เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOU / MELIPDA
DAY 2 (afternoon) : TRUST
  •           ผมไม่แน่ใจว่าเราเดินมาไกลเท่าไหร่ ตลอดทางผมได้แต่มองไปข้างหน้า มืออีกข้างที่จับแขนของแปงอยู่สั่นเครือเล็กน้อย ผมได้แต่ภาวนาขอให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว แต่คนมีไหวพริบอย่างแปงน่าจะดูออกแน่ๆ
              ผมไม่รู้ตัวเองคิดอะไรอยู่ตอนที่เดินเข้าไปหามัน หรือแม้แต่ตอนที่ดึงแขนมันออกมาจนถึงตอนนี้ ผมสับสนไปหมด แต่เท้าของผมมันเดินไปเองไม่ยอมหยุด
              “...เวฟ?”
             ผมได้ยินเสียงอีกฝ่ายเรียกแต่ผมไม่หันกลับไปมองหรอก 

              ...มันกลัว
              เพราะตอนนั้นมันร้องไห้

            กุก็แค่อยากคุยกับมึงอะ กุผิดมากเหรอว่ะ?

            ไม่... มันไม่ผิดเลยแปง
            ไม่สิ ทำไมผมต้องแคร์ด้วย ทุกคนมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เข้าหากันเพราะผลประโยชน์และสุดท้ายก็หักหลังกันเมื่ออีกฝ่ายหมดประโยชน์แล้ว
             ถ้าผมปล่อยให้มันเข้ามา...เหมือนตอนนั้น เหมือนครูนารา มันไม่ต่างอะไรกันหรอก ไม่มีใครเชื่อหรือหวังดีกับผมอย่างแท้จริง
             แม้แต่ตอนนั้น...
             ท่ามกลางโลกอันโดดเดี่ยวนั่น การได้พบกับเธอ ทำไมผมรู้สึกถึงชีวิตอีกครั้ง ได้รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ไหลเข้ามาเติมเต็มหัวใจ แล้วคิดว่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนมันไม่สำคัญเลยเท่ากับการมีเธออยู่เคียงข้าง ผมคิดแค่นั้นจริงๆ ...ขอแค่ใครสักคนที่อยู่ตรงนั้นเวลาผมร้องไห้หรือหัวเราะ ทุกข์ใจหรือดีใจ พูดคุยกันด้วยบทสนทนาโง่ๆไม่สำคัญ ผมขอแค่นั้น

             ความจริงเป็นยังไง คนที่รู้ดีที่สุด...ก็คือเธอนะ

             ผมบีบมืออีกฝ่ายแน่น 
             มันไม่ใช่ความโกรธที่ถูกหักหลัง แต่เพราะที่ผ่านมามันไม่จริงต่างหาก
             ทำไมกันล่ะ ...ทั้งที่ผมรักเธอแท้ๆ....ทั้งที่ความรู้สึกนี้มันเป็นของจริง
             ที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอ? ที่ยิ้มให้กับผม ที่หัวเราะแล้วยี่หัวผมเล่นอย่างเอ็นดู ที่ชมว่าเก่ง ที่บอกว่าเชื่อผม...โกหกทั้งหมดงั้นเหรอ

              ....ก็ใช่ไง ที่ผ่านมามันโกหก คนอื่นๆก็เหมือนกัน แปงก็เหมือนกัน เสแสร้งไม่จริงใจ ที่มาคุยกับผมก็เพื่อหวังอะไรบางอย่างนั่นแหละ...และสุดท้ายก็จะทิ้งผมให้กลับไปจมกับความผิดหวังและโดดเดี่ยวอีกครั้ง
              ...แต่ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงยังจับแขนมันไว้อยู่
              ทั้งที่กลัวการถูกหักหลังมากกว่าสิ่งอื่นใด
              แต่ทำไม...ทำไมตอนนี้ผมถึงกลัวว่าถ้าปล่อยมือข้างนี้แล้ว อีกฝ่ายจะหายไปตลอดกาล...

    01.

              “เวฟ...?”
             ผมส่งเสียงเรียก แต่อีกฝ่ายไม่หันกลับมา
             ผมไม่รู้ว่าเวฟคิดอะไรอยู่กันแน่ มันยากที่เดาใจคนที่ปิดกลั้นตัวเองจากคนรอบข้างอย่างเวฟ ผมไม่แน่ใจว่าเราอยู่ที่ไหนแล้ว แต่ตอนนี้รอบข้างมีแต่พื้นป่าที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าวสูงใหญ่บดบังแสงแดด มองเห็นทะเลสวยอยู่ร่ำไร
             แล้วอยู่ๆเวฟก็หยุดอย่างไม่ทราบสาเหตุ ตรงหน้าเราคือธารน้ำที่เต็มไปด้วยกลุ่มโขนหินขนาดใหญ่ ได้ยินเสียงน้ำใสไหล่ผ่านลำธารเล็กๆ เวฟยังคงหันหลังให้ผม อีกฝ่ายบีบข้อมือผมแน่น ผมรู้สึกว่ามือข้างนั้นสั่นไหวเล็กน้อย
             “...กุ” เวฟกระซิบเสียงแผ่วจนลำธารแทบจะกลบเสียงนั้นให้หายไป
            “เวฟ...มึงเป็นไร? มีอะไรรึเปล่า?”
             “…”
             “มีอะไรก็มึงก็พูดกับกุได้นะ..”
             “อา...แม่ง ให้เวลาแบบนี้”
              “?”
              เวฟหันหน้ามาหาผม ส่งสายตาจับจ้องจนเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย และผมพึ่งสังเกตเห็นว่าเวฟไม่ได้ใส่แว่น
             “เชี่ยแม่ง...โอ้ยยยยยยย” เวฟสบถพร้อมกับหัวมือทั้งสองข้างเกาหัวจนยุ่งเหยิงเหมือนคนคิดไม่ตก ผมเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นปฏิกิริยาท่าทางแบบนี้ของเวฟมาก่อน
             ไม่เคยเห็นเวฟที่ทำสีหน้ายุ่งเหยิงเหมือนทรงผมตอนนี้ที่กระเซอะกระเซิง หรือเวฟที่กรอกสายตาลังเลเหมือนว้าวุ่นใจ หรือเวฟที่เม้มปากแล้วส่งเสียงจี่จ๊ะ หรือเวฟที่ช้อนตามองผม แต่พอผมสบตาก็เหลือบหนี
              “โอ้ยแม่ง...กุ...ขอโทษ”
              “…”
             ผมยืนนิ่ง ว่ายังไงดี แบบ...
             พอผมไม่ตอบกลับ เวฟก็ทำท่าหงุดหงิด ถอนหายใจก่อนจะตะโกนใส่หน้าผม
            “กุบอกขอโทษไม่ได้ยินออ?! ขานรับดิว่ะ!”
            “ครับ!”
            ผมรีบตอบกลับอย่างร้อนรน คือจะว่าไงดี เรื่องแบบนี้มันเกินกว่าที่คิดไว้จนผมตั้งตัวไม่ทัน วสุธรคนนั้นบอกขอโทษผม?
           “แค่จะขอโทษ ทำไมต้องพามาตั้งไกลด้วยว่ะ”
           “...อยู่ตรงนั้นคนอื่นก็ได้ยินหมดดิว่ะ”
           “นี่มึงเขินออ?”
           "ตลกแหละมึง”
           เวฟเบือนหน้าหนีผมไปมองลำธาร ผมคิดไปเองรึเปล่าว่าใบหูของอีกฝ่ายเหมือนแดงระเรือขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
          แสงอาทิตย์แอบสาดลอดผ่านใบไม้เกิดเป็นจุดแสงสะท้อนที่วิบวับสั่นไหววูบวาบไปตามร่างเล็กๆของเวฟ
           “ก็กุขอโทษมึงคนเดียว... ก็ต้องมีแค่มึงที่ได้ยินดิ”
           จบประโยคนั้น ผมก็เผลอยิ้มออกมาจนได้
    02.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
aasai_ (@aasai_)
#เวฟคนซึนน
duenjdpkt26848 (@duenjdpkt26848)
เวฟฟฟ เธอช่างน่าร้ากก
fromtheptothe (@fromtheptothe)
แงงง ชอบประโยคสุดท้ายมากกก มันเวฟมาก เขินสุดๆ
babyswilliam (@babyswilliam)
เวฟฟฟ น่ารักมากเลยหนูรูกก
mintoey (@mintoey)
ฮืออออออออออออออ น่ารัก น่ารักมากมากมากมาก คือเวฟแบบโคตรสับสนใช่ป่ะ อยากจะไว้ใจแปง แต่ก็กลัวว่าแปงจะเหมือนคนอืนๆ ฮือ แปงงงงงงงงงงงง ห้ามทำเวฟผิดหวังนะ!!!!!!!!!!
Kanyaphud Saelai (@fb2204100489872)
รอๆๆๆๆๆค่าสนุก
Charinrat Sugchada (@fb2057903407604)
ฮืออ เราลองล็อกอินมามั่วๆ เพราะอยากเม้นให้ เราชอบเรื่องนี้มากเลย มาให้กำลังใจนะคะ ชอบบบบบบมากกก รีเฟรชรออ่านตลอดเลยงือออ
ฉากที่เวฟขอโทษคือเราได้ตายไปแล้วค่ะ โอ๊ยย ต้องสำคัญในใจขนาดไหนอ่ะถึงยอมขอโทษ แงงง้ ใจเราาา บางหมดแล้ว ;_______;
duckycattt_ (@duckycattt_)
ฮือออ เจ้าเวฟฟฟ เจ้าคนซึนนน ลึกๆคือสงสารเวฟแต่ก็มีความหมั่นเขี้ยวนิดๆอะค่ะ น่าเอ็นดูววว อยากจะตะโกนว่าน้องให้ก้องป่า ฝากแปงจัดการคนปากแข็งทีนะคะ
เป็นกำลังใจให้ไรท์นะคะ รอติดตามตอนต่อๆไปค่ะ