เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOU / MELIPDA
DAY 4(morning) : VOICE
  •            วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการมาค่าย อากาศค่อนข้างเย็นสบาย แต่เหมือนท้องฟ้าส่งสัญญาณว่าจะมีเมฆฝนอยู่ไม่ไกล ผมหลบอยู่ในเต็นท์เพื่อให้นมลูกแมว ตอนนี้ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยได้แค่เรียกมันว่า”เจ้าเหมียว” ไม่ก็ “ไอ้หนู” ไม่ก็ “ตัวเล็ก”
               ผมรู้สึกเลื่อนลอยและไม่อยากกลับเลย
              หลายวันที่ผ่านมายาวนานเหลือเกิน ทั้งเรื่องที่ได้คุยกับแปง ทะเลาะกันหรือแม้แต่ตอนที่เจอกับเจ้าตัวเล็ก ยาวนานเสียจนเหมือนความฝัน ผมนั่งคิดว่าถ้ากลับไปถึงโรงเรียน เราจะยังเหมือนเดิมไหม ...หมายถึงคุยกันดีๆกันเหมือนหลายวันที่ผ่านมา
              ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้กล้าเปิดใจให้อีกฝ่ายขนาดนั้น มันเป็นสิ่งที่เหมือนสัญชาตญาณมากกว่าเหตุผล อาจเป็นเพราะผมมันขาดสติก็ได้
             หรือไม่ผมก็แค่กลัวการอยู่คนเดียว
             แต่ที่ผ่านมาก็อยู่คนเดียวได้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ผมถึง...รู้สึกโหยหามากขนาดนี้กันนะ
             “เหมียว”
             “หือ?”
             เจ้าแมวน้อยเดินเข้ามาคลอเคลียเหมือนอยากให้ผมเล่นด้วย ผมลูบหัวมัน เด็กน้อยหลับตาพริ้ม
             “เวฟ?”
             พอได้ยินเสียงแปงเรียกจากด้านนอก ผมจึงเปิดเต็นท์ออกไป อีกฝ่ายมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกที
             “..ไง” แปงทัก
            “มีไร?”
            “เปล่า แค่อยากคุยด้วย...ได้ปะ?”
            ผมนิ่งไปสักพักหนึ่ง จะให้พูดได้ยังไงว่าผมก็อยากคุยกับเขา พอคิดว่าถ้ากลับไปโรงเรียนแล้วอาจจะไม่มีโอกาสได้คุยกันอีก หัวใจก็รู้สึกโหวงเหวงอย่างประหลาด
            “กุเข้าไปได้ไหม?”
            ผมไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่กันแน่
            “…ก็เข้ามาดิ”

    01.

             บรรยากาศในเต็นท์ค่อนข้างอึดอัด ทั้งผมทั้งแปงเราต่างไม่พูดอะไรกันเลย ผมรู้สึกแปลกใจเพราะปกติมักจะเป็นแปงที่คอยชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ตอนนี้เหมือนพวกเราต่างก็อับจนคำพูดทั้งคู่ ผมรู้สึกเกร็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจสูบฉีดเต้นแรงอย่างไร้เหตุผลจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน
            “เออ...แมวเป็นไงบ้าง” แปงเริ่มเป็นฝ่ายพูดก่อนทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น
            “..ก็ดี”

           เชี่ย ตอบสั้นไปปะว่ะ?

           เพราะคำตอบแบบห้วนๆของผม ทำให้บทสนทนาไม่เดินไปข้างหน้า ผมรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างหรือพูดอะไรก็ได้เพื่อขับเคลื่อนบทสนทนาระหว่างเราสองคน
          “แล้วมึงทำไมมาอยู่นี่ว่ะ ไม่หยุดกับพวกนั้นออ?”
          “หมายถึงโอมกับน้ำตาลอะนะ”
          “อืม”
          “พวกนั้นก็...ไปเดินเล่นตามภาษาแหละ”
          “อ้อ...”

          อา...อยากตอบมากกว่าแค่อืมกับอ้อจัง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

          ผมว้าวุ่นใจและไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไง ผมได้แต่เหลือบตาไปมองเจ้าแมวที่นอนเกลือกกลิ้งถูไถไปตามพื้นผ้าถูที่นอนของผมเหมือนแก้เก้อ แล้วไม่รู้ทำไมผมต้องแก้เก้อด้วย
         “วันนี้มึงแปลกๆนะ พูดน้อยดี” ผมบอก
         “แล้ว...มันดีหรือไม่ดีอะ”
         “ก็ดี...”
         “มึงรำคาญออ? เวลากุพูดเยอะๆอะ” 
         แปงถามในเรื่องที่ผมไม่รู้จะต้องยังไงดี
         ทำไมแค่พูดว่าไม่รำคาญมันถึงยากขนาดนี้ ทำไมแค่บอกความรู้สึกในใจถึงได้ยากเย็นหนัก
        
         แค่บอกว่าชอบเสียงของแปง
         ชอบเวลาที่แปงพูด
         ชอบ...


         “ชอบ...”
          “?”
         “ชอบ...ให้มึงอยู่เงียบๆนั่นแหละดีแล้ว”

         พูดอะไรออกไปเนี่ย

         “อืม...” แปงตอบเสียงอ่อน

          ใจไม่ดีเลย

         แปงทำหน้าง่อยเหมือนสุนัขที่ถูกเจ้าของทิ้ง มันทำให้ผมไปไม่ถูก ผมคิดถึงตอนที่มันร้องไห้วันนั้น แปลกที่ในส่วนลึกของใจหวาดกลัวกับการเห็นอีกฝ่ายเจ็บป่วย
         ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนแท้ๆ ทั้งที่คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างมันแท้ๆ
         “แต่..กุก็..ไม่ได้เกลียดนะ”
          แปงเงยหน้าขึ้นจ้องมองผม ดวงตาเป็นประกาย เราสบตาอยู่นาน แต่ผมก็เป็นฝ่ายหลบตาก่อนอีกแล้ว
          ผมกลัว...
          ถ้าขืนจ้องมองกว่านี้ เขามองออกแน่ๆ...

    02.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
aasai_ (@aasai_)
น่ารักกกก
duenjdpkt26848 (@duenjdpkt26848)
น้องอายยย
mook_kanokwan07 (@mook_kanokwan07)
หนูเวฟฟฟ อ่อนไหวมากลูก น่าถนุถนอมสุดๆ โอ๊ยยยดูแลดีๆนะแปง
mintoey (@mintoey)
นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของเวฟสินะ เวฟคนเหงาของแมะ แปงไม่ทิ้งหนูไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวนะ มาหอมหัวทีลู้ก ทำไงดี แมะอยากให้น้องแปงรู้ว่าน้องเวฟเป็นกังวลมากขนาดนี้!!!!