ผมแอบภูมิใจที่ตัวเองจัดการเสื้อผ้าเสร็จก่อนที่เวฟจะออกจากห้องน้ำ เจ้าตัวออกมาพร้อมชุดนอนที่ไม่เหมือนชุดนอน เสื้อคอปกหนาและกางเกงขาสั้นที่ดูไม่เข้ากัน บ่ามีผ้าเช็คตัวผืนสั้นพาดอยู่ เวฟมองเสื้อผ้าที่ถูกแยกเสร็จเรียบร้อยของผมก่อนจะพูดเบาๆว่า “ก็ทำได้หนิ” ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะคอมพิวเตอร์
“มึงไม่นอนเหรอ?” ผมถาม
“พึ่งสองทุ่ม จะรีบไปไหน?”
“ก็นึกว่ามึงเป็นพวกนอนเร็ว แบบ...เด็กห้องหนึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น”
“กุเป็นส่วนน้อยมั่ง”
เวฟนั่งพิมพ์อะไรต๊อกแต๊กบนแป้นคีย์บอร์ด ส่วนผมก็กำลังเกาคางเจ้าแมวน้อย มันเชิดหน้าขึ้นเพื่อรับสัมผัสและส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างพึ่งพอใจ
“ปกติกุก็นอนดึกนะ เล่นเกมเพลินตลอด” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดเรื่องนี้ออกไป มันค่อนข้างไร้สาระ ผมรู้ดี แต่ผมแค่อยากบอกเขา
“ก็สมเป็นมึงดี” เวฟตอบเสียงเรียบ
“แล้ว...ปกติมึงนอนดึกมากไหม?” ผมยังคงถามอีก
“ก็ไม่นะ แล้วแต่วัน”
“อ้อ”
ผมนิ่งไปสักพัก ในใจมีความกระหายคำตอบอย่างประหลาดใจ อยากรู้เรื่องของอีกฝ่ายมากกว่านี้ อยากรู้ทุกๆเรื่องของเวฟ...
“เฮ้ย! ทำอะไร?” เวฟสะดุ้งเมื่ออยู่ๆผมก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขาจากด้านหลัง ผมเกยคางที่ไหล่ของอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนเวฟนั่งเกร็ง เขาเหลือบมาแค่สายตาแต่ไม่ได้ขยับใบหน้า
จริงๆก็แอบเขินอยู่นิดๆแฮะ
“นี่มึงทำอะไรอยู่อะ?” ผมใช้เวลาในการพิจารณาตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเวฟ พยายามทำความเข้าใจมันแต่ก็ล้มเหลว
“นี่แค่เขียนโปรแกรมง่ายๆเอง” เวฟตอบ
“แต่กุไม่เข้าใจเลยอะ”
“ไม่แปลกปะ? ...แต่มึงไม่เห็นต้องสนใจเลย จะอยากรู้ไปทำไม? รู้ไปคนอย่างมึงก็ไม่ได้ใช้”
“ก็...แค่คิดว่าถ้าเข้าใจสิ่งที่มึงชอบ ..ก็อาจทำให้เข้าใจมึงมากขึ้น..มั่ง” ผมลงเสียงแผ่วตอนท้ายเพราะแอบกลัวที่จะพูด มันคงฟังดูแปลกๆสำหรับเวฟ
และแล้วอยู่ๆก็เกิดเดดแอร์ระดับมหาศาลภายในห้อง ลูกแมวที่เคยร้องเสียงแหลมหลับใหลอย่างเหมาะเจาะ ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างเราคนสองหนักหน่วงอย่างประหลาด มันเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ เสียงนาฬิกาเข็มเดิน เสียงลมหายใจของอีกฝ่าย หรือแม้กระทั่งเสียงหัวใจเต้น
ภายในห้องเงียบมากเกินไป แต่หัวใจผมกลับส่งเสียงดังโครมครามไม่หยุด แปงยังคงเกยคางที่ไหล่ของผมและลมหายใจของเขาก็กระทบที่ใบหู ผมไม่ชอบ แต่ร่างกายไม่ยอมขยับ
“มึง...รู้ปะ?” แปงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบทั้งหมดลง
“..อะไร?” ผมตอบเสียงสั่น
“เมื่อคืน...ในเต็นท์ ที่มึงจูบกุ กุตื่นอยู่นะ”
ชิบหาย
ไม่มีอะไรบรรยายความรู้สึกของผมได้ไปมากกว่าคำๆนี้อีกแล้ว ผมเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเขาจะรู้ ไม่สิ…ต่อให้รู้ก็ตาม ผมก็ภาวนาว่าเขาจะไม่พูดหรือทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลืมๆมันไปซะ เหมือนความฝัน พอตื่นขึ้นมาก็จะลืมมันไปเอง อะไรแบบนั้น
“แล้ว..?” เสียงของผมสั่นเครือยิ่งกว่าตอนแรก ความกลัวกัดกินผม ผมไม่ได้กลัวที่จะถูกปฏิเสธแต่กลัวที่จะถูกอีกฝ่ายเกลียดมากกว่า การกระทำของผมมันข้ามเส้นเกินไป
“มึง..จูบกุทำไม?” คราวนี้เป็นเสียงแปงที่สั่น เขาเปลี่ยนจากการเกยไหล่ผมเป็นการหมุนเก้าอี้คอมฯที่ผมนั่งอยู่มาประจันหน้ากับเขา แววตาของแปงจ้องมองลึกลงไปจนผมรู้สึกเหมือนร่างกายเปลือยเปล่า ผมหลบตา ไม่กล้าหาญพอจะสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น
“กุ..”
ผมกลัว
“กุ...แค่”
ช่วยด้วย...ผมไม่อยากพูดเลย
“กุ...ชอบ...”
“ชอบ?”
จะย้ำทำไมว่ะ?
“..มึง”
“ฮะ?”
“..ชอบมึง”
ความเงียบที่ถูกขโมยไปกลับคืนมาอีกครั้ง ใบหน้าของผมร้อนเสียจนน่ากลัวว่าจะเป็นไข้ แล้วหัวใจเต้นรุนแรงเหมือนคนวิ่งมาราธอน ทำไมผมต้องมาพูดอะไรแบบนี้ด้วยนะ
แปงเอาหน้าเข้ามาใกล้ ผมได้แต่หลับตาแน่น ไม่อาจสบตาเขาได้อีก ลมหายใจของแปงลูบไล้แก้มซ้าย ได้ยินเสียงกระซิบของอีกฝ่ายแผ่วเบา
“กุก็ชอบมึง”
แปงพูดจบก็ส่งเสียงหัวเราะ ผมตีแขนอีกฝ่าย แปงร้องเจ็บแต่ก็ยังยิ้มอยู่ดี
เกลียดจริงๆเลย...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in