที่ต่างกันมันเป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยว่าไหม

                การมาเยือนปารีสของผมไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากรอการเดินทางไปลียงในวันถัดไป ผมคุยกินเคบับกับมาร์โก้กันระยะสั้นๆตามปะสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานและลาจากกันด้วยการที่เราคงจะได้เจอกันอีกไม่เร็วก็ช้า สก๊อตแลนด์ ฝรั่งเศสใกล้กันแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอ๊งงงงง ถามเงินในกระเป๋ากูด้วยสู

                วันต่อมาผมตื่นเช้าเตรียมตัวขึ้นรถไฟไปลียงถือว่าเป็นเมืองที่ 2 ในฝรั่งเศสที่ผมมีโอกาสไปเที่ยวการเดินทางก็ 2-3 ชั่วโมงบนรถไฟตามเคย แต่ก็สนุกดีนะโดยเฉพาะการดูวิวข้างทางที่แปลกใหม่ ผมเดินทางมาถึงลียงราวๆบ่ายโมงแก่ๆ ลียงมีระบบรถราง Tram สามารถซื้อตั๋วรายวันได้ ถือว่าคุ้มมากจำไม่ได้ว่ากี่ยูโร ราวๆ สิบกว่ายูโรแหละแนะนำว่าถ้าจะเที่ยวที่นี่ก็ควรหาที่พักใกล้ๆสถานีหลักน่าจะสะดวกสุด

                อันที่จริงผมมีเพื่อนที่มาจากลียงนะชื่อแบพทิสที่ผมเคยทำงานด้วยที่ประเทศไทยและมีโอกาสเจออีกรอบที่ปราก แต่มาครั้งนี้ผมพยายามติดต่อเพื่อนคนนี้แล้ว แต่ดูทรงไม่มีวี่แววการตอบกลับแต่อย่างใดแต่เอาเถอะ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

                ผมใช้เวลาที่เหลือน้อยนิดในการไปเยือนที่เที่ยว 2 ที่ ได้แก่ โบสถ์ Basilica of Norte Dame of Fourviere เป็นโบสถ์สีขาวตั้งตระหง่าอยู่บนเทือกเขามองเห็นได้จากริมแม่น้ำ และ เหมือนเป็นเวทีเก่าสมัยโรมันชื่อว่า Aqueduc du Gier

                การเที่ยวของผมก็คือการเดินกินลมชมวิวนั่นแหละ ถ่ายรูปกินบรรยากาศก็ถือว่าเป็นเมืองที่น่ารักดี แต่เนื่องจากผมไม่ได้อินความฝรั่งเศสเท่าไหร่ ผมเลยไม่ได้โฟกัสกับอะไรมากนักนอกจากการผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ส่วนคำแนะนำก็ มีโอกาสก็มาก็ได้ครับ อ่ออีกอย่างคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้กันนะเออ แต่ก็ใช้ภาษามือผสมไปก็พอช่วยได้

                วันถัดไปช่วงเที่ยงผมทำการเช็คเอ้าท์และตรงไปยังสถานีรถไฟเพื่อไปเมืองบาร์เซโลน่า สเปนความจริงมันก็ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้นนะ ผมก็ไปรอขึ้นรถไฟ นั่งรถไฟตามปกติตัวผมนั่งติดทางเดิน ในขณะที่รอรถออกก็มีตาลุงแก่ๆมานั่งริมทางเดินฝั่งตรงข้าม ท่าทางเงอะๆงะๆ ก็ทำให้เราต้องแอบสังเกตพฤติกรรมแกเป็นครั้งคราวละนะ จนกระทั่ง คุณลุงที่นั่นเปิดปากมาทางผม

                ลุง: Bonjour

                ผมเลิกลั่กคิดในใจ คุยกะกูหรอ

                คุณลุงทักอีกครั้ง ผมเลื่อนสายตาหันไปมองที่ลุง สายตาถามว่า คุยกะกูหรอ?’ วินาทีนั้น คุณลุงยิ้มให้ เอ่อออ กูแน่ๆ’

                Me: “Hello” บวกยิ้มเจือนๆตามมารยาท

                หลังจากยิ้มเจือนๆกลับตาลุงแม่งทำการรัวภาษาฝรั่งเศสใส่กูเลยเฮ้ย Hello กูไม่ได้ Bonjour กลับนะเว้ย ลักษณะแบบเหมือนชวนคุย แต่ๆๆ กูไม่เข้าใจโว้ยยยยยย หน้าเจือนๆพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจแต่กูไม่เข้าใจ จนได้จังหวะกูก็สวนไปเลยว่า “Sorry, but I can’t understand” พร้อมทำหน้าสำนึกผิดเบาๆ ความผิดกูหรอวะเอาจริง เอ้อออ

                อีตาลุงนั่น “Ok Ok” พร้อมว่าวฝรั่งเศสใส่กูแทบตลอดทางหลอกด่ารึเปล่าก็ไม่รู้ แต่แบบคุยกะกูแบบนี้ หน้ากูเหมือนคนพูดฝรั่งเศสมากมั้งโอ้ยยยย WTF กูจะดูวิว

                สุดท้ายก็มาถึงบาร์เซโลน่าโดยสวัสดิภาพพร้อมกับคำถามที่ว่าหน้ากูเหมือนคนพูดฝรั่งเศสหรอวะ? เออออ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in