รีวิวเว้ย (1842) ถ้าใครเคยเห็นมีมที่ชื่อว่า "The Difference within Medieval Southeast Asian History" ที่เป็นรูปประเทศสมาชิกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แบ่งเป็น Mainland Southeast Asian กับ Maritime Southeast Asian ที่บ่งบอกอย่างชัดเจนระหว่างความสัมพันธ์ของประเทศในกลุ่มภาคพื้นทวีปกับภาคพื้นสมุทรที่มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันในแบบที่ไม่น่าจะรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนได้ ซึ่งภาพมีมดังกล่าวดันสะท้อนเรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริงของประเทศในภูมิภาคทั้งในอดีตและในปัจจุบัน

หนังสือ : มองเขมรแลสยาม
โดย : ศานติ ภักดีคำ
จำนวน : 320 หน้า
.
"มองเขมรแลสยาม" หนังสือที่นำเสนอมุมมองทางประวัติศาสตร์ต่อความสัมพันธ์ไทย-เขมร ผ่านหลักฐานทางประวัติศาสตร์จากหลากมิติหลายภาษา โดยเฉพาะมีการใช้หลักฐานในภาษาเขมรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาและนำเสนอมุมมองทางประวัติศาสตร์ใน "มองเขมรแลสยาม" ด้วย ทำให้การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในหนังสือ ถูกมองจากหลากหลายมุมมอง จากหลากหลายแหล่งเอกสารที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่าง ๆ โดยที่เนื้อหาของ "มองเขมรแลสยาม" แบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 11 หัวข้อดังต่อไปนี้
.
1 บทนำ: สายสัมพันธ์วัฒนธรรมไทย-กัมพูชาในมิติประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่หลากหลาย
.
2 “สิริวรราชธิดา” พระองค์อี พระองค์เภา จากพระราชบุตรีกษัตริย์กัมพูชา สู่พระสนมในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
.
3 ความสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนาระหว่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับกรุงกัมพูชา
.
4 ไตรภูมิไทย-เขมร: ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์พระพุทธศาสนาไทย-กัมพูชา
.
5 ผนวช “กษัตริย์กัมพูชา” สมัยรัชกาลที่ 4: พระพุทธศาสนากับการเมือง 2 ราชสำนักสยาม-กัมพูชา
.
6 สมณสาส์นการเมืองกัมพูชา-สยาม-ฝรั่งเศสของพระอมราภิรักขิต (เกิด) ถึงสมเด็จพระสุคนธาธิบดี (ปาน) พระสังฆราชกัมพูชา
.
7 ภูมิสถานนามหัวเมือง “เขมร” สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นใน "คำฉันท์สมโภชพระบรมมหาเศวตฉัตรบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท"
.
8 พงศาวดารเขมร ฉบับพระยาราชเสนา (เดช): ประวัติศาสตร์บอกเล่าของข้าหลวงไทยสมัยรัชกาลที่ 4
.
9 พระเสด็จกอน: จาก “กบฏผู้ชิงราชย์” สู่ “วีรกษัตริย์นักปฏิวัติ”
.
10 ออกญาสวรรคโลก (เมือง): จาก “แม่ทัพ” ต่อต้านสยาม สู่ “เทพารักษ์นักตา” ประจำเมืองโพธิสัตว์
.
11 พรมแดน “ไทย” ในทัศนะ “เขมร”
.
โดยเฉพาะเนื้อหาในเรื่องของ "พรมแดน “ไทย” ในทัศนะ “เขมร”" ถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยและเข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังดำเนินไประหว่างไทยและกัมพูชา เนื่องด้วยผู้เขียนได้ศึกษาปัญหาเรื่องของเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านเอกสารทางวิชาการที่เขียนขึ้นโดยกัมพูชาในปี 2553 ในชื่อ "ความขัดแย้งพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน" ที่บอกเล่าเรื่องราวความขัดแย้งทางด้านพรมแดนผ่านยุคสมัยต่าง ๆ ตามทัศนะของกัมพูชา เริ่มตั้งแต่สมัยพระนคร สมัยลงแวก (ละแวก) สมัยอุดงค์ สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส สมัยสังคมราษฎรนิยม และสมัยปัจจุบัน ซึ่งเนื้อหาเป็นการตอกย้ำภาพจำของสยาม-ไทยในฐานะของตัวร้ายผู้แย่งชิงดินแดน เหมือนกับการตอกย้ำเรื่องราว "ชาตินิยมในแบบเรียน" คล้ายกับแบบเรียนประวัติศาสตร์ของไทย อีกทั้งผู้เขียนยังได้ชี้ให้เห็นถึงทัศนะประวัติศาสตร์ดังกล่าวที่ถูกทำให้ปรากฏอยู่ในหนังสือแบบเรียนประวัติศาสตร์ของกัมพูชาด้วยเช่นเดียวกัน (คล้ายทัศนะชาติยมในแบบเรียนไทย)
.
เรียกได้ว่า "มองเขมรแลสยาม" คือการเปิดมุมมองและมิติความสัมพันธ์ระหว่างสยามและเขมรได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในมิติความสัมพันธ์ด้านต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ ตั้งแต่เรื่องของการเมือง เขตแดน ศาสนา ในมุมมองด้านความประวัติศาสตร์ที่อาศัยหลักฐานจากหลากหลายแหล่ง ซึ่งรวมไปถึงหลักฐานจากเอกสารของทางกัมพูชาด้วยเช่นกัน จึงอาจเรียกได้ว่า "มองเขมรแลสยาม" คือความพยายามในการถ่ายทอดมิติความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่หลายหนมันถูกละเลยและเก็บซ่อนอยู่ภายใต้กระแสของความเกลียดชังระกว่างกัน และการปลุกระดมเพื่อหวังใช้กระแสชาตินิยมเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจของคนบางกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มในสังคมไทยหรือกลุ่มในสังคมกัมพูชา ดังที่เห็นกันอยู่ในช่วงเวลาปัจจุบัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in